1. ปีทองของธุรกิจเดลิเวอรี่
เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของธุรกิจส่งอาหารเดลิเวอรี่ (Food Delivery) เลยทีเดียว เพราะถ้าคุณลองหยิบสมาร์ทโฟนของคุณขึ้นมา และมองหาแอพพลิเคชั่น Food Delivery คุณจะพบว่ามันมีเยอะมากจนคุณเลือกไม่ถูกเลยว่าจะใช้แอพไหนดี
อุตสาหกรรม Food Delivery ในประเทศไทยบูมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินไว้ว่าเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 33,000 – 35,000 ล้านบาท
ไม่ว่าจะเป็น Grab Food ก็ดี LINE MAN ก็ดี GET Food panda หรือ Uber Eats ทั้งหมดนี้ให้บริการผ่านแพลทฟอร์มอย่างแอพพลิเคชั่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนที่เปลี่ยนไป ปัจจัยสำคัญคือความสะดวกสบายของการสั่งอาหาร ไม่จำเป็นต้องถ่อไปไกลเพื่อกินอาหารที่ร้านอาหารเจ้าดัง หรือไปยืนเบียดเสียดกับผู้คนที่หิวจนไส้กิ่ว เราสามารถนอนสบายๆ อยู่ที่บ้านและกดสั่งอาหารเจ้าดังผ่านโทรศัพท์มือถือที่ทุกคนมีติดตัวอยู่ได้เลย
อีกปัจจัยนึงคือโปรโมชั่นที่ทางผู้ให้บริการแต่ละเจ้า ไม่ว่าจะเป็นดีลพิเศษ โค๊ดส่วนลด หรือโปรโมชั่นค่าส่งในราคาพิเศษ ทำให้ในบางครั้งการใช้อาหารผ่าน Food Delivery มีราคาถูกซะยิ่งกว่าเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปกินที่ร้านเสียอีก แถมประหยัดเวลาได้อีกต่างหาก
การเติบโตอย่างมหาศาลของธุรกิจนี้และการแข่งขันที่ดุเดือด คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือผู้บริโภคที่สามารถเลือกบริการที่ดีที่สุด ราคาที่สบายกระเป๋ามากที่สุด และยังมีโอกาสเข้าถึงร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง ในขณะเดียวกันธุรกิจร้านอาหารต่างๆ ก็พลอยจะได้ประโยชน์กับเขาไปด้วย ร้านค้าได้มีช่องทางในการขายมากขึ้น ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะร้านอาหารเล็กๆ ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากบนแพลทฟอร์มได้ ป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่กลางซอยก็สามารถมีลูกค้าเพิ่มขึ้นได้ โดยที่ไม่มีฝูงชนจำนวนมากมายืนขวางทางให้เพื่อนบ้านรำคาญใจ
กระนั้น แม้ว่าธุรกิจเดลิเวอรี่จะเติบโตและขยายตัวอย่างมากมายมหาศาล ในขณะเดียวกันปริมาณขยะที่เกิดขึ้นก็มากมายมหาศาลเป็นเงาตามตัว ทั้งจากถุง ห่อใส่อาหาร ถุงเครื่องปรุง ซองใส่ช้อนส้อมตะเกียบ ขวดพลาสติก แก้วพลาสติก คำถามคือทำอย่างไรที่เราจะสามารถลดปริมาณขยะที่เกิดจากบริการเดลิเวอรี่เช่นนี้ รักษาการเติบโตของธุรกิจ ไปพร้อมๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นคำถามที่ชวนให้คิดต่อและเราต้องจริงจังกับการลดขยะเพื่อรักษาโลกของเรา
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” กินให้อิ่มแล้วก็ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมกันคนละไม้คนละมือนะครับ
2. กระแสรักษ์โลกที่คนไทยเริ่มตื่นตัว !!!
เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงสุดๆ สำหรับปี 2019 โดยเฉพาะเทรนด์ “Zero Waste” หรือการลดขยะในชีวิตประจำวันให้เป็นศูนย์ เป็นการช่วยปกป้องโลกอย่างง่ายๆ ที่ทำกันได้ทุกคน
จากข่าวน้องมาเรียมถึงเต่าทะเล ทำให้ใครหลายๆ ตัดสินใจ “ลด ละ เลิก” รับถุงพลาสติก เลิกใช้หลอด และเลือกที่จะหิ้วถุงผ้าและแก้วกาแฟของตัวเองออกจากบ้าน การเริ่มตื่นตัวของประชาชนคนไทยยังกระตุ้นให้ร้านค้าต่างๆ ออกผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นรักษ์โลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจานและช้อนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ กระบอกน้ำรักษ์โลก ถุงผ้าสวยๆ ที่สามารถพกพาได้สะดวก หรือโปรโมชั่นตามร้านกาแฟที่หากลูกค้านำแก้วมาเองก็จะได้รับส่วนลดไปเลย
กระแสรักษ์โลกที่สุดร้อนแรงนี่เอง ทำให้เกิดธุรกิจรักษ์โลกแนวใหม่ขึ้นมาในเมืองไทย นั่นคือ ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าไร้บรรุภัณฑ์ (No Packaging) โดยจำหน่ายสินค้าทั่วไป เช่น สบู่ ยาสระผม น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน นม ขนม ฯลฯ ลูกค้าต้องนำขวด ขัน อ่าง โอ่ง บรรจุภัณฑ์ต่างๆ มาใส่เอง
แนวโน้มที่ผู้คนเริ่มให้มาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ลดการใช้พลาสติก เกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม และภาครัฐเองที่ออกนโยบายมาตอบรับกับกระเสรักษ์โลกที่บูมสุดๆ ในปีนี้ ก็น่าดีใจแทนโลกของเราที่มนุษย์โลกหันกลับใส่ใจกันมากขึ้น
และวันที่ 1 มกราคม 2563 จะเป็นวันดีเดย์ที่เริ่มงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อทั่วไป !!!!เริ่มต้นปีใหม่กับเมืองไทยที่ปลอดถุงพลาสติกกันไปเลย!!!!
3. เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ น้องชานมไข่มุก!!!
นับว่าเป็นกระแสที่มาแรงในช่วงหนึ่งกับการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของสาวก Apple ทั้งหลาย
แม้ว่าเริ่มแรกที่มีภาพหลุดของโมเดล iPhone รุ่นใหม่นี้ จะมีกระแสตอบรับไม่ดีเท่าไหร่เกี่ยวกับดีไซน์ของไอโฟนที่มีกล้อง 3 เลนส์ บ้างก็ว่าไม่สวย บ้างก็ว่าเหมือนชานมไข่มุก บ้างก็ว่าแปลกๆ และมีกล้องเยอะไป แต่เป็นธรรมดาที่ผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่มักจะไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเท่าไหร่ในระยะแรก เพราะเมื่อวางจำหน่ายจริงๆ กลับมีคนไปรอต่อแถวเพื่อเข้าคิวซื้อไอโฟนรุ่นใหม่นี้กันแน่นขนัด
โดยเฉพาะเมื่อไอโฟนโฉมใหม่นี้วางขายในเมืองไทย มีสาวก Apple และประชาชนจำนวนมาก มาเข้าคิวซึ่งวางจำหน่ายที่ Apple store ไอคอนสยาม เพื่อรอซื้อไอโฟนรุ่นใหม่นี้กันอย่างเนืองแน่น บางคน
ยอมอดหลับอดนอนมาต่อคิวกันข้ามคืน เพื่อรอคอยเวลาสำคัญที่จะได้เป็นเจ้าของ
ทุกวันนี้เวลาเดินไปไหนมาไหนตามท้องถนน เราคงจะเห็นคนใช้ iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max กันเต็มไปหมด แม้ว่าจะเคยวิพากษ์วิจารณ์ไอโฟนรุ่นใหม่นี้ว่าเป็น ‘เจ้าชานมไข่มุก’ แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็น ‘น้องชานมไข่มุก’ ที่หลายต่อหลายคนหวังจะเป็นเจ้าของกับเขาบ้าง
4. การแข่งขัน E-Sport อย่างเป็นทางการครั้งแรก!!! ในซีเกมส์ 2019
เป็นข่าวดีและข่าวใหญ่สำหรับวงการเกมในบ้านเราและเกมเมอร์ชาวไทย เมื่อ E-Sport ถูกบรรจุเป็น 1 ในกีฬาแข่งขันในมหกรรมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติซีเกมส์ 2019 (SEA Games 2019) ครั้งที่ 30 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2562
โดยทีมตัวแทนจากประเทศไทยสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ 2 เหรียญ จากเกมส์ RoV และ Tekken 7 และสามารถคว้าเหรียญเงินมาได้อีก 2 เหรียญ จากเกมส์ DOTA 2 และ Heartstone รวมเป็น 4 เหรียญจากการแข่งขัน E-Sport ในซีเกมส์ครั้งนี้
ความสำเร็จของทีมตัวแทนจากไทยที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทยทั้งประเทศได้ สร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนชาวไทย และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวงการเกมบ้านเรานั้นมีศักยภาพมากแค่ไหน ชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตของประเทศไทยได้อีกมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จในครั้งนี้ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเกมเมอร์จากเด็กติดเกมที่ไม่เอาไหน ให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนในประเทศนี้ได้ตระหนักว่าเกมสามารถเป็นกีฬาที่เอาจริงเอาจังได้ และสามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับเยาวชนที่มีความสนใจในด้านนี้ หากได้รับการสนับสนุนจากสังคมอย่างเพียงพอ
ไม่แน่สักวันเด็กติดเกมที่เราเห็น อาจจะกลายเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
5. ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอ-ดาม (Notre Dame)
ช่วงเย็นของวันที่ 15 เมษายน 2562 ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจไม่น้อยต่อชาวฝรั่งเศสและชาวโลก เมื่อ มหาวิหารนอเทรอ-ดาม ที่มีอายุมากกว่า 850 ปี ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์หญิงงามแห่งปารีส ได้ถูกทำลายจากไฟไหม้
ด้วยโครงสร้างที่ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ ทำให้ตัวโครงสร้างของมหาวิหารได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก นอกจากที่ว่ามหาวิหารแห่งนี้จะมีอายุเก่าแก่กว่า 850 ปี ได้ตั้งตระหง่านผ่านร้อนผ่านหนาวและเหตุกาณณ์สำคัญๆ มามากมาย ซึ่งมีคุณค่าอย่างมหาศาลมิใช่แค่เพียงต่อชาวฝรั่งเศส แต่ยังมีคุณค่าในฐานะสมบัติอันล้ำค่าของมวลมนุษยชาติ
มหาวิหารนอเทรอ-ดาม ยังเป็นฉากหลังของวรรณกรรมระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Les Misérables และ The Hunchback of Notre-Dame หรือ คนค่อมแห่งนอเทรอ-ดาม ของ “วิกตอร์ อูโก้” นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามหาวิหารนอเทรอดามมีคุณค่าทางจิตใจต่อชาวปารีสมากแค่ไหน
มหาวิหารนอเทรอ-ดาม ยังเป็นที่เก็บรักษาศาสนวัตถุโบราณที่เกี่ยวเนื่องกับการทรมานพระเยซู อย่างไม้กางเกง ตะปู และมงกุฎหนาม รวมไปถึงสิ่งของล้ำค่าอื่นๆ เช่น มงกุฎและเสื้อคลุมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 เป็นต้น
เหตุการณ์นี้ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากในโลกโซเชียล มีผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนมากโพสภาพที่เคยถ่ายคู่กับมหาวิหารนอเทรอ-ดาม พร้อมทั้งติดแฮชแท็ก #NotreDame และทวีตข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงให้กำลังใจผ่านแฮชแท็ก #PrayForNotreDame ไม่ใช่เฉพาะแค่ประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ผู้นำจากทั่วโลกหลายคนก็ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ นายบารัค โอบาม่า หรือ นางเทเรซ่า เมย์
นอกจากนี้ ค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Ubisoft ได้ประกาศเงินกว่า 5 แสนยูโร เพื่อช่วยบูรณะมหาวิหารแห่งนี้ รวมทั้งแจกเกม Assassin’s Creed Unity ซึ่งมีฉากมหาวิหารนอเทรอ-ดาม เพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับความงดงามและความยิ่งใหญ่ผ่านตัวเกม มากกว่าไปกว่านั้นบริษัท Disney ผู้สร้างอะนิเมชั่นเรื่อง The Hunchback of Notre-Dame ก็ได้ประกาศบริจาคเงินกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีผู้ร่วมบริจาคอีกเป็นจำนวนมากจากทั่วโลก เพื่อสบทบทุนในการบูรณะมรดกโลกแห่งนี้
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แต่ก็ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของชาวโลก และน้ำใจไมตรีที่มีให้ต่อกันของมนุษยชาติ
Category: