กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเผชิญฝนแล้งยาวนานไปจนถึงเดือนมิถุนายน ขณะที่ข้อมูลจากสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ก็ระบุในทิศทางเดียวกันว่าในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในแม่สายหลักรวมทุกภาค อยู่ในเกณฑ์ที่น้อยถึงปานกลาง ส่วนปริมาณน้ำรวมทั่วประเทศก็เหลืออยู่ที่ระดับประมาณ 60% ของความจุแหล่งเก็บน้ำรวมทั้งหมด
มีการคาดการณ์ว่าจะมีอย่างน้อย 14 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างรุนแรง และถูกประกาศเป็นเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว ได้แก่ เชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี นครพนม บึงกาฬ มหาสารคาม หนองคาย บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา กาญจนบุรี และฉะเชิงเทรา รวมทั้งสิ้น 3,785 หมู่บ้าน ขณะที่อีก 43 จังหวัดถูกกำหนดเป็นพ้นที่เสี่ยงแล้ว
อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องน้ำประปาเค็มในเขตกรุงเทพและปริมณฑล อันเกินจากน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น แต่ไม่มีการปล่อยน้ำจากเหนือมาเพื่อผลักให้น้ำเค็มลงทะเล ทำให้น้ำประปาเค็มสูงกว่าค่ามาตรฐาน
จากสถานการณ์ภัยแล้วและน้ำน้อยดังกล่าว จึงมีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิตโดยเฉพาะเกษตรกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพื้นดินที่ขาดน้ำและความชุ่มชื้น จะทำให้พืชผลเจริญเติบโตช้า ส่งผลให้ผลผลิตทั้งคุณภาพ-ปริมาณต่ำลง ก็จะส่งผลถึงปริมาณสินค้าในท้องตลาดน้อยกกว่าปกติ สุดท้ายราคาจะดีดสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณ 3,079 ล้านบาทไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำหรับขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อรับมือปัญหาภัยแล้ว โดยแบ่งเป็นงบสำหรับพื้นที่ในความดูแลของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) 1,100 ล้านบาท และพื้นที่นอกการดูแลของ กปภ. 1,900 ล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจเพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยได้มีการรณรงค์ให้ทุกฝ่ายช่วยกันประหยัดการใช้น้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอจนกว่าจะพ้นวิกฤติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้นำน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ผ่านการบำบัด กลับมาใช้ประโยชน์ในภาคเกษตรกรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเหล่าเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม วิธีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำที่ดีสุดก็คือ การเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภคที่มีอยู่ให้มากขึ้น โดยวิธีที่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็คือ การแปลงน้ำทะเลที่มีอยู่มากมายมหาศาลให้กลายเป็นน้ำจืดนั่นเอง
การแปลงน้ำทะเลเป็นน้ำจืด เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายๆ ประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำสำหรับการบริโภค ตัวอย่างเช่น ประเทศสิงค์โปร ซึ่งเป็นประเทศที่เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำจืดภายในปี 2583 ตามรายงานของ World Resource Institute ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตด้วยการสร้างโรงกลั่นน้ำทะเลขึ้นมาถึง 5 แห่ง และยังมีแผนจะสร้างเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต นอกจากนั้นแล้ว
ก่อนหน้านี้หลายปีก่อนสิงค์โปรได้เริ่มโครงการการนำน้ำจากบ้านเรือนและสถานประกอบการต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า “New Water Project” หรือเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นน้ำใหม่ น้ำใหม่ที่ว่านี้สามารถดื่มกินได้อย่างปลอดภัยจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันมีการสร้างพื้นที่สำหรับกักเก็บน้ำฝน รวมไปถึงทำการทดลองสร้างถนนที่สามารถดูดซับน้ำบนพื้นถนนไปเก็บไว้ในถังข้างใต้พื้นอีกด้วย
หันกลับมามองปัญหาน้ำในประเทศ จะพบว่าปัญหาภัยแล้งน่าจะเป็นปัญหาใหญ่อีกต่อไป แต่ที่เป็นปัญหามายาวนานและสามารถแก้ไขได้ค่อนข้างดีคือ ปัญหาขาดแคลนน้ำจืดในบางพื้นที่หรือในบางฤดูกาลที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่เป็นเกาะ เช่น เกาะภูเก็ต เกาะสมุย เกาะช้าง เกาะสีชัง และเกาะอื่นๆอีกหลายแห่ง เกาะเหล่านี้ทั้งหน่วยงานรัฐหรือผู้ประกอบการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลได้เพียงพอกับความต้องการ จึงไม่น่าห่วงอะไร
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…
บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…
ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…
ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…
This website uses cookies.