เพื่อน ๆ เคย ตั้งข้อสังเกตไหมครับ ว่าทำไมคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ อาทินักกีฬาที่ไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิก หรือคนไทยที่ไปเป็นนักร้องชื่อดังในต่างประเทศ มักถูกเจ้าของสินค้าเชิญให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ของตัวเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งละครทีวีเรื่องที่เป็นกระแสของสังคมในช่วงนั้นก็ถูกโยงให้มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาดเช่นกัน ความสงสัยนี้ ทำให้ผมไปหาคำตอบ ว่ากลยุทธ์การตลาดแบบนี้ มีชื่อเฉพาะเรียกว่า REAL-TIME MARKETING อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การตลาดแบบอิงกระแสของสังคมในปัจจุบัน

กลยุทธ์นี้ หัวใจสำคัญคือ ความเร็วในการคิดและผูกโยงให้แบรนด์สามารถเข้ากับสินค้าหรือบริการได้อย่างแนบเนียน ยิ่งในยุคสมัยที่ทุกอย่างต้องเร็วกว่าสายฟ้าแบบนี้ การบ้านจะตกไปอยู่กับทีมสร้างสรรค์เนื้อหา ที่จะต้องทำออกมาให้ดี ว่าหากใช้กระแสของสังคมช่วงนั้นมาผูกโยงกับสินค้าแล้ว จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ในแง่มุมไหนได้บ้าง ที่สำคัญต้องถูกที่และถูกเวลา

สำหรับข้อดีที่นำสินค้าแลบริการไปอิงกับกระแสนั้น นอกจากจะทำให้ผู้บริโภคสนใจสินค้าของเรามากขึ้น นั่นหมายความว่า หากเราสามารถจับจุดความต้องการที่ให้เกิดกระแสนี้ขึ้นมาได้ ก็จะมีโอกาสสร้างเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการนี้ได้อีก     จนอาจเกิดเป็นประแสขึ้นมาอีกรอบได้

ส่วนข้อจำกัด ของการตลาดแบบ REAL-TIME MARKETING จะมีอายุการใช้งานสั้น จะสร้างความน่าสนใจได้เฉพาะช่วง ๆ หนึ่งท่านั้น พอหากกระแสซาไป หรือมีประเด็นที่น่าสนใจอื่นผ่านเข้ามา ความน่าสนใจของการตลาดแบบนี้ก็จะถูกด้อยค่าลง  ขอยกตัวอย่างช่วงวันแม่ที่ผ่านมานะครับ  มีร้านขายอาหารญี่ปุ่นร้านนึงนำปลาแซลม่อนมาเรียงเป็นพวงมาลัย ก็เป็นการใช้กระแสของวันแม่ให้เข้ากับสินค้าของตัวเอง ซึ่งนอกจากแสดงความรักโดยการให้พวงมาลัยแซลม่อนตอนกราบเท้าแม่ได้แล้ว ยังสามารถกลืนกินความรักจากลูกลงท้องได้อีกด้วย แหม…วิน วิน ทั้งคุณแม่และคุณลูกเลย

แต่นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับกลยุทธ์การตลาดให้กับสินค้าของไทยครับ เพราะในอดีตเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เราเคยมีรถกระบะยี่ห้อนึงที่เปิดตัวโดยใช้ชื่อรุ่นว่า “FIGHTER” ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีนักกีฬามวยไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรก ในประวัติศาสตร์ให้กับประเทศ ซึ่งนักมวยกับคำว่า FIGHTER ที่แปลว่านักสู้ ก็ดูเข้ากั๊น เข้ากัน เหมาะเจาะอะไรขนาดนั้น แต่เพื่อน ๆ ครับ ในเมื่อกระแสเกิดขึ้นทุกวัน ฉะนั้นควรคิดวิเคราะห์ให้ดีว่ากระแสที่เป็นอยู่เหมาะสมกับ      แบรนด์ของเรามากน้อยแค่ไหน หากเราไปโหนกระแสในจังหวะที่ไม่เหมาะก็อาจจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าได้รับผลดี

ทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือ หลักของการทำ MARKETING ง่าย ๆ ที่นำมาฝากชาว PASSION MARKET นะครับ  ครั้งหน้า อยากให้ PASSION MARKET ทำเนื้อหา หรือกลยุทธ์ทางการตลาดเรื่องอะไร สามารถคอมเม้นต์เข้ามาได้เลย  ผมและทีมงานยินดีรับฟังทุกคำแนะนำ  โอกาสหน้าจะมีหัวข้ออะไรที่น่าสนใจ อย่าลืมติดตามชมนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ  

Passion in this story