ธนาคารกรุงไทยรุกพัฒนาบล็อกเชน มั่นใจปี 63 คลอดโครงการใหม่เพื่อเสริมแกร่งระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการเงินการธนาคาร การบริการแก่ภาคธุรกิจและประชาชน หลังจากจับมือกระทรวงการคลัง นำร่องเปิดตัว 3 โครงการไปแล้ว หวังปูทางสังคมไทยก้าวสู่สังคมไร้เงินสด 

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ได้ขยายบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแวดวงการเงินการธนาคาร เพราะเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับกระบวนการทำงานอย่างมีบูรณาการ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพิ่มความรวดเร็ว ความปลอดภัย และตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธนาคารให้แข็งแกร่งมากขึ้น

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

จุดเด่นอีกอย่างของเทคโนโลยีบล็อกเชน คือประสิทธิภาพเรื่องความโปร่งใส ทันต่อเหตุการณ์ และมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง สามารถป้องกันการโจรกรรมทางการเงินได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยปกป้องข้อมูลและทรัพย์สินของเจ้าของได้ด้วย เพราะใช้ระบบความปลอดภัยที่ต้องเข้ารหัส (encryption technology) หรือที่เราเรียกว่า “key”

นอกจากนี้แล้ว บล็อกเชนยังเป็นเครือข่ายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สามารถบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายประเทศเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว เช่น ฮอนดูรัส ซึ่งเริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้จดทะเบียนที่ดินตั้งแต่ปี 2015 อีกประเทศหนึ่งคือ จอร์เจีย ได้ร่วมกับ  Bitfury Group พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้กับการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่สวีเดนได้ประกาศทดลองการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน

นายผยงกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งก็มีนำบล็อกเชนมาใช้แล้ว เช่น ASX (Australian Securities Exchange), Deutsche Börse (ตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต), JPX (Japan Exchange Group) และ Nasdaq’s Linq ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายในภาคเอกชน ระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำ pre-IPO กับนักลงทุน ร่วมมือกับบริษัทบล็อกเชน พัฒนาโครงการที่จะนำ Blockchain มาใช้ในการประชุมผู้ถือหุ้น (Proxy Voting) ในตลาดหุ้นเอสโตเนียด้วย

สำหรับประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ได้ประกาศนำทีม หน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังอีก 3 หน่วยงาน ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้เพื่อยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพ โครงการต่างๆ ได้แก่ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมสรรพากร           กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และธนาคารกรุงไทย โดยการนำระบบบล็อกเชน มาใช้ในการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวผ่าน Mobile Application โครงการที่สอง คือ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Government Procurement : e-GP ส่วนโครงการที่สาม คือการออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (DLT Scripless Bond)

“การที่กรุงไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาบูรณการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศชาติ เข้าสู่ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ”

ในช่วงต้นปีหน้า 2563 ธนาคารกรุงไทยก็จะเปิดตัวโครงการอื่นๆ ที่นำระบบบล็อกเชนมาพัฒนาร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งในระบบการเงินการธนาคาร รวมถึงการให้บริการต่างๆ แก่ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบเศษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น


Category:

Passion in this story