เจาะความสำเร็จสไตล์ UHG พลิกกฎลงทุน-กลยุทธ์ตลาด

เมื่อกางแผนที่โลกออกมา แล้วดูว่าประเทศไหนมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนมากที่สุด หนึ่งในอันดับต้นๆของโลกคือ ประเทศไทยของเรานี่เอง แต่ละปีการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเกือบ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนจีดีพีทั้งทางตรงและทางอ้อมเกือบๆ 20% ด้วยเหตุนี้ ทำให้นักลงทุนหรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับอุตสากรรมการท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ ทั้งที่มีอยู่แล้วและรายใหม่ๆ ต่างก็พลิกตำราสู้กันแบบสุดฤทธิ์หวังชิงเค้กชิ้นโตก้อนนี้

passion gen พุดคุยกับ วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการกลุ่ม UHG หรือ Urban Hospitality Group (เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป) ผู้พัฒนาโรงแรมและอาคารสำนักงานในกรุงเทพหลายแห่ง ถึงสไตล์การลงทุนและการบริหาร ในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ไฟแรง ถึงจะเป็นทายาทนักธุรกิจเจ้าของอาคารใหญ่ใจกลางสุขุมวิท แต่เขากลับไม่เดินตามการทำธุรกิจแบบเดิมๆ ตรงกันข้ามเขาริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่ค่อยมีใครทำมาก่อน

ในอดีตเป็นที่ทราบกันดีว่า ครอบครัวคหบดีที่มีเงินเหลือ มักจะนำเงินนั้นมาสร้างโรงแรมใหญ่โตเพื่อแสดงถึงศักยภาพ โดยที่บางรายอาจจะยังไม่มีความเข้าใจในธุรกิจโรงแรมอย่างแท้จริง ทำให้ประสบปัญหาในภายหลัง และยังนำไปสู่ปัญหาที่พักล้นตลาดในบางจังหวัดของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของวุฒิพลนั้น เขามองต่างออกไป เพราะเมื่อมีคนมาท่องเที่ยวมากก็ย่อมมีโอกาสทางธุรกิจ แม้ว่าจะมีคู่แข่งรายรอบตัวมากมายก็ตาม และนี่คือแรงบันดาลใจสำคัญ เมื่อมองเห็นโอกาสก็ย่อมมองเห็นช่องทางที่จะแทรกตัวเข้าไปช่วงชิงโอกาสนั้น เขาจึงนำกลยุทธ์สองสามอย่างผูกไว้ด้วยกันภายใต้แบรนด์ UHG แล้วเดินหน้าต่อไป

กลยุทธ์แรกคือ การลงทุนแบบแบ่งผลประโยชน์กับพันธมิตรซึ่งก็คือเจ้าของที่ดินนั่นเอง กล่าวคือจะไม่เน้นลงทุนด้วยการซื้อที่ดิน แต่จะไปเจรจาเช่าที่ดินระยะยาว ซึ่งจะต้องอยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ และจะต้องมีระยะเวลาเช่านานพอสมควร แล้วก็ลงทุนสร้างโรงแรมหรือมิกซ์ยูส พร้อมทั้งบริหารจัดการเอง เนื่องจากมีประสบการณ์และมีทีมงานในด้านนี้พร้อมอยู่แล้ว

“การเช่าที่ดินแล้วลงทุนสร้างอสังหาริมทรัพย์ ช่วยประหยัดงบลงทุนได้มาก อาจสูงถึง 25-30% เทียบกับการซื้อที่ดิน เราจึงเลือกวิธีการนี้ จริงๆ การเช่าที่ระยะยาวแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ในต่างประเทศ และเริ่มเป็นที่นิยมในเมืองไทยเช่นกัน เนื่องจากเจ้าของที่ดินจะได้อาคารไปเมื่อครบอายุสัญญา สามารถนำไปหาประโยชน์ต่อได้เลย”

ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี กลุ่ม UHG สามารถขยายธุรกิจโรงแรมและมิกซ์ยูสจากแห่งเดียว เป็น 14 แห่ง มีมูลค่าโครงการทั้งพอร์ตไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท เฉพาะโรงแรมคาดว่าจะมีจำนวนห้องพักไม่ต่ำกว่า 2,200 ห้องภายในปี 2023 สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที

เมื่อมีแรงบันดาลใจการในสร้างแล้ว ก็มาถึงกลยุทธ์ที่สองนั่นคือ แนวคิดในการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยมองไปที่กลุ่มคนหนุ่มสาวและกลุ่มนักธุรกิจระดับกลางเป็นหลัก ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย สำหรับชาวต่างชาติจะเน้นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เดินทางด้วยตัวเอง ต้องการพักโรงแรมที่ราคาไม่แพงเกินไป แต่มีความคุ้มค่า เดินทางสะดวกสบาย ปลอดภัยและได้มาตรฐาน

ส่วนกลุ่มเป้าหมายในประเทศก็คล้ายๆกัน แต่จะเพิ่มในส่วนของการจัดงานประชุมสัมมนา นอกจากนี้ การกระจายโครงการไปตามแนวรถไฟฟ้า ย่านธุรกิจและสถานท่องเที่ยวต่างๆ แม้กระทั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เป็นการเพิ่มความหลากหลายของลูกค้ากลุ่มย่อย และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงอีกด้วย

อีกกลยุทธ์หนึ่งคือ การเกาะกระแสคอมมิวนิตี้แนวใหม่ที่เรียกว่ามิกซ์ยูส ซึ่งปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายรายหันมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น อย่างเช่น โครงการดุสิตเซ็นทรัลปาร์คของกลุ่มดุสิตร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัล โครงการ One Bangkok ของกลุ่มทีซีซี ทั้งนี้ กลุ่ม UHG เพิ่งเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสสองแห่งเมื่อปีที่แล้วได้แก่ อารีย์ฮิลส์และลาดพร้าวฮิลส์ ปัจจุบันผู้เช่าสำนักงานเต็ม 100% ทั้งสองโครงการ ส่วนโครงการอื่นที่กำลังก่อสร้างอยู่ มีทั้งแบบโรงแรมอย่างเดียว เช่น ที่สีลม ซอยร่วมฤดี พร้อมพงศ์ และริมแม่น้ำเจ้าพระยาและโครงการมิกซ์ยูสย่านรัชโยธิน เป็นต้น

เคล็ดลับสุดท้ายกับความสำเร็จสไตล์วุฒิพลและ UHG คือการลงมือทำและซึมซับประสบการณ์ด้วยตัวเอง ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ อย่างเช่น การนั่งรถไฟฟ้าและเรือคลองแสนแสบเพื่อดูพฤติกรรมและการใช้ชีวิตของผู้คน การนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปประชุมในบางครั้ง ไม่ใช่เพียงเพราะเร่งรีบ แต่ทำให้ได้รู้ถึงเส้นทางลัดและอาจได้เจอที่ดินทำเลดีระหว่างทางด้วย มีบางครั้งที่ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปดูที่ดินที่อยู่ในระหว่างการเจรจาทุกช่วงเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงดึกเลยเนื่องจากพฤติกรรมของผู้คนมนช่วงเวลาต่างๆ แตกต่างกัน เห็นไหมว่า เบื้องหลังความสำเร็จนั้น มีมากมาย จริงๆ