Super Mario Marketing ทางที่ฉลาดกว่าเพื่อบรรลุเป้าหมาย

ธุรกิจทั่วโลกค่อย ๆ กลับมาเริ่มขับเคลื่อนอีกครั้ง หลังจากที่มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำเร็จ แต่การกลับมาครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนสู่ New Normal นักการตลาดจึงต้องปรับเทคนิคการขายสินค้าสู่ Super Mario Marketing

Super Mario Marketing ไม่ใช่แนวคิดใหม่ทางการตลาดเสียทีเดียว แต่แนวคิดนี้จะเปลี่ยนมุมมองการตลาดให้เรียบง่ายและเฉียบคม อย่างที่คุณไม่เคยรู้สึกมาก่อน…คุณเคยเล่นเกม Super Mario ของ Nintendoใช่ไหม ? 

ในเกม Super Mario คุณต้องเผชิญอุปสรรคและศัตรูมากมาย เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางในการช่วยเจ้าหญิงออกมาจากราชาคุปปะ (King Koopa) ซึ่งเจ้าเกมสุดคลาสสิคที่สนุกและมีสีสันนี้ กลับให้แง่คิดมุมมองหลายๆ อย่าง เช่น มุมมองของนักการตลาด ลองจินตนาการให้ Mario เป็นลูกค้า เจ้าหญิงเป็นเป้าหมาย  อุปสรรคและศัตรูเป็น Pain Point และดอกไม้ไฟ เป็นสินค้าและบริการของคุณ… คุณยังจำ “ดอกไม้ไฟ” ได้ใช่ไหม ?

เป็นเรื่องน่าแปลกที่นักการตลาดส่วนใหญ่เลือกที่จะบอกว่าสินค้าตัวเองดีอย่างไร… ทำนั่น ทำโน่น ทำนี่ได้ เหมือนกับดอกไม้ไฟที่ส่องแสงวิบวับ…โดยไม่เคยให้ความสำคัญกับ Pain Point ของลูกค้าและยิ่งไม่เคยบอกว่า กินฉันและคุณจะตัวใหญ่ ปาบอลไฟมหาอำนาจ ที่ทำลายทุกสิ่งได้… ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเจ้า  Mario หรือลูกค้าของคุณเลือกวิ่งเข้าเส้นชัย โดยไม่เก็บ “ดอกไม้ไฟ” ไปด้วย… แย่หล่ะสิ ทำไมเป็นเช่นนั้น ?

นักการตลาดส่วนใหญ่ ไม่ได้พาสินค้าไปไกลกว่าดอกไม้ไฟ นักการตลาดส่วนใหญ่อธิบายถึงคุณลักษณะของสินค้า สถานที่เลือกซื้อ และพลังซุปเปอร์เพาเวอร์ของสินค้า…แต่ผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่เคยสนใจสินค้าของคุณ…

เหมือน Mario ที่วิ่งผ่านดอกไม้ไฟ…ตราบใดที่คุณไม่ตะโกนว่า กินฉันสิ และคุณจะเป็น  Super Mario ที่ปาดอกไม้ไฟทำลายทุกสิ่งได้ ดังนั้นงานของนักการตลาดคือ ทำให้ Mario รู้ว่า

“เขามีหนทางที่ชาญฉลาดกว่าในการกระทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”

Harrison Powell นักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง เจ้าของผลงานกำกับในภาพยนตร์เรื่อง The Best of Enemies ในปี 2019 Paul, Apostle of Christ และ An Interview with God ในปี 2018 เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้แนวคิด Super Mario 

Harrison เริ่มต้นธุรกิจใหม่กับกิจการสินค้าเพื่อการจัดระเบียบสรีระร่างกายกับโต๊ะทำงานที่ปรับเปลี่ยนการนั่งทำงานได้ถึง 40 รูปแบบช่วยให้คุณเลือกท่านั่งทำงานที่เหมาะกับสรีระได้เป็นอย่างดี แต่แทนที่ Harrison จะบอกว่าเจ้าโต๊ะตัวนี้ทำอะไรได้…. Harrison กลับขาย benefit ของสินค้าคือ “move like a kid again” หรือ คุณจะกลับเป็นเด็กอีกครั้ง…แน่นอน ใครก็อยากกลับเป็นเด็ก

ก่อนที่คุณจะกลับไปคิดว่า “ดอกไม้ไฟของคุณ” จะชวน Mario มาเก็บอย่างไร อย่าลืมนึกถึง ราชาคุปปะ กับเจ้าหญิง ด้วยหล่ะ…ไม่เช่นนั้น Storytelling ของคุณจะอ่อนแออย่างมาก