Categories: News

KTAM ตอกย้ำความเชื่อมั่นฝีมือการบริหารแม้ยามโลกผันผวน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกองทุนรวมให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM (บริษัทฯ) และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกว่า แม้การฟื้นตัวเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2565 จะไม่เท่าเทียมและไม่ทั่วถึง โดยปัจจัยหลัก ๆ มาจากเรื่องของเงินเฟ้อ การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหาร ซึ่งเป็นแรงผลักดันเงินเฟ้อด้านอุปทาน และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในหลายประเทศ ที่เป็นปัจจัยหลักที่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลต่อตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับท่าทีต่อการดำเนินนโยบายการเงินไปสู่ทิศทางที่ตึงตัวมากขึ้น ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และการลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตร (QT) นอกจากนี้ ธนาคารกลางในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (EM) ก็ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อและป้องกันเงินทุนไหลออก ขณะที่ธนาคารยุโรปแม้จะยังสงวนท่าทีอยู่ แต่มีแนวโน้มที่จะเริ่มเข้าสู่ความตึงตัวมากยิ่งขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อ จึงนับว่าเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565

 

ส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น การฟื้นตัวในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ทำได้ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาด จากการบริโภคภายในประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาล และการส่งออกที่ยังคงดีต่อเนื่องตามภาวะอุปสงค์โลกที่เร่งตัว อย่างไรก็ตาม การระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นหลายระลอกอาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกกดดัน ส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0.5% ต่อเนื่อง แต่ในกรณีที่ควบคุมการระบาดได้แล้ว มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมในประเทศและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ก็จะทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี และอาจทำให้มีแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายในประเทศจะถูกปรับขึ้น 0.25% ในช่วงปลายปี

 

สำหรับตลาดการลงทุนในปี 2565 นี้ นับว่ามีความผันผวนค่อนข้างรุนแรงจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น หลายสินทรัพย์ได้มีการปรับตัวลงในวงกว้าง ทำให้นักลงทุนส่วนมากปรับตัวเข้าสู่โหมด “ลดความเสี่ยง” (Risk-off) มากขึ้น บริษัทฯ จึงมีแนวทางในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท โดยมองในส่วนของตลาดตราสารหนี้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ เนื่องจากมีการปรับตัวลดลงมากจากต้นปีเนื่องจากธนาคารกลางมีแนวทางในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีการปรับตัวเพื่อรองรับการขึ้นดอกเบี้ยมาพอสมควรแล้ว โดยประมาณการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะถึงจุดสูงสุดในปลายปี 2022 จากนั้นจะมีการปรับตัวลดลงอยู่ในระดับที่ธนาคารกลางสามารถควบคุมได้ ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวสูงขึ้นแต่อาจจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากและรวดเร็วกว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดหุ้นโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ และตลาดยุโรป ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเป็นการสกัดกั้นสภาวะเงินเฟ้อและการ sanction ของสหรัฐฯ และยุโรปต่อรัสเซีย ส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานและอาหารเพิ่มสูงขึ้นทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปมีการเติบโตที่ช้าลงทำให้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ

ในส่วนของตลาดหุ้น มีความสนใจในตลาดหุ้นเอเชียมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปประเทศที่พัฒนาแล้ว และเมื่อพิจารณาด้านราคาจะเห็นว่าตลาดหุ้นเอเชียมีราคาที่ถูกกว่า ทั้งยังมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ในสภาวะเงินเฟ้อ เช่น กลุ่มสินทรัพย์โภคภัณฑ์ และทองคำ โดยแนะนำให้น้ำหนักของตราสารหนี้ร้อยละ 40 ให้น้ำหนักตราสารทุนร้อยละ 50 และทองคำร้อยละ 10

 

สำหรับภาพรวมการบริหารของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมชั้นนำของประเทศ มุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตทางการเงินที่ดีขึ้นให้แก่นักลงทุน โดยยึดแนวทางในการดำเนินธุรกิจ 5 ส. ได้แก่ สร้างสรรค์ สำเร็จ สัตย์ซื่อ สามัคคี และสังคม ทั้งยังตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จึงได้พยายามเฟ้นหาโอกาสการลงทุนในรูปแบบใหม่ นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยจะมีการนำเสนอกองทุนประเภท Thematic และกองทุนที่เหมาะสมกับภาวะ Risk off ของนักลงทุนมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังเป็นการสร้างโอกาสให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้ยึดหลักการบริหารจัดการอย่างรอบคอบระมัดระวัง ภายใต้กระบวนการการกำกับดูแลที่ดีโดยคำนึงถึงประโยชน์ของนักลงทุนเป็นสำคัญ

 

โดยตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤติจากการแพร่ระบาดตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ตั้งรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเล็งเห็นถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของนักลงทุน ซึ่งนอกจากการปรับตัวที่ต้องเร็วและทันกับยุคสมัยแล้ว ช่องทางการให้บริการก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน บริษัทฯ จึงได้เปิดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ชีวิตสมัยใหม่ของนักลงทุน เช่น Facebook, YouTube, Line, Instagram, Twitter, Clubhouse, PodBean, Blockdit และ Spotify เป็นต้น เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา

 

จากการนำเสนอข้อมูลการลงทุนอย่างทันท่วงทีแล้ว เรายังได้ทำการ update ข้อมูลการลงทุนในรูปแบบ Live อย่างต่อเนื่องในเช้าของทุกวันทำการผ่านช่องทาง Facebook, YouTube และ Clubhouse โดยในขณะ Live นักลงทุนที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งทำให้ได้รับกระแสตอบที่ดีจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ปัจจุบันเราเป็น บลจ.อันดับ 1 ที่มีผู้ติดตามสูงสุดในช่องทาง Facebook ด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 300,000 ราย โดยข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีฐานลูกค้าในทุกดิจิทัลแพลตฟอร์มรวม PVD online และ Krungthai NEXT จำนวน 1,092,131 ราย เติบโตถึง 36.6% เทียบจากปี 2563 และในปีนี้เรายังมุ่งหวังที่จะขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยวางเป้าหมายให้เติบโตจากปี 2564 ถึง 40%

 

นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าส่งเสริมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยได้คำนึงถึงวิถีชีวิตในยุคดิจิทัล (Digital Lifestyle) ที่เปลี่ยนไปของนักลงทุน จึงได้มุ่งพัฒนาแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ เพียงปลายนิ้วได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ต้องไปที่ธนาคารหรือจัดเตรียมสำเนาเอกสารให้ยุ่งยาก ซึ่งนอกจากการเปิดบัญชีซื้อขายกองทุน และทำรายการได้แบบเรียลไทม์ (Online Open Account) แล้ว ยังมีแผนที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ตาม Portfolio Model ตามคำแนะนำได้สะดวกขึ้น อีกทั้งเรายังใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยต่าง ๆ ภายในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวล รวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีนักลงทุนที่ใช้บริการผ่าน KTAM Smart Trade แล้วกว่า 41,000 บัญชี

 

ชวินดา กล่าวเพิ่มเติมสำหรับบทบาทหน้าที่นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนว่า เป็นบทบาทที่ความท้าทาย เนื่องจากปัจจุบันระดับการออมของประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำและกระจุกตัวในวงจำกัด รวมถึงการออมเพื่อการเกษียณอายุผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีสัดส่วนเพียง 8% ของ GDP และจำนวนผู้ออมเพียง 3 ล้านคน ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็ยังมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่จำกัด และไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มีเงินลงทุนในระดับสูง มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน และต้องการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ Sophisticated มากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับนักลงทุน ทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนไปจนถึง Digital Assets จำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับ Fund Manager, Analysts, ไปจนถึง Advisory ให้มีทักษะที่เทียบเคียงได้กับสากล

 

จากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ทางสมาคมฯ จึงมุ่งหวังที่จะผลักดันให้กองทุนรวมเป็นช่องทางการออมที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีได้ทุกระดับและทุกช่วงวัย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์การออมที่ครบถ้วนสำหรับการลงทุน พร้อมทั้งเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนด้านดิจิทัลและผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุน รวมถึงการยกระดับบทบาทของอุตสาหกรรมในฐานะผู้ลงทุนสถาบันให้สนับสนุนและผลักดันการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งนี้ ได้วางแผนกลยุทธ์ 6 ด้านเพื่อบรรลุเป้าหมายตามพันธกิจ ประกอบด้วย

 

1) Financial well-being for Thais: มีเป้าหมายที่จะผลักดันพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ และขยายฐานผู้ออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เติบโตมากขึ้น 2) Digital investment products & initiative: มีเป้าหมายที่จะพัฒนาและนำเสนอทางเลือกผลิตภัณฑ์การออม การลงทุนที่ครบถ้วน 3) Sustainable investing: มีเป้าหมายที่จะยกระดับบทบาทการทำหน้าที่ของกองทุนในฐานะนักลงทุนสถาบันให้มีบทบาทในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

4) Industry competitiveness & sustainability: มีเป้าหมายที่จะพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของอุตสาหกรรมในทุกระดับ 5) Big data database and analysis: มีเป้าหมายที่จะประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดให้มีฐานข้อมูล centralized data หรือ shared data เพื่อนำเสนอนโยบายการออมที่เหมาะสมต่อภาครัฐ และ 6) Industry efficiency: มีเป้าหมายที่จะร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต.ในการจัดทำ regulatory guillotine เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์และกฎระเบียบต่างๆ ให้มีความทันสมัย และสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆรองรับความต้องการของนักลงทุนไทย

 

โดยแผนทั้งหมดนี้ จะเน้นการกระจายงานตามแผนพร้อมส่งเสริม engagement และแบ่งงานตามความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการสมาคมบุคลากรของอุตสาหกรรมตามกลุ่มความถนัด เพื่อใช้ศักยภาพสูงสุดของบุคลากรของอุตสาหกรรมในการสนับสนุนความสำเร็จตามพันธกิจของสมาคม

Pasucha

Recent Posts

Young SME หลักสูตรสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ชู Soft Power เสริมสร้างธุรกิจยั่งยืน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…

6 months ago

Driving People’s Actions แนวคิดธุรกิจยุคใหม่ กับ มุมมองด้านความยั่งยืน

บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…

9 months ago

อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล “ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี” จากงาน DG Awards 2023

อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…

10 months ago

Driving People’s Actions แนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์แบรนด์ สไตล์ ฮาคูโฮโด เฟิร์ส

ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…

10 months ago

พิธีปิดการอบรมหลักสูตร SML รุ่นที่ 4 ปี2566

พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…

1 year ago

เมื่อสูงวัยต้องไปทำฟัน

ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…

1 year ago

This website uses cookies.