ฮ้าวววววว…….. คุณหาวออกมาในขณะที่คุณกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิตของคุณ สมองของคุณไม่แล่น นิ้วมือที่แตะคีย์บอร์ดอยู่หยุดนิ่ง สติเริ่มเรือนราง เปลือกตาหนักอึ้ง และคุณต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อระวังไม่ให้ตัวเองหลับคาโต๊ะทำงาน แม้ว่าคุณจะลุกไปล้างหน้าแต่พอกลับมานั่งที่โต๊ะได้ไม่นานความง่วงก็กลับมาเยือนอีกครั้ง
เหตุการณ์ที่กล่าวมานี้คือ สัญญาณที่บ่งชี้ว่าในช่วงนี้คุณขาดการพักผ่อนอย่างเพียงพอต่อเนื่องมาหลายวัน และมันก็เริ่มส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของคุณแล้ว
ปัจจุบัน การนอนไม่ตรงเวลา หรือการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นปัญหาใหญ่ของคนในสังคมยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้พวกเรามีความบันเทิงให้เลือกมากขึ้นในช่วงก่อนนอน ซึ่งมนุษย์เราก็แปลก พวกเรามักจะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข มากกว่าสิ่งที่ถูกต้อง
แม้พวกเราจะรู้ถึงข้อเสียของการนอนหลับไม่เพียงพออยู่เต็มอก แต่คนจำนวนมากก็ยังชอบเล่นอินเทอร์เน็ต ชอบดูซีรีย์ หรือเล่นเกมอยู่จนดึกๆ เพื่อคลายเครียดจากการทำงาน
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชอบนอนดึก คุณควรพิจารณารีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณ แล้วเพิ่มเวลานอนให้มากขึ้น เริ่มตั้งคืนนี้เป็นต้นไป…
แต่ช้าก่อน!นั่นมันเรื่องสำหรับคืนนี้ ตอนนี้คุณยังอยู่ในเวลางาน และยังอีกเหลือหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน ตอนนี้คุณต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ง่วงนอนนี้ไปให้ได้ซะก่อน
บทความที่คุณอาจสนใจ Work-Life Balance “นอน” คือหนทางสู่ความสำเร็จ จะหลับให้สนิทได้อย่างไรในภาวะวิกฤตโควิด – 19
ในบทความนี้ passion gen จึงขอมาแนะนำวิธีแก้ง่วงนอน แบบเฉพาะหน้าจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง เพื่อให้คุณสามารถลืมตาตื่นอยู่ได้ในช่วงเวลาทำงาน ก่อนที่คุณจะสามารถกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้าน
1.ขยับร่างกาย ยืดเส้นยืดสาย
สำหรับคนที่นอนพักผ่อนเพียงพอ สถานที่มีบรรยากาศเงียบสงบ และสภาพอากาศเย็นสบาย ถือเป็นสภาพแวดล้อมที่จะช่วยเสริมสร้างสมาธิในการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในทางกลับกัน หากคุณขาดการพักผ่อน สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้คุณรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาได้เป็นอย่างดี
เมื่อคุณเริ่มรู้สึกง่วง คุณจะต้องทำให้ร่างกายของคุณมีการเคลื่อนไหวให้มากที่สุด เพื่อให้สมองของคุณรับรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลานอนนะ ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นไปเดินรอบห้อง คุณสามารถนั่งอยู่ที่โต๊ะของคุณเหมือนเดิม แล้วทำการขยับแขน แกว่งขา หรือ ย่ำเท้าอยู่ใต้โต๊ะของคุณอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับท่าบริหารร่างกายที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำให้ทำเพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เรียกได้ว่า นอกจากคุณจะกำจัดให้ความง่วงหายไปได้แล้ว คุณยังได้บริหารร่างกายเพื่อสุขภาพอีกด้วย
2.หาความบันเทิงในระหว่างการทำงาน
เชื่อว่าหลายๆ ท่าน คงชอบนั่งฟังเพลง ไปพร้อมกับการทำงานอยู่แล้ว เพื่อความเพลิดเพลิน และเพิ่มสมาธิในการทำงาน แต่เรื่องแปลกก็คือ สำหรับบางคน รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย การมีเสียงเพลงกรอกหูอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ช่วยป้องกันความง่วงเสมอไป การจะเผลอกลับไปทั้งๆที่กำลังใส่หูฟัง และฟังเพลงเสียงดังอยู่นั้นเป็นไปได้ โดยเฉพาะในตอนที่วงอย่างหนัก ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้ควรทำอย่างไร?
คำตอบก็คือ คุณต้องหาสื่อที่มีเนื้อหาตลกขบขันมาฟัง เพราะว่าการหัวเราะ คือ ยาแก้ง่วงชั้นดี (แต่คุณต้องกลั้นขำให้ดี เพราะมันอาจรบกวนเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้) แต่ไม่แนะนำให้คุณเปิดคลิปวิดิโอขึ้นมาดูบนหน้าจอ เพราะเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้าที่เดินผ่านมาอาจคิดว่าคุณแอบอู้งานได้ คุณควรเปิดคลิปที่คุณสามารถฟังแต่เสียงพูดของพิธีกร หรือเสียงบรรยายแล้วสนุกไปกับเนื้อหาได้ หรือไม่ก็หา Podcast สนุกๆ มาฟัง เพื่อให้คุณสามารถทำงานไปพร้อมกันได้อย่างแนบเนียน โดยไม่ต้องคอยสลับหน้าต่างไปดูวิดิโอ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกฟังสื่อที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องที่คุณสนใจ หรือชื่นชอบก็ได้ เพราะสติของคุณจะตื่นตัวในยามที่คุณกำลังให้ความสนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
3.นอนหลับสั้นๆ
แน่นอนว่าวิธีป้องกันการง่วงนอนที่ดีที่สุดอย่างไรก็หนีไม่พ้นการนอนหลับ และการนอนพักผ่อนช่วงสั้นๆ ระหว่างวันเพียง 15-20 นาที ในระหว่างวันสามารถช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์
โชคร้ายที่ในออฟฟิต คุณไม่สามารถแอบนอนบนโต๊ะได้เหมือนในห้องเรียน ดังนั้น ให้คุณใช้วิธีการในข้อ 1-2 เอาตัวรอดผ่านช่วงเช้าให้ได้ และพอถึงช่วงพักกลางวัน ก็รีบรับประทานข้าวกลางวันให้เสร็จแล้วใช้เวลาพักที่เหลือ หามุมเงียบๆแล้วปิดตานอน ซึ่งบริษัทบางที่จะมีการจัดพื้นที่ไว้ให้พนักงานสามารถไปนอนพักได้ แต่ถ้าบริษัทคุณไม่มีพื้นที่แบบนั้นก็ให้นอนหลับที่โต๊ะของคุณแทน และอาจจะบอกให้เพื่อนร่วมงานของคุณให้ช่วยปลุกให้คุณตื่นเมื่อหมดเวลาพัก
ทุกท่านอาจจะสงสัยว่า อะไรมีประสิทธิภาพมากกว่ากันระหว่าง การดื่มกาแฟ กับการนอนพักผ่อนช่วงสั้นๆ ที่ต่างประเทศมีการวิจัยออกมาว่า
การทำทั้งสองอย่างด้วยกันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ตามเทคนิคที่เรียกว่า “Coffee Nap” หรือ การดื่มกาแฟอย่างเร็วๆ แล้วไปนอนเป็นเวลาไม่เกิน 20 นาที
เทคนิคนี้มีหลักการ คือ ปกติแล้วคาเฟอีนที่ร่างกายรับเข้าไปจะออกฤทธิ์หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที ดังนั้น หากคุณดื่มแล้วไปนอนทันที คาเฟอีนจะไม่ขัดขวางการนอนของคุณ และเมื่อคุณตื่นขึ้นมาหลัง 20 นาทีผ่านไป คุณก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทั้งจากการนอน และคาเฟอีนพร้อมๆกัน
แต่มีข้อควรระวังก็คือ ต้องระวังอย่าหลับเกิน 20 นาที เพราะคุณจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการสะลึมสะลือแทน และคุณไม่ควรหลับ หรือดื่มกาแฟในช่วง 6 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลานอนปกติ เพราะจะทำให้คุณนอนหลับได้ยากขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็คือ เคล็ดลับแก้อาการง่วงนอนขณะอยู่ในออฟฟิตที่ผู้เขียนนำมาฝาก หวังว่ามันคงจะสามารถช่วยทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย แต่ขอเตือนซักนิดว่า คุณไม่ควรใช้วิธีเหล่านี้เพื่อลดเวลานอนตามปกติของคุณ เพราะว่าไม่มีการพักผ่อนใดจะดีต่อสุขภาพมากไปกว่าการนอนหลับอย่างเพียงพออีกแล้ว
Category: