คุณเคยตั้งเป้าที่จะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกมันกลางคันเพราะขี้เกียจไหม ?

คุณเคยคิดอยากจะออกกำลังกายทุกวัน มีทรวดทรงองค์เอวให้รู้สึกดีกับตัวเองเล่นๆ แต่ก็จบลงที่เตาหมูกระทะและชานมไข่มุกหวาน 125% รึเปล่า ?

คุณไม่ใช่คนเดียวหรอกที่รู้สึกเช่นนี้ เพราะเราทุกคนล้วนแต่มีความขี้เกียจติดตัวมาตั้งแต่เกิด และไม่แปลกที่เราจะหมดกำลังใจในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เพราะเรื่องนี้มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายเอาไว้อยู่

ที่คุณรู้สึกหมดเรี่ยวแรง หมดไฟ และหมดกำลังใจที่จะทำการใด ๆ เช่นนี้ เป็นเพราะว่าคุณรู้สึกเหนื่อยล้าจากการควบคุมตัวเองยังไงล่ะ โดยปกติแล้วมนุษย์ทุกคนจะมีสิ่งที่เรียกว่า “willpower” หรือ “แรงใจที่จะควบคุมตัวเอง”

ถ้าจะแปลให้ง่ายกว่านั้นอาจจะเป็นความอดทน วินัย ฯลฯ ซึ่งไอเจ้า willpower นี้เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างกำลังใจที่ดี ทำให้เรามีแรงจูงใจ มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ

Roy Baumeister นักจิตวิทยาที่ศึกษาเรื่อง willpower ได้ทำการทดลองโดยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองเป็น 2 กลุ่ม และให้กลุ่มแรกรับประทานคุกกี้อบใหม่ที่มีกลิ่นหอมยั่วยวน ในขณะที่กลุ่มที่ 2 ให้รับประทานแค่หัวไชเท้าในชามที่อยู่ถัดจากชามคุกกี้ จากนั้นให้ทั้งสองกลุ่มลองทำบททดสอบ

นักวิจัยพบว่ากลุ่มที่ต้องรับประทานแต่หัวไชเท้าและห้ามกินคุกกี้นั้น ยอมแพ้และเลิกทำบททดสอบเร็วกว่ากลุ่มที่รับประทานคุกกี้ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากกลุ่มที่รับประทานหัวไชเท้าจำเป็นต้องออกแรงต่อสู้กับความอยากและควบคุมตนเองไม่ให้กินคุกกี้ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ดังนั้นจึงมีความตั้งใจน้อยกว่าและไม่สามารถจดจ่อกับบททดสอบได้เท่ากับอีกกลุ่มที่ได้กินคุกกี้

willpower ของคนเราในแต่ละวันก็เหมือนกับแบตเตอรี่ ยิ่งใช้มากเท่าไหร่ มันยิ่งหมดเร็วเท่านั้น การควบคุมตัวเองให้ทำหรือไม่ทำอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่ใช้ willpower ของเราทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมในช่วงบ่ายเราถึงไม่ค่อยมีแรงหรือมีสมาธิที่จะทำงานกันนัก เพราะเราใช้ willpower ไปกับการปลุกตัวเองให้ตื่น ฝืนตัวเองให้มาทำงาน ฝ่ารถติดในตอนเช้า บังคับตัวเองให้จดจ่อกับการทำงานไม่วอกแวกไปเลื่อนนิวส์ฟีดในเฟซบุ๊ก ควบคุมตัวเองไม่ให้ปรี๊ดแตกใส่เพื่อนร่วมงาน หรือต่อสู้กับความขี้เกียจเพื่อโบนัสก้อนโตในปลายปี

อย่างที่บอกไปว่า willpower นั้นทำงานเหมือนแบตเตอรี่ ดังนั้นเราจึงควรใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุดและให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งเป้าไว้ในแต่ละวันให้สำเร็จลุล่วง

และต่อไปนี้คือทริคในการจัดการกับ willpower เพื่อให้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ตอนเช้าคือเวลาทอง

ในตอนกลางคืนที่เรากำลังนอนหลับปุ๋ย ร่างกายจะชาร์จและฟื้นฟู willpower จนเต็มเปี่ยม ทำให้ในตอนเช้าเป็นเวลาทอง เพราะเรามี willpower ที่จะควบคุมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นถ้าต้องการจะทำอะไรให้สำเร็จ ควรเลือกทำในตอนเช้าหลังตื่นนอน

สิ่งสำคัญคือเราไม่ควรหมดพลังไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ‘ลำดับความสำคัญในชีวิต’ เลือกทำในสิ่งที่สำคัญกับเป้าหมายในชีวิตซะก่อน เช่น ถ้าคุณตั้งเป้าจะออกกำลังกายเป็นประจำในทุกวัน หรือจะการใหญ่ให้เสร็จสิ้นซะวันนี้ ก็ควรเลือกทำในช่วงชั่วโมงแรก ๆ ของวันหลังตื่นนอน

2. ความสงบบ่อเกิดของพลัง

หลายคนชอบความหวือหวา ความตื่นเต้น หรือเสพติดความเศร้าในชีวิต แต่รู้ไหมว่าอารมณ์เหล่านี้ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและหมดพลังงานได้ง่าย ๆ ลองจินตนาการว่าถ้าคุณดูหนังเศร้าแล้วอยากจะร้องไห้เสียเหลือเกิน แต่คุณบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ หลังดูหนังจบคุณจะเลือกกินอะไรระหว่างสลัดกับคุ้กกี้? จากการทดลองพบว่าผู้ที่ต้องอดกลั้นอารมณ์มีแนวโน้มจะเลือกกินคุกกี้มากกว่า ไม่ต่างอะไรกับเวลาที่เครียด เราจะควบคุมตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ได้ยากขึ้นนั่นแหละ

การสงบสติอารมณ์ เลือกที่จะออกมาจากความวุ่นวายแล้วมาอยู่กับตัวเอง ก็เหมือนกับการชาร์จแบตไปในตัวเหมือนกัน เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกหมดแรง หมดพลัง โฟกัสสิ่งต่าง ๆ ได้ยาก ลองทำสมาธิหรือหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ ดูสิ ผลการศึกษาพบว่าเมื่อเราทำสมาธิถึงหรืออยู่กับตัวเอง แม้จะเพียงเวลาสั้น ๆ จะช่วยเพิ่ม willpower ของเราได้

3. ปล่อยให้ชีวิตผ่อนคลายดูบ้าง

อย่าจริงจัง ควบคุม หรือตีกรอบกับทุกพื้นที่ในชีวิตขนาดนั้น เพราะมันจะทำให้คุณต้องสูญเสีย willpower ไปกับทุก ๆ อย่างในชีวิต การที่เรามีระเบียบ เคร่งครัด เอาจริงเอาจัง มันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงใจที่จะทำอะไรอย่างอื่นก็คงจะแย่เหมือนกัน

ลองปล่อยให้บางพื้นที่ บางจังหวะของชีวิตผ่อนคลายลงบ้าง เช่น ปล่อยให้ห้องรก หรือปรับเปลี่ยนแผนอะไรบางอย่างให้ยืดหยุ่น ไม่ตึงเกินไป และไม่หย่อนเกินไป ใช้ชีวิตแบบพอดี ๆ อาจจะช่วยทำให้คุณมีพลังไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าได้มากขึ้น

4. อย่าใช้ willpower พร้อมกันในหลาย ๆ เรื่อง

เนื่องจาก willpower มีวันหมด ดังนั้นเราจึงไม่ควรทำอะไรหลาย ๆ อย่างเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องยากที่ต้องใช้พลังจำนวนมหาศาล

เช่น วางแผนจะลดน้ำหนัก หาแฟน หางานใหม่ และลงแข่งไตรกีฬาไปพร้อมกัน โอกาสที่จะประสบความสำเร็จย่อมน้อยลง เพราะ willpower ที่ใช้ไปในกิจกรรมหนึ่ง จะเหลือน้อยจนไม่พอไปใช้กับกิจกรรมอื่นด้วย สิ่งที่ควรทำคือโฟกัสไปที่เรื่องเดียวให้สำเร็จเสียก่อน ค่อย ๆ ทำทีละเรื่องสองเรื่อง

หรือหากจำเป็นที่ต้องทำเรื่องยาก ๆ พร้อมกันจริง ๆ ให้ตัดหรือทำให้เรื่องที่ “ยังไม่อยากทำ” ให้เป็นเรื่องยาก เช่น อยากจะเสียเงินไปกับการช็อปของออนไลน์ให้น้อยลง ก็ลบแอพออกจากโทรศัพท์ทิ้ง หรือถ้าอยากจะลดน้ำหนักก็เอาของกินอ้วน ๆ ออกไปจากบ้านซะ ถ้าอยากกินจริง ๆ ต้องจำเป็นขับรถออกไปซื้อซึ่งเป็นเรื่องยากขึ้น เมื่อไม่มีอะไรล่อตาล่อใจให้เราเขวจากเป้าหมาย เราก็ใช้ willpower ในการควบคุมตัวเองน้อยลง

5. นึกถึงผลสำเร็จเข้าไว้

ถ้าคุณรู้สึกหมดสิ้นแล้วซึ่งพลัง ให้ลองนึกถึงผลสำเร็จที่รอคุณอยู่ดูสิ

Elliott Berkman นักประสาทวิทยาระบุว่า “เมื่อได้ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำจริง ๆ เราจะเหน็ดเหนื่อยน้อยลง” นั่นเป็นเพราะว่าเราใช้ willpower ในควบคุมตัวเองน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ

และถ้าคุณรู้สึกหมดแรงที่จะทำแม้ว่านั้นคือสิ่งที่คุณรักที่จะทำ ให้ลองนึกถึงผลสำเร็จของมันดู เหมือนกับนักวิ่งที่เห็นภาพตัวเองวิ่งเข้าเส้นชัยและชูถ้วยรางวัลอยู่ มันจะทำให้คุณมีแรงฮึดขึ้นมาเลยแหละ

ลองทำตาม 5 ทริคนี้ดู คุณอาจจะมี willpower ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตมากขึ้น และเห็นโอกาสที่จะทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ ถ้ารู้สึกว่าหมดพลังจริง ๆ ลองงีบดูสักแป๊ปหรือจิบอะไรหวาน ๆ สักหน่อย จะช่วยให้แบตทำงานต่อได้อีกสักระยะ

ใช้เวลาทองในตอนเช้าให้คุ้มค่า ชาร์จพลังจากความสงบ ผ่อนคลายกับชีวิต ตัดอะไรที่เปลืองสมองเปลืองพลังงานทิ้ง และนึกถึงรางวัลที่รอคุณอยู่ คุณจะมีแรงใจมากพอในการทำงานให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน

 

เรียบเรียงจาก https://www.psychologytoday.com/intl/blog/feeling-it/201602/4-science-backed-tips-achieving-your-dreams

Passion in this story