หากใครกำลังมองหาภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่องเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดที่จะถึงนี้ เราขอแนะนำภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมที่มีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ความตลก ฉากแอคชั่นสุดมัน หรือฉากซึ้งกินใจ และที่สำคัญคือแฝงไปด้วยข้อคิดและปรัชญาที่ไม่เชยและเข้ากับบริบทของสังคมในปัจจุบันได้ดี อย่างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “นาจา” (Ne Zha)

“นาจา” เป็นแอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์จากประเทศจีน ที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลายทั่วโลกกว่า 700 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท ติดอันดับหนังทำเงินทั่วโลกสูงสุดของปีนี้และทำลายสถิติภาพยนตร์แอนิชั่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในจีน ซึ่ง ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ หรือ ดร.แตน เจ้าของลิขสิทธิ์แอนิเมชั่นสัญชาติไทยอย่าง เชลดอน (Shelldon) และผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ซื้อลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง “นาจา” ในประเทศไทย โดยร่วมมือกับ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส ประเทศไทย และมีกำหนดฉายในวันที่ 5 ธันวาคม 62 พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

“นาจา” บอกเล่าเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับพลังปีศาจในตัวที่จะมาทำลายโลก แทนที่จะกลายเป็นมนุษย์ผู้มีส่วนก่อตั้งราชวงศ์โจว เทพผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์จึงได้ร่ายาถาฟ้าพิโรธใส่เพื่อให้มันถูกทำลายภายในเวลาสามปี จากลิขิตสวรรค์ที่จะต้องเกิดมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ กลับกลายเป็นพญามารผู้ที่จะมาก่อภัยพิบัติขึ้นซะเอง นาจาจึงต้องฝ่าฟันต่อชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ และต้องพบกับอุปสรรคนานับประการ (ขอบคุณข้อมูลจาก Major Cineplex)

ทั้งนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้น ณ Icon Cineconic ศูนย์การค้า ICON SIAM ต้องขอสารภาพกับผู้อ่านอย่างซื่อสัตย์ว่า ก่อนหน้าที่จะได้รับชมนั้น ผู้เขียนได้ปรามาสไว้ในใจว่าหนังเรื่องนี้คงจะไม่สนุกและคอมพิวเตอร์กราฟฟิก (CG) ก็คงจะดูไม่ลื่นตานักตามสไตล์กราฟฟิกเมืองจีน (ผู้เขียนไม่ค่อยได้ดูหนังจากเมืองจีนสักเท่าไหร่)

แต่ไม่เลย เมื่อได้รับชมจริง ๆ ก็รู้สึกผิดที่ได้ตัดสินหนังเรื่องนี้ด้วยอคติส่วนตัวไปซะก่อน เพราะ CG นั้นทำออกมาได้ดีมาก ถ้าดูแต่กราฟฟิกโดยตัดเนื้อเรื่อง ภาษา และกลิ่นอายที่คละคลุ้งไปด้วยความเป็นตะวันออกทิ้งไปเสีย ก็แทบจะนึกว่าเป็นแอนิเมชั่นจากฝั่งฮอลลีวูด เรียกได้ว่า CG ของทีมสร้างจีนได้ไปไกลกว่าที่ผู้เขียนคิดและเคยเห็นไปมากเลยทีเดียว

นอกจากนี้ การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็ทำได้กระชับ ไม่เยิ่นเย้อตามสไตล์หนังจีนที่ผู้เขียนเคยได้ดูมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยน้ำซะมาก แถมยังแทรกไปด้วยมุกตลกตามจริตตะวันออกที่คนเอเชียอย่างเรา ๆ คุ้นเคย ทำให้ดูเพลินและติดตามไปได้ตลอดทั้งเรื่องโดยไม่มีเบื่อ อาจจะมีบ้างในบางจังหวะที่ผู้เขียนมองว่าใส่มุกตลกมาเยอะเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่หนังอาจจะต้องการความซึ้งหรือจริงจัง แต่กระนั้นก็ไม่มากเกินไปจนขัดหูขัดตาจนพาลให้เสียอรรถรสในการรับชม

อีกส่วนหนึ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดี คือ การสอดแทรกข้อคิดที่เข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบัน โดยสะท้อนให้เห็นภาพของครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก ไม่ได้อยู่เคียงข้างลูกในเวลาที่เขาเผชิญกับปัญหา จนในที่สุดปัญหาก็บานปลายและสายเกินจะแก้ไข หนังยังพูดประเด็นการกลั่นแกล้ง (Bullying) ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากความหวาดกลัวของชาวบ้านที่มีต่อนาจาเด็กที่เกิดมาพร้อมพลังปีศาจ ความกลัวในสิ่งที่ไม่เข้าใจ การถูกล้อ กลั่นแกล้ง และไม่ยอมรับนาจา ผลักให้เด็กคนนี้เข้าสู่มุมมืดของสังคมและโดดเดี่ยวเขาจากความรักความอบอุ่น ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมาก ไม่ต่างอะไรกับสังคมปัจจุบันที่ปัญหาความรุนแรงจากการกลั่นแกล้ง การไม่ยอมรับและขาดการใส่ใจจากครอบครัว ได้ทำร้ายเด็ก ๆ จำนวนมากและผลักไสพวกเขาให้ไกลออกจากสิ่งที่ถูกที่ควร

นาจายังเป็นตัวแทนของเด็กจำนวนมากที่ต้องการการยอมรับจากสังคม ต้องการพื้นที่ที่เขาจะมีตัวตน ต้องการให้คนอื่นเห็นค่าในตัวพวกเขา และต้องการให้คนอื่นหันมาเหลียวแลเขาบ้าง แม้จะเจอกับอุปสรรคนานับประการ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อและสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าตัวเรานี่แหละที่เป็นคนกำหนดชีวิตของเรา ไม่ใช่ชะตาฟ้าลิขิต หรือให้ใครมากำกับชีวิต ดังเช่นคำพูดของขงเบ้งว่า “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน”

โดยรวมแล้วถือได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา การลำดับเรื่อง เทคนิคการตัดต่อ คอมพิวเตอร์กราฟฟิก มุกตลก และข้อคิดที่รอคอยให้ท่านผู้อ่านได้ไปค้นหา เป็นภาพยนตร์ดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนใคร่แนะนำให้ไปชมกัน เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี และโดยเฉพาะถ้าจะไปดูกันทั้งครอบครัวก็ดีใหญ่ อย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันกับครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้


Category:

Passion in this story