ปัจจุบัน การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพิ่มโอกาสให้คนมากมายมีโอกาสเข้าถึงและได้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานสะอาดและแหล่งพลังงานหมุนเวียน ที่น่ายินดียิ่งไปกว่านั้นก็คือ เรายังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกด้วยการลงทุนในนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อเร่งความเร็วในการเปลี่ยนผ่านจากยุคการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไปสู่ยุคการใช้พลังงานจากแหล่งปลอดคาร์บอน ที่มีราคาถูก และมีความมั่นคง
เทคโนโลยีการเก็บพลังงานไฟฟ้า (Energy Electricity Storage)
เทคโนโลยีการเก็บพลังงาน เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างมากต่อการยับยั้งผลกระทบจากภาวะโลกร้อนก่อนที่มันจะพัฒนาไปถึงขั้นวิกฤติ
เหตุผลก็คือ: แม้การผลิตไฟฟ้าจะเป็นตัวการสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 25% ถูกปลดปล่อยมาจากอุตสาหกรรมนี้ แต่การผลิตไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย เนื่องจากพลังงานสะอาดไม่เพียงแค่ให้แสงสว่างแก่ที่อยู่อาศัยของเรา และให้พลังงานแก่โครงข่ายไฟฟ้าเท่านั้น แต่เรายังสามารถนำพลังงานสะอาดที่ผลิตได้ไปใช้ในภาคการขนส่ง ภาคอาคารและครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญอีก 75%
ตัวอย่างเทคโนโลยีที่มีใช้กันแล้วปัจจุบัน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารที่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ และโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสะอาดในการผลิตสินค้า
ต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถไปถึงเป้าหมายในการผลิตไฟฟ้าโดยไม่มีการปล่อยคาร์บอน (Zero Carbon Electricity Generation) ได้?
เรามีเรื่องท้าทายอยู่ 2 เรื่อง คือ
- เราต้องใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมให้มากขึ้น ซึ่งโชคดีที่ในปัจจุบันพลังงานทดแทนสามารถเข้าถึงง่ายขึ้นมาก เพราะราคาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น โซลาร์เซลล์ และกังหันลม มีราคาถูกลง
- เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยให้สามารถผลิตพลังงานให้กับเครือข่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นวันที่ไม่มีลม ไม่มีแดด และแม้ในช่วงเวลากลางคืน เพราะปัจจุบันเรายังต้องใช้พลังงานฟอสซิลอย่างเช่น ก๊าซธรรมชาติ มาเสริมพลังงานทดแทนในช่วงที่ไม่สามารถผลิตพลังงานได้มากตามที่ต้องการ ดังนั้น เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ พวกเราต้องลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และทำให้พลังงานสะอาดมีความมั่งคงมากขึ้น
ต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญ 3 อย่าง ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของพลังงานสะอาด
1. ระบบการกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง
ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีอย่าง “แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน” (Lithium-Ion Battery) ที่สามารถกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ และพลังงานลมไว้ใช้ได้หลายชั่วโมง หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน หรือในตอนที่ไม่มีลมพัด แต่เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว เราต้องหาวิธีพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถกักเก็บพลังงานทดแทนไว้ใช้ได้นานหลายวัน หรือนานเป็นเดือนๆ
2. พลังงานนิวเคลียร์ และเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน
2.1 พลังงานนิวเคลียร์ เป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากคาร์บอนอยู่แล้ว แต่ด้วยต้นทุนที่สูง และความกังวลในเรื่องความปลอดภัย ทำให้พลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร แต่ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เราอาจจะใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ในราคาที่ถูกลง
2.2 เทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน สามารถดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากควันเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าไปเก็บไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คาร์บอน ถูกปล่อยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ
เทคโนโลยีนี้ มีความสำคัญมากในพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือในพื้นที่ที่การปลดระวาง และการรื้อถอนโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างใหม่ จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป
3. สายส่งไฟฟ้าแรงสูงระยะทางไกล
การลงทุนก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระยะทางไกล ที่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาล และสามารถกระจายไฟฟ้าไปได้อย่างทั่วถึง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ผลิตพลังงานทดแทน มักจะอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ๆ มีความต้องการใช้ไฟสูงที่สุด อย่างเช่น ตัวเมือง หรือพื้นที่อุตสาหกรรม ซึ่งการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าขนาดใหญ่ นอกจากจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาลแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องได้รับการร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการก่อสร้างอีกด้วย
…………………………………………………………………
แปลสรุปจากบทความ A critical step to reduce climate change โดย Bill Gates
https://www.gatesnotes.com/Energy/A-critical-step-to-reduce-climate-change
Category: