แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะในประเทศใหญ่ ๆ ยังมียอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน แต่สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยเรา เริ่มคลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเอง ต่อครอบครัว และต่อสังคม จึงให้ความร่วมมือกับมาตรการป้องกันต่าง ๆ เป็นอย่างดี
แต่นั่นมิใช่หนทางเดียวที่จะช่วยให้เรามีชีวิตรอดปลอดภัยจากสถานการณ์แพร่ระบาด เพราะเราต้องไม่ระวังแต่เรื่องโควิดเพียงอย่างเดียว เราต้องมองให้ไกลและเตรียมการให้พร้อมกับชีวิตในวันข้างหน้า วันที่อาจมีวัคซีนป้องกันโควิด มียาต้านไวรัสโควิด แต่ดันเป็นวันที่เราไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินออม ไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ ที่จะใช้ดำรงชีวิตให้ปลอดภัยมั่นคง
ไม่ว่าจะมีโควิดอีกหรือไม่ก็ตาม เราต้องเริ่มวางแผนการใช้เงิน เพื่อให้ชีวิตในวันนี้และในอนาคตมีความมั่นคง เพราะเราได้เห็นกันแล้วว่า ผลกระทบต่อชีวิตคนที่ถูกเลิกจ้างงาน ถูกให้ออกจากงาน หรือมีงานมีกิจการแต่ไม่สามารถเปิดร้านหรือดำเนินกิจการได้ตามปกติ มันลำบากยากเย็นขนาดไหน ลำพังเงินช่วยเหลือจากรัฐก็ใช้ได้เพียงชั่วคราว
ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องตัดสินใจลงมือแบ่งค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ในชีวิต เริ่มจากสิ่งที่จำเป็น 2–3 กลุ่ม คือ
แม้ว่าหลายคนอาจจะสามารถวางแผนได้เฉพาะข้อ 1 หรือข้อ 2 แต่สำหรับผู้ที่ยังพอมีโอกาสวางแผนเผื่อในข้อ 3 แต่ยังไม่รู้จะเริ่มทางใด เราขอแนะนำการลงทุนผ่าน “กองทุนรวม” ซึ่งเปรียบเสมือนการออมเงินของเราไว้ใช้ในอนาคต โดยมีมืออาชีพจากบริษัทจัดการกองทุนที่นำเงินของเราไปลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ โดยที่เราจะได้ทั้งกำไรเป็นผลตอบแทนที่แน่นอน และเงินต้นที่เรานำไปเก็บออม
หากเราตัดสินใจลงทุนได้เร็วตั้งแต่อายุยังน้อย ผลตอบแทนของการลงทุนจะยิ่งมากขึ้น และทำให้เราไม่ลำบากหากจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ในอนาคต ปัจจุบันมีบริษัทจัดการกองทุนจำนวนมากที่เปิดโอกาสให้เริ่มต้นการลงทุนด้วยเงินเพียง 500-1,000 บาท หากมีวินัย ทยอยซื้อหน่วยลงทุน ก็สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้เช่นเดียวกับนักลงทุนรายใหญ่ได้เช่นกัน
วันนี้ ขอนำข้อมูลบางส่วนสำหรับผู้สนใจการออมเงิน จากทาง บลจ.กรุงไทย หรือ KTAM ได้แนะนำกองทุน “มั่งมีศรีสุข” ซึ่งเน้นการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) ในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เป็นการลงทุนแบบ Fund of Funds ที่อยู่ภายใต้การบริหารและจัดการของบริษัท และจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน แบ่งเป็น 4 กองทุนต่าง ๆ ได้แก่
1. กองทุนเปิดกรุงไทยมั่งคั่ง (KTMUNG) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เข้าใจและยอมรับในความผันผวนของสินทรัพย์ต่าง ๆ ในระยะยาวได้ เน้นการลงทุนในตราสารทุน 75% ตราสารหนี้ 15% ตราสารทางเลือก 10%
2. กองทุนเปิดกรุงไทยมีทรัพย์ (KTMEE) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ตั้งแต่ปานกลางถึงสูง โดยลงทุนในตราสารทุน 50% ตราสารหนี้ 40% ตราสารทางเลือก 10%
3. กองทุนเปิดกรุงไทยศรีสิริ (KTSRI) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อยากได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยลงทุนในตราสารทุน 65% ตราสารหนี้ 25% ตราสารทางเลือก 10%
4. กองทุนเปิดกรุงไทยสุขใจ (KTSUK) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสมํ่าเสมอ และมีความผันผวนน้อย โดยลงทุนในตราสารทุน 80% ตราสารหนี้ 10% ตราสารทางเลือก 10%
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…
บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…
ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…
ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…
This website uses cookies.