สำหรับแฟนๆ ของซุปเปอร์ฮีโร่จากคอมมิคฝั่งดีซี (DC) แล้ว เวลาที่มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ในจักรวาลขยายดีซี (DC Extended Universe: DCEU) จะเข้าฉาย ก็ต้องมานั่งลุ้นกันว่าตัวภาพยนตร์จะออกมาสนุกหรือไม่ เพราะจักรวาลภาพยนตร์ของ DC นั้นล้มลุกคลุกคลานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งในช่วงหลังๆนี้เองที่ DCEU เริ่มปรับเปลี่ยนแนวทาง และสามารถผลิตภาพยนตร์ที่สนุกทั้งสำหรับ แฟนๆ และ “ดี” ในสายตาของนักวิจารณ์ออกมาติดต่อกันหลายเรื่อง รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่เพิ่งเข้าฉายอย่าง Birds of Prey
หากพูดถึงภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่แล้ว ทุกคนย่อมนึกถึงชื่อของ DC และ มาเวล (Marvel) ซึ่งเป็นคู่แข่งกันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นเพียงค่ายหนังสือในวงการคอมมิคของอเมริกา แต่ถึงจะบอกว่าเป็นคู่แข่งกัน สำหรับในวงการภาพยนตร์แล้ว ภาพยนตร์ของมาเวลนั้นถือได้ประสบความสำเร็จมากกว่าของ DCEU อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของคำวิจารณ์และรายได้ โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง AVENGER: Endgame ซึ่งสามารถทำรายได้รวมทั่วโลกไปมากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในปัจจุบัน
ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน สาเหตุที่ภาพยนตร์ของจักรวาล DCEU ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนั้น มีสาเหตุมาจาก เนื้อเรื่องที่ไม่สนุก การดำเนินเรื่องที่แย่ และตัวละครที่ไม่น่าสนใจ จนทำให้ผู้ชมขาดอารมณ์ร่วมในภาพยนตร์
ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สามารถสังเกตุเห็นได้ชัดเจนในภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของ DCEU อย่าง Man of Steel และ Batman V Superman โดยเฉพาะเรื่องหลังที่ (ความเห็นส่วนตัว) ให้ความรู้สึกเหมือนดูคลิปสั้นๆ หลายคลิปต่อกัน เพราะมีการตัดฉากไป-มา บ่อยมาก เหตุผลที่ทำให้แบทแมนกับซุปเปอร์แมน ต้องมาสู้กันก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แถมพอบทจะดีกันก็ดีกันเร็วมากเกินไป จุดที่สามารถช่วยกู้หน้าของภาพยนตร์ไว้ได้ ก็เห็นจะเป็นฉากแอคชั่นที่อลังการและการปรากฏตัวของซุปเปอร์ฮีโร่หญิงอย่าง วันเดอร์วูแมน (Wonder Woman) ซึ่งได้มีภาพยนตร์เดี่ยวของตนเองออกตามมาภายหลัง และกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ DCEU ที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของคำวิจารณ์และรายได้
ในภาพยนตร์เรื่องวันเดอร์วูแมน เราจะสามารถสังเกตุเห็นถึงแนวทางที่เริ่มเปลี่ยนไปของจักรวาลภาพยนตร์ดีซีได้เป็นครั้งแรก โดยจะเห็นได้จากตัวภาพยนตร์มีโทนสีที่สว่างสดใส เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และแฝงมุขตลกไว้เป็นระยะๆ และที่สำคัญเลยก็คือตัวละครที่มีมิติ และน่าสนใจ ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับสองนักแสดงนำอย่าง กัล กาด็อต (Gal Gadot) และ คริส ไพน์ (Chris Pine) สามารถแสดงได้เข้ากันได้ดีในบทบาทของ วันเดอร์วูแมน และกัปตันสตีฟ เทรเวอร์ นอกจากนี้ อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความเร็จได้ก็คือ ทางค่าย วอร์เนอร์บราเธอส์ (Warner Bros. Pictures) เปิดโอกาสให้ผู้กำกับ แพตตี้ เจนกินส์ (Patty Jenkins) ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของเธอได้เต็มที่โดยไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ
แต่น่าเสียดายว่าแม้แต่ความโด่งดังของตัวละคร วันเดอร์วูแมน ก็ไม่อาจช่วยกอบกู้ภาพยนตร์รวมฮีโร่ของจักรวาล DCEU อย่าง จัสติซ ลีก (Justice League) จากหายนะทาง Box office ได้หลังจากที่มันถูกสับเละโดยนักวิจารณ์ และผู้ชมทั่วไป จนกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้น้อยที่สุดในจักรวาล DCEU ไปซะอย่างนั้น
ความล้มเหลวของ จัสติซ ลีก นี้เอง ที่ทำให้ทางค่ายภาพยนตร์ต้องกลับไปนั่งพิจารณาแนวทางของภาพยนตร์เรื่องต่อๆไป ในจักรวาลของ DCEU อย่างจริงจัง
และแล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึง เมื่อภาพยนตร์เรื่อง อวาแมน (Aquaman) ซึ่งกำกับโดย เจมส์ วาน (James Wan) ได้เข้าฉายเมื่อปลายปี พ.ศ. 2561 และสามารถกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปมากถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ และขึ้นแท่นกลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับ 1 ของ DCEU และยังได้รับคำวิจารณ์ที่ดีพอสมควร โดย อวาแมน นั้นเป็นภาพยนตร์ที่มีโทนสีสดใส ฉีกแนวจากภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ และมีเนื้อเรื่องที่ ถึงแม้จะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ก็สามารถดูได้สนุกทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ ตัวภาพยนตร์ยังเต็มไปด้วยฉากแอคชั่นอลังการงานสร้าง CG ที่สวยงาม และมุขตลกมากมาย กล่าวได้ว่า อวาแมน คือการเข้าสู่ยุคใหม่ของ DCEU อย่างแท้จริง
ชาแซม (Shazam) ซึ่งเข้าฉายเป็นเรื่องต่อมาในปี พ.ศ. 2562 ก็ได้ยึดตามแนวทางใหม่ของ DCEU พร้อมยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยความฮาแบบจัดเต็ม และเนื้อเรื่องที่ให้ความสำคัญกับมิติของตัวละครมากขึ้นกว่าภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ซึ่งแม้ตัวภาพยนตร์จะทำรายได้ทั่วโลกไปได้เพียง 364 ล้านดอลลาร์ แต่ภาพยนตร์ได้รับรับคำวิจารณ์ในระดับที่ดีเช่นเดียวกับอวาแมน
และล่าสุด แฟนๆ ของ DCEU ก็ได้ดีใจกันอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่าภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก DECU อย่าง Birds of Prey หรือ “ทีมนกผู้ล่า” สามารถปิดตัวด้วยคะแนน “Fresh” บนเว็บไซต์ Rotten Tomato พร้อมคำวิจารณ์จากรอบสื่อที่ออกมาในทางบวก
ความสำเร็จที่ต่อเนื่องในช่วงหลังนี้แสดงให้เห็นว่า การปรับเปลี่ยนแนวทางของภาพยนตร์ในจักรวาล DCEU ให้มีความคล้ายคลึงกับแนวทางของภาพยนตร์ของของมาเวลมากขึ้น (โดยที่ยังคงรักษาจุดเด่นของตนเองไว้) ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เรื่องราวของ DCEU ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีว่า หากธุรกิจที่คุณทำอยู่ท่าทางจะไปไม่สวย คุณก็ควรรีบหาวิธีแก้ไขเสียก่อนที่จะสายเกินไป โดยคุณอาจใช้วิธีศึกษาจากความสำเร็จของของผู้อื่น เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจของคุณให้ดีขึ้น
หลังจากนี้ อนาคตของ DCEU จะเป็นเช่นไรก็ยังไม่อาจบอกได้ แต่ก็หวังว่าซักวันหนึ่ง พวกเราจะได้เห็นฉากคล้ายๆ กับภาพด้านบนนี้ในภาพยนตร์ของ DCEU บ้าง
Category: