การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เป็นเรื่องท้าทายสำหรับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนหรือหน่วยงานราชการ เพราะหากไม่ปรับหรือคิดจะปรับแต่เริ่มช้าไป ก็อาจตกขบวน ไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

“กรมสรรพากร” เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานราชการที่พยายามปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนวุ่นวายของระบบราชการเดิม ที่เคยทำให้การเสียภาษีเป็นเรื่องยุ่งยาก กลายเป็นเรื่อง “ง่าย สะดวก และตรงใจ” ในมุมมองของประชาชน

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร

เปิดแนวคิด “สรรพากรยุคใหม่”

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร เล่าถึงแนวคิดในการนำกรมสรรพากรก้าวสู่การเป็น “สรรพากรยุคใหม่” ว่า สมัยก่อน กรมสรรพากรบริหารงานโดยใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง เมื่อประชาชนมาติดต่อยื่นชำระภาษี ประชาชนต้องหาข้อมูลเอง คำนวณภาษีเอง ยื่นเอกสารเอง ทำให้หลายคนมองว่ากรมสรรพากรไม่เป็นมิตรและเข้าถึงยาก

แล้ว “สรรพากรยุคใหม่” จะมีหน้าตาอย่างไร?

ในทัศนะของเอกนิติ “สรรพากรยุคใหม่” ต้องทำให้ “ภาษี” ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ชิดประชาชน “ง่าย สะดวก และตรงใจ” โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงานของกรมสรรพากรทุกขั้นตอน ที่เรียกว่า Digital Transformation ซึ่งไม่ใช่เพียงเปลี่ยนการทำงานบนกระดาษมาเป็นการทำงานบนอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ แต่ต้องเปลี่ยนทั้งกระบวนความคิด ปรับเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางฯ มาเป็นยึดประชาชนผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง และสร้างบริการที่ตรงใจประชาชน

บริการนำร่อง PIT Digital Services ยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง

ล่าสุด ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 และ 91  กรมสรรพากร ได้เปิดบริการใหม่ “PIT Digital Services (PIT : Personnel Income Tax)” บริการดิจิทัลสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อเป็นบทพิสูจน์ว่ากรมสรรพากรพร้อมแล้วในการก้าวเข้าสู่ “สรรพากรยุคใหม่” ด้วยความจริงใจที่จะ “ยึดประชาชนผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง”

        PIT Digital Services คืออะไร? ตอบโจทย์… ยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลางจริงหรือ ?

“สมัยก่อน การเข้าระบบออนไลน์เพื่อเสียภาษีแต่ละครั้งค่อนข้างยุ่งยากเพราะข้อมูลยังกระจัดกระจาย เราก็ปรับให้มันง่าย สะดวก และตรงใจผู้เสียภาษีขึ้น เวลานี้ใครเข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร จะเจอเมนูรายการและข่าวสารเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบนหน้าเว็บไซต์เลย  โดยเราทำเป็น Single Point Gateway  ให้ผู้เสียภาษีสามารถเลือกรับบริการที่ต้องการได้ภายในหน้าเดียว ไม่ต้องไปค้นหาตามที่ต่างๆ ให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายและช่องทางการเข้าถึงข้อมูลอย่างหลากหลาย ทั้งการยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์บนระบบ e-Filing ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร และทางแอพพลิเคชั่น RD Smart Tax บนสมาร์ทโฟน”

ไม้เด็ดที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การให้บริการในครั้งนี้ก็คือ “น้องอารี” Chatbot ซึ่งเป็น Artificial intelligence Virtual Assistant ที่มีรูปร่างหน้าตาจริงใจและเป็นมิตร ซึ่งจะมาช่วยตอบคำถามผู้เสียภาษีในรูปแบบบทสนทนาทางเว็บไซต์

ส่วนผู้อยากพบ “น้องอารี” ตัวจริงเสียงจริง ต้องมารับบริการด้วยตัวเองที่สำนักงานสรรพากรสาขาทั่วประเทศ เพราะ “น้องอารี” คือเจ้าหน้าที่ทุกคนของกรมสรรพากร ที่ได้รับการฝึกอบรมมาแล้วอย่างดีในบทบาทของผู้ให้บริการด้วยความเต็มใจนั่นเอง

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว กรมสรรพากรยังมีบริการที่ให้ความสะดวกอื่นๆ เช่น การชำระภาษีด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต  e-Payment และ ATM on Internet ผ่านระบบออนไลน์ได้ ส่วนผู้ต้องการขอคืนภาษี ก็มี My Tax Account ช่วยตรวจสอบข้อมูลค่าลดหย่อนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กรมสรรพากรเชื่อมโยงจากหน่วยงานภายนอกตามความสมัครใจของผู้จ่ายภาษี

ที่สำคัญคือผู้เสียภาษี สามารถเลือกรับเงินภาษีคืนด้วยการโอนเงินผ่านระบบ PromptPay หรือขอรับเงินภาษีคืนในรูปแบบบัตร e-Money และ e-Wallet พร้อมบริการระบบ SMS แจ้งเตือนกำหนดการชำระภาษีและแจ้งเตือนเมื่อมีการคืนเงินภาษีถึงผู้เสียภาษีทุกท่าน

สรรพากรยุคใหม่ เปลี่ยนยักษ์เป็นยิ้ม

       เอกนิติย้ำว่า นโยบายหลักของเขาคือเปลี่ยนสรรพากรจากยักษ์เป็นยิ้ม และเป็นยิ้มจากใจ เพราะนี่คือสรรพากรยุคใหม่ ที่ไม่หยุดพัฒนาระบบใหม่ๆ เพื่อประชาชน โดยซีรีส์ 2 ที่เตรียมไว้แล้วสำหรับกลางปี คือ บริการดิจิทัลสำหรับผู้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแนวทาง “ตรงเป้า ตรงกลุ่ม ตรงใจ” และมีประชาชนผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง

Category:

Passion in this story