ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19  ความนิยมในการล่าวาฬ (Whaling) เพื่อการพาณิชย์ ส่งผลให้จำนวนประชากรของวาฬหลังค่อม (Humpbacks Whale)  ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ฝั่งตะวันตก ลดลงจนเหลือพียงแค่ประมาณ 450 ตัว 

ต่อมา ทั่วโลกเริ่มรับรู้ว่าจำนวนประชากรของวาฬหลายชนิดกำลังลดลงอย่างน่าตกใจ  และได้มีการก่อตั้ง คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬสากล (IWC)  ขึ้นในปี ค.ศ .1946 เพื่อควบคุมการล่าวาฬขึ้น ก่อนที่ต่อมาในปี ค.ศ. 1982 คณะกรรมการดังกล่าว ก็ได้ลงมติให้หยุดการล่าวาฬทุกสายพันธ์เพื่อการพาณิชย์ เพื่อให้วาฬได้มีโอกาสขยายพันธุ์เพื่อฟื้นฟูจำนวนประชากร โดยข้อกำหนดดังกล่าวยังคงมีผลต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน

ล่าสุด มีข่าวดีจากทาง สถาบันวิทยาศาสตร์ด้านทรัพยากรทางน้ำ และการประมง ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington’s School of Aquatic and Fishery Sciences)  ว่า ผลการศึกษาครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นว่า จำนวนประชากรของวาฟหลังค่อมได้ฟื้นฟูกลับขึ้นมาที่ประมาณ 25,000 ตัวแล้ว  ซึ่งนักวิจัยประเมินว่าใกล้เคียงกับจำนวนประชากรของวาฬหลังค่อมโดยประมาณในช่วงก่อนยุคล่าวาฬ   โดยข้อมูลใหม่นี้ได้หักล้างผลการศึกษาเก่าโดย คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬสากล ในช่วงปี ค.ศ. 2006-2015  ที่ระบุว่าจำนวนประชากรของวาฟหลังค่อมเพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาได้ราวๆ 30% ของช่วงก่อนยุคล่าวาฬเท่านั้น

ผลการวิจัยนี้ เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย  การประเมินการฟื้นฟูจำนวนประชากรของสัตว์นักล่าในแอนตาร์กติกหลังจากการถูกล่าในอดีต (Assessing the recovery of an Antarctic predator from historical exploitation)  ซึ่งจัดทำโดย นายแกรนด์ อดัม (Grant Adams), นายจอห์น เบสต์ (John Best) และ นายอังเดร์ พันท์ (André Punt) จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน  และได้รับการเผยแพร่ผ่านวารสารวิทยาศาสตร์  Royal Society Open Science

การวิจัยได้ใช้ข้อมูลจากอุตสาหกรรมล่าวาฬในอดีตซึ่งถูกบันทึกเอาไว้อย่างละเอียดมาเป็นข้อมูลประกอบ และทำการประเมินจำนวนประชากรของวาฬหลังค่อมในปัจจุบัน โดยใช้ข้อมูลจากสำรวจทางอากาศ และทางน้ำ ประกอบกับเทคนิคการสร้างแบบจำลองขั้นสูง   ซึ่งเจ้าของงานวิจัยคาดว่า กระบวนการที่ใช้ในการทำวิจัยนี้จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสำรวจการฟื้นฟูจำนวนประชากรของสัตว์สายพันธุ์ชนิดอื่นๆ ได้อย่างละเอียดมากขึ้นเช่นกัน


แปล และเรียบเรียงจาก
washington
royalsocietypublishing
goodnewsnetwork

 

 

 

Category:

Passion in this story