เมื่อเร็วๆ นี้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล แนะผู้ใช้เครื่องซักผ้าหลีกเลี่ยงการใช้โปรแกรมซักแบบถนอมผ้า (Delicate wash ) ซึ่งใช้น้ำมากกว่าการซักแบบปกติราวๆ 2 เท่า หลังผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่าการซักแบบถนอมผ้า ปล่อยไมโครพลาสติกออกสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่าการซักแบบปกติหลายเท่า

หัวหน้าทีมวิจัย ศาสตราจารย์แกรนต์ เบอร์เจส  (Prof. Grant Burgess) นักจุลชีววิทยาทางทะเล (Marine Microbiologist) ยอมรับว่าผลการศึกษาทำให้ประหลาดใจมาก เพราะที่ผ่านมาพวกนักวิจัยก็คิดเหมือนคนทั่วไปว่า การซักแบบถนอมผ้าจะช่วยปกป้องเสื้อผ้าได้ดีกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า

เหตุที่ต้องเปลี่ยนความคิด มาจากผลการทดลองซ้ำหลายๆครั้งที่แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปริมาณการปล่อยไมโครพลาสติก คือ “ปริมาณของน้ำ” ที่ใช้ในกระบวนการซักผ้า ไม่ใช่ “ความเร็วในการปั่น”

นั่นคือ ยิ่งใช้น้ำในกระบวนการซักผ้ามากเพียงใด ปริมาณไมโครพลาสติกที่หลุดออกมาจากเสื้อผ้าจะยิ่งมากเพียงนั้น ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าใดในการปั่น

การค้นพบนี้ทำลายความเชื่อแบบเก่าว่า การซักผ้าแบบปกติที่ปั่นด้วยความเร็วสูงกว่า และเปลี่ยนทิศทางการหมุนบ่อยกว่า จะทำให้มีเส้นใยผ้าหลุดออกไปปะปนกับน้ำทิ้งมากกว่าการซักแบบถนอมผ้า

“เราพบว่าเมื่อซักผ้าในปริมาณน้ำที่มากกว่า เส้นใยผ้าจะหลุดออกมามากกว่า เพราะมวลน้ำกระแทกและพุ่งแทรกผ่านเนื้อผ้ามากกว่า” ศาสตราจารย์แกรนต์ เบอร์เจส อธิบาย

การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาว่าไมโครไฟเบอร์ถูกนำเข้าไปสู่ระบบนิเวศน์ทางทะเลได้อย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมาทีมวิจัยพบไมโครไฟเบอร์ อยู่ในร่างกายของสัตว์น้ำที่ไปสำรวจบ่อยมาก

ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่ม ผลิตเส้นใยสังเคราะห์มากกว่า 42 ล้านตันในแต่ละปี ซึ่งประมาณ 80% ถูกนำไปผลิตเป็นผ้าโพลีเอสเตอร์  และจากการทดลองซักเสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์นั้น พบว่าการซักแต่ละครั้งจะมีไมโครไฟเบอร์หลุดออกมาราวๆ 5 แสนถึง 6 ล้านชิ้น


ขอบคุณเนื้อหาจาก The Guardian

 

Category:

Passion in this story