มีคนจีนมากมายที่หลายคนเรียกเขาว่า “มังกรผลัดถิ่น” ข้ามน้ำข้ามทะเลจากบ้านเกิดไปอยู่ถิ่นอื่นทำมาหากินอย่างขยันขันแข็งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการค้า จากไม่มีอะไรจนสุดท้ายก็กลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่ร่ำรวยไม่ว่าจะไปจับธุรกิจไหนมาเป็นของตนเองทำแล้วยังไงก็รวยเหมือนเดิมไม่มีผิดพลาด บางครอบครัวนอกจากคนรุ่นพ่อจะมาเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสร้างรากฐานไว้แล้วก็ยังมีการสอนลูกหลานญาติพี่น้องให้ทำธุรกิจจนกลายเป็นธุรกิจกงสี เป็นการปูทางไว้ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปสามารถสืบทอดธุรกิจต่อจากที่บ้านได้

สิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากสายเลือดสู่สายเลือด จนกลายเป็น “ภูมิปัญญา” ที่ไม่มีสอนกันอย่างจริงจังในตำราเรียนธุรกิจเล่มใด ทำธุรกิจแล้วรวยน่ะใครที่มีโอกาสดี ๆ จังหวะเหมาะ ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ถามว่าความรวยนั้นจะยั่งยืนแค่ไหนก็ไม่มีใครทราบ แต่สำหรับคนจีนแล้วพวกเขามีเคล็ดลับทำแล้วรวยแบบยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียบง่ายในทางทฤษฎีแต่ยากยิ่งในการปฏิบัติ ไปดูกันดีกว่าว่าเคล็ดลับทำแล้วรวยแบบยั่งยืนตามวิถีจีนนั้นเขามีหลักอะไรบ้าง

ทำทุกอย่างให้เหมือน “มด” แล้วคุณจะรวย

มด ตัวเล็กก็จริงแต่มันไม่เคยย่อท้อต่อภาระอันหนักอึ้งเมื่อพวกมันเจออาหารไม่ว่าจะชิ้นใหญ่แค่ไหนพวกมันไม่เคยถอดใจปล่อยอาหารกองไว้ตรงนั้น มันจะค่อย ๆ หาวิธีขนย้ายอาหารกลับรังของมันตัวเดียวขนไม่ได้ก็ใช้กำลังหลาย ๆ ตัวพยายามทำอยู่อย่างนั้นจนสามารถแบกอาหารชิ้นโต ๆ ไปกินได้สังเกตไหมว่าพวกมันไม่เคยหยุดนิ่งเลยนะมดมีกิจกรรมให้ทำตลอดเวลา “ขยัน” ออกหาอาหารและสร้างรังใหม่ ๆ ถ้าเปรียบไปวิถีการทำงานของมดก็เหมือนธุรกิจกงสีที่ทุกตัวทำงานอย่างขยันจนมีอาหารกลับรังและก็มาแบ่งกันกินบรรพบุรุษชาวจีนทั้งหลายก็ถือปรัชญาการจะก้าวไปเป็น “เจ้าสัว” ทำธุรกิจส่วนตัวจนประสบความสำเร็จร่ำรวยได้จากวิถีของมดนี่เองมดขยันทั้งหาขยันทั้งเก็บฉะนั้นจะทำอะไรแล้วให้เกิดความรวยแบบยั่งยืนก็จะต้องมีความขยันทั้งการหาและการขยันเก็บ

ขยันหาคือ ความรู้ และ โอกาส

ตัวอย่างของเจ้าของธุรกิจชาวจีนหลายหมื่นล้านที่ปฏิบัติหลักการนี้ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ “ลีกาชิง” แม้ว่าเดือนมีนาคม 61 ที่ผ่านมาลีกาชิงจะประกาศขอลำลาวงการธุรกิจไปแล้วก็ตามแต่เรื่องราวของเขาก็ยังคงเป็นต้นแบบของนักธุรกิจสมัยใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จลีกาชิงนั้นก่อนจะก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจหลายหมื่นล้านเขาก็คือคนที่มาจากศูนย์และจะเรียกว่าติดลบก็ยังได้เขาข้ามมาทำมาหากินในฮ่องกงและได้ให้ครอบครัวพี่น้องอยู่ที่เมืองจีนตามเดิมเพราะค่าครองชีพในฮ่องกงมันสูงเกินที่เขาจะรับไหวด้วยวัย 14 ปี ลีกาชิงเข้าไปสมัครงานเป็นกุลีแบกหามวันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปไม่ว่าจะเหนื่อยหนักอย่างไรเขาก็ไม่เคยท้อทำงานอย่างขยันและอดทน
แนวคิดผู้นำ ลีกาชิง

คลิกเลย! แนะนำบทความน่าอ่าน

ลีกาชิงไม่ใช่แค่ขยันทำงานแบกหามไปวัน ๆ เท่านั้นเขายังขยันที่จะหาความรู้ใส่ตัวเพราะเขารู้ดีว่า “ความรู้คืออำนาจ” รายได้ที่ได้มาจากการทำงานแบกหามหลังจากแบ่งและส่งไปให้ครอบครัวที่เมืองจีนแล้ว เขาก็จะเก็บไว้กับตัวส่วนหนึ่งเพื่อไปซื้อหนังสือมาอ่านอ่านเล่มนี้จบก็เอาไปขายแล้วก็ซื้อเล่มใหม่มาอ่านอีกคนอื่นจะทำอะไรหลังเลิกงานเขาไม่รู้แต่สำหรับลีกาชิงมีงานทำหลังเลิกงานเสมอนั่นก็คือการหาความรู้ใส่ตัว

ขยันเก็บคือ ประสบการณ์ และ เงินทอง

เขาขยันที่จะทำงาน ขยันที่จะหาความรู้และไม่ลืมที่จะขยันหาโอกาสด้วยความที่เขามีความรู้ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาก็ขยับขึ้นเรื่อย ๆ อายุ 17 ปี ก็เปลี่ยนงานไปเป็นเซลส์แมนขายโลหะภัณฑ์อีกเช่นกันคนอื่นจะอย่างไรไม่รู้ แต่ลีกาชิงขยันทำงานเหมือนเดิมถึงขั้นที่ว่าทำมากกว่าคนอื่นถึง 2 เท่าจากการที่ทำมากกว่าคนอื่นจึงมีประสบการณ์และ Connection ที่ดีอีกทั้งการขยันหาขยันเก็บจึงทำให้ลีกาชิงค่อย ๆ ขยับจากพนักงานกลายมาเป็นเจ้าของกิจการ

เขาผู้นี้คือผู้บุกเบิกธุรกิจดอกไม้พลาสติกในฮ่องกงและสร้างความร่ำรวยจนกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกชายผู้นี้คือคนที่พิสูจน์แล้วว่าทำทุกอย่างให้เหมือน “มด” แล้วคุณจะรวย

ทำอย่างซื่อสัตย์และกล้าที่จะแตกต่างแล้วคุณจะรวย

การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือครอบครัวความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือมาเป็นอันดับแรก ๆ เราจะเห็นว่าบางบ้านมีธุรกิจกงสีแต่หากสมาชิกที่ทำธุรกิจร่วมกันไม่ซื่อตรงเห็นแก่เล็กแก่น้อยคิดว่าทำไปแล้วจะรวยมากขึ้นรวยน่ะใช่ แต่ไม่ยั่งยืนเพราะเมื่อทุกคนจับได้ว่าเกิดความไม่ซื่อตรงเกิดขึ้นก็คงไม่มีใครที่จะให้คุณมาทำงานหรือรับธุรกิจต่อจากที่บ้านอีกต่อไปคนจีนก็ถือเรื่องความซื่อสัตย์ภักดีเป็นสำคัญเช่นกันและนี่คือหัวใจอีกประการที่ทำให้คนจีนรุ่นก่อนที่เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจรุ่นแรกสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายเป็นเจ้าสัวได้เพราะพวกเขาซื่อสัตย์และซื่อตรงกับลูกค้าเสมอ ธุรกิจของตนเองจึงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะมีคู่แข่ง

ความล้มเหลว คือ มารดาของความสำเร็จ

ธนินท์ เจียรวนนท์

อีกประการ ความแตกต่างและความหลากหลายก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่งโดยเฉพาะธุรกิจสมัยใหม่ บางคนสืบทอดธุรกิจต่อจากที่บ้านมารุ่นก่อนทำอย่างไรไว้ก็ยึดตามแนวเดิมไว้ทั้งหมด ซึ่งวิธีนี้ไม่ใช่หลักการทำธุรกิจสมัยใหม่ที่ดีเพราะการทำธุรกิจสมัยนี้การปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน

ตัวแปรสำคัญคือ เราต้องคิดต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาเฉกเช่นคนจีนรุ่นก่อนที่ทำมาค้าขายจนร่ำรวยได้ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากที่พวกเขาไม่เคยหยุดคิดไม่เคยหยุดที่จะแตกต่าง สังเกตได้ว่าคนรุ่นก่อนจะหาตลาดใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจส่วนตัวเสมอ เริ่มต้นอาจจะขายข้าวสารอย่างเดียวต่อมาก็มีคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันพวกเขาก็จึงเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้สินค้ามีความแตกต่างแปลกใหม่จูงใจลูกค้าตั้งแต่คิดคำโฆษณาจนถึงออกแบบแพ็คเกจจิ้งให้แตกต่างนอกจากนั้นยังมองช่องว่างตลาดอื่น ๆ ด้วย

เช่นเริ่มต้นจากข้าวสารแต่เห็นช่องทางว่าตลาดน้ำตาลยังไม่มีใครลงมาทำพวกเขาก็ลงมือสร้างความแตกต่างทางการค้าทันที คือลงมือจัดการขายน้ำตาลด้วยไปเลยทีเดียวสิ่งเหล่านี้นับเป็นพื้นฐานการทำธุรกิจส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบเก่าหรือธุรกิจสมัยใหม่ก็สามารถปรับใช้ได้เช่นกัน

คลิกเลย! แนะนำบทความน่าอ่าน

คิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องรู้จักเจรจา

การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือครอบครัวก็ตาม ศิลปะแห่งการพูดคุยต่อรองเป็นเรื่องที่สำคัญถ้าอยากประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของกิจการเองได้คุณต้องได้ทั้งบู๊และบุ๋นต้องเป็นทั้งนักรบ นักวางแผน และนักการทูต ธุรกิจการค้าไม่ว่าจะระดับไหนล้วนสำเร็จได้ด้วยการพูดคุยต่อรองจังหวะและโอกาสนั้นเป็นเรื่องสำคัญถ้ามีจังหวะและโอกาสดี ๆ แล้วคนจีนไม่เคยที่จะปล่อยให้พลาดไปได้พวกเขาจะรีบฉวยโอกาสเข้าไปเจรจาติดต่อซื้อขายทำธุรกิจทันที

นั่นจึงทำให้พวกเขาทำอะไรก็แล้วแต่ก็สร้างความร่ำรวยได้ ยิ่งเข้าพูดคุยเจรจาต่อรองเร็วยิ่งได้เปรียบ แรก ๆ อาจจะไม่ถึงขั้นรวยในทันที อาจจะถูกปฏิเสธ ไม่สนใจข้อเสนอ แต่คนจีนคิดเสมอว่า ขอแค่อดทนและพยายามมากขึ้น แล้วนำข้อปฏิเสธทั้งหลายมาแก้ไขปิดทุกจุดอ่อน และเมื่อถึงวันที่การเจรจาต่อรองไปเป็นได้ด้วยดีมีลูกค้าหรือนักลงทุนสนใจข้อเสนอนั้น ธุรกิจก็จะดำเนินต่อไปจนสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ และทำให้คุณก้าวขึ้นสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจได้อย่างมั่นคง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเคล็ดลับทำแล้วรวยฉบับลูกมังกร ที่คุณสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจส่วนตัวของคุณได้

แนวคิดผู้นำเพื่อความสำเร็จ

  • ขยันประดุจมด – ขยันทำอย่างเดียวไม่พอต้องรู้จัก ขยันการหาความรู้และโอกาส และต้องขยันเก็บประสบการณ์และเงินทองที่หามาได้ด้วย
  • ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น – ความซื่อสัตย์นับเป็นคุณธรรมสำคัญประการแรกของคนที่คิดจะทำธุรกิจ ดังนั้นการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือครอบครัว ถ้าจะให้ราบรื่นไร้ปัญหาทะเลาะเบาะแว้งก็จงซื่อสัตย์ทั้งกับตนเอง ทีมงานและลูกค้า
  • กล้าคิด กล้าที่จะแตกต่าง – ธุรกิจรุ่นเก่าที่มีการสืบทอดธุรกิจต่อจากที่บ้านมาหลาย ๆ รุ่นจะสามารถยืนหยัดสู้กับธุรกิจสมัยใหม่ได้ ต้องรู้จักปรับตัวและคิดให้ต่างจากเดิม เพราะโลกไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้าไม่กล้าคิดไม่กล้าทำไม่กล้าออกนอกกรอบบ้างธุรกิจจะปรับตัวไม่ได้และในที่สุดก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้
  • มีศิลปะในการเจรจาต่อรอง – ธุรกิจการค้าไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างเริ่มต้นและประสบความสำเร็จได้ด้วยการเจรจาต่อรอง เจ้าของธุรกิจมือใหม่หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ตนเองเจรจาไม่เก่ง แต่เรื่องนี้สามารถเรียนรู้ฝึกฝนกันได้ ฉะนั้น จงฝึกตนเองให้เป็นผู้มีศิลปะในการเจรจา

Passion in this story