เมื่อเร็วๆ นี้ Passiongen มีโอกาสไปร่วมงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40” ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อเติมเต็มความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีอนาคต และได้ประทับใจกับความสามารถของยานยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นมากกว่าพาหนะขับเคลื่อน ภายใต้นิยามของคำว่า สมาร์ท คาร์ (SMART CAR)
ความสามารถของสมาร์ท คาร์ ล้ำหน้าไปถึงขั้นจดจำรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของเจ้าของรถ โดยเรียนรู้จากสิ่งที่เจ้าของรถหรือผู้ขับขี่รถทำบ่อยๆ เช่น ใช้อินเตอร์เน็ตหาข้อมูลร้านอาหาร หรือร้านกาแฟระหว่างทาง หากใช้เส้นทางเดิมจะมีการแจ้งเตือนกิจกรรมนั้นๆ และถ้าเปลี่ยนเส้นทาง ก็จะมีข้อมูลแสดงว่าเส้นทางใหม่มีร้านอาหาร หรือร้านกาแฟแบรนด์ที่เคยหาข้อมูลหรือแบรนด์ใหม่ใกล้เคียงกัน ซึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ สามารถจองที่นั่งหรือสั่งอาหารเพื่อรับสินค้าเมื่อไปถึงได้ทันที
การพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ เอไอ ให้มาอยู่ในรถยนต์ ทำให้สมาร์ท คาร์ มีความใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทำงานแทนมนุษย์ได้และอาจดีกว่าเมื่อสามารถเข้าถึงระบบสั่งการต่าง ๆ ได้ เช่น สามารถถอยจอดอัตโนมัติ (Parking Assistant Plus) ในมุมมองจำกัด สามารถหยุดรถเอง (City Braking Function) เมื่อเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป จนถึงระบบเตือนหากผู้ขับรถเผลอหลับ เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวจะร้องเตือนไม่ให้เบี่ยงเลน (Lane Departure Warning) เป็นต้น
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของนวัตกรรมในรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการพัฒนาแล้ว ซึ่งไม่ใช่เพียงรถเก๋ง แต่ยังรวมรถกระบะหรือรถปิกอัพ ซึ่งเคยมีภาพจำว่าเป็นเพียงรถบรรทุกของอีกด้วย
ที่น่าสนใจมากอีกประเด็นสำหรับสมาร์ทคาร์คือ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทุกค่ายรถที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนมีผู้เข้าชมแน่นขนัด
ผู้บริโภครายหนึ่งบอกกับ Passiongen ว่า เขาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากราคาเชื้อเพลิงแบบเดิมมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ รถพลังงานไฟฟ้า ยังมีค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาถูกกว่ารถใช้น้ำมัน เพราะมีชิ้นส่วนหลักในการขับเคลื่อนเพียง 20 ชิ้น ในขณะที่รถยนต์ปกติ มีชิ้นส่วนขับเคลื่อนถึง 2,000 ชิ้น จึงไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไม่ต้องบำรุงรักษาระบบจุดระเบิด และไม่ต้องเช็คระดับความร้อนของหม้อน้ำ เป็นต้น
เท่าที่สำรวจความเห็นของผู้เข้าชมงานนี้อย่างไม่เป็นทางการ เห็นได้ชัดว่า ความฉลาดล้ำสมัยของเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต กลายเป็นประเด็นสำคัญรองจากราคาจำหน่าย สมกับยุค Internet of Things ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันถูกเชื่อมโยงสู่โลกอินเตอร์เน็ต
โลกอนาคตที่เราเคยได้ยิน ได้ฟังจากจินตนาการของใครบางคน หรือเคยเห็นในภาพยนตร์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป นี่คือยุค IoT หรือ M2M Machine to Machine ที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วให้เรามองหา “โอกาส” พัฒนาหรือสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่
The Author
ฌานิศ พึ่งใจ
Category: