ลองจินตนาการดูว่า ถ้าวันหนึ่งตู้เย็นเกิดฉลาดขึ้น รู้ว่าหมูไก่ผักในตู้กำลังจะหมดอายุ สามารถแจ้งเตือนและโทรสั่งวัตถุดิบได้เอง เครื่องปรับอากาศที่รู้ว่าเราชอบอากาศหนาวจัดหรืออุ่นนิดๆ แล้วปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ หลอดไฟที่สามารถปิดตัวเองได้เมื่อรู้ว่าไม่มีคนอยู่ในห้องหรือรถยนต์คันเก่งที่เพียงแค่เราบอกจุดหมายปลายทางก็จะพาเราไปส่งได้ถึงที่อย่างปลอดภัย…ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่นิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในยุค 5G

ทำไมต้อง 5G…. 5G หรือ 5th Generation เป็นการระบบการรับส่งข้อมูลด้วยคลื่นความถี่สูง มีประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลได้คราวละมากๆ สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า 4G ประมาณ 10 เท่า นั่นคือในขณะที่ 4G รับส่งข้อมูลได้ในระดับ 40-50 Mbps (เมกะบิทต่อวินาที) แต่ 5G สามารถรับส่งข้อมูลได้ 700-800 Mbps เลยทีเดียว

5G จึงเหมาะอย่างมากสำหรับแอพพลิเคชันที่ใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น ชมภาพยนตร์ HD จนถึง 4K หรือเล่นเกมออนไลน์ที่มีกราฟฟิกสูงๆ ได้อย่างไหลลื่น

นอกจากนี้ 5G ยังเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการเครือข่าย 2G 3G และ 4G โดยรวมคลื่นความถี่ทั้งหมดไว้ด้วยกัน และจัดสรรคลื่นความถี่ที่ดีที่สุดที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานโดยที่ไม่มีช่วงสะดุด ของการรับส่งข้อมูลเหมือนการใช้ 3G และ4G

ฉะนั้นในยุค 5G เครือข่าย จะเร็ว แรง และไม่สะดุด… ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้จะก่อให้เกิดบริการใหม่ เช่น ธนาคารที่ไร้คน (Unman Banking) การเกษตรยุคใหม่ (IoT Smart Farming) การแพทย์ทางไกล (Tele Medicine) รูปแบบการทำงานแบบ Mobile Office และนวัตกรรมต่างๆ อีกมากมาย

ค่ายไหนดีกว่า?… อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตว่า ถ้า 5G มาแล้วจะเลือกใช้บริการค่ายไหนดี ขออนุญาตฟันธงง่ายๆ ว่า ใครมีขนาดของคลื่นความถี่ที่กว้างที่สุด โดยเฉพาะคลื่นในช่วง 5G ก็มีแนวโน้มว่าจะให้บริการได้ดีที่สุด ซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว ค่ายสีเขียวประมูลไปได้มากที่สุด รองลงมาเป็นค่ายสีแดง และค่ายสีฟ้า

5G มาแล้วต้องเปลี่ยนมือถือไหม?… แน่นอน สำหรับคนที่หายใจเป็นเทคโนโลยี Mobile 5G เป็นไอเท็มที่ “คุณต้องมี”

ในฟากของ Iphone นั้นปัจจุบัน Smart Phone ของ Apple ยังไม่รองรับ 5G แต่ Apple มีแผนจะออกวางจำหน่ายมือถือ 5G ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ภายใต้โค๊ดเนม Iphone 12

ส่วน Android Smartphone นั้นปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่พร้อมจะออกจำหน่ายให้เป็นเจ้าของได้ในปีนี้ ทั้ง Samsung Huawei LG Vivo Oppo Xiaomi เรียกว่าแบรนด์ชั้นนำ ตบเท้าออกมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้กันเป็นแถว

สำหรับคนที่ไม่ได้ตามติดเทคโนโลยีแบบหายใจรดต้นคอ ขอแนะนำว่าให้รออีกสักนิด ให้เทคโนโลยีสะเด็ดน้ำเสียก่อน ค่อยหาซื้อก็ยังไม่สาย…

จะปรับตัวรับ 5G อย่างไร…หลายคนงง…เอ๊ะ ต้องปรับตัวด้วยเหรอ ขอบอกว่าต้องปรับตัวนิดนึงนะครับ เพราะด้วยความเร็วของ 5G ที่สูงมาก ระดับ 700-800 เมะบิทต่อวินาที สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ระดับ HD ได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที และภาพยนตร์ 4K ในเวลาไม่เกิน 3 นาที ฉะนั้นเพียงเผลอไปกดอะไรที่ไม่จำเป็น หรือนิ้วไปโดน!! แพร๊บเดียวเงินอาจจะหมดกระเป๋าได้เลยทีเดียว

โดยสรุปแล้ว 5G เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปอีกก้าวใหญ่ อย่างไรก็ตามทุกเทคโนโลยีล้วนแล้วแต่มีข้อดีและข้อเสีย ผู้ใช้งานจึงต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสม มีสติ รอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย


Passion in this story