ช่วงนี้หลาย ๆ คน น่าจะต้องทำงานที่บ้าน (work from home) ไปอีกสักพัก บ้านใครที่อยู่ติดตลาด หรือใกล้ร้านสะดวกซื้อ นับเป็นความโชคดีเพราะไม่ต้องออกไปเพิ่มความเสี่ยงซื้ออาหารไกลบ้าน แต่เมื่อท้องหิวและไม่มีคนรู้ใจทำอาหารให้กิน (555 เศร้าจัง) สมองจึงสั่งการว่าต้องออกไปซื้ออาหารมาประทังชีวิต รู้ตัวอีกทีผมก็มายืนซื้ออาหารที่คอมมิวนิตี้มอลล์ใจกลางเมืองแห่งหนึ่งแล้ว

ระหว่างนั้นแอบเห็นร้านขายขนมและเครื่องดื่ม ที่สะดุดตาเพราะตกแต่งร้านเป็นกระเบื้องลายอิฐสีขาวทั้งหมด ภายในร้านพบสิ่งมีชีวิตนอนหมอบในท่วงท่าสงบนิ่ง เหมือนเฝ้าดูอะไรบางอย่างที่จะผ่านประตูเข้ามา…อ้าวนั่นสุนัขนี่นา แฟนพันธุ์แท้คนรักสุนัขอย่างผมไม่รอช้า…จ้ำอ้าวเข้าไปในร้านทันที เรื่องหิวเอาไว้ก่อนชั่วโมงนี้ใจสั่งมาว่าต้องเข้าปะทะอย่างเดียวครับ

ภาพในหัวที่คิดไว้  คือทันทีที่ผลักประตูเข้าไปจะต้องได้ยินเสียงเห่า หรืออาการตื่นเต้นของสุนัขเมื่อเห็นคนแปลกหน้าตามสัญชาตญาณ แต่ไม่ใช่เลย…เพราะสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นมีอาการเรียบเฉยแค่ชำเลืองหางตามองบุคคลภายนอกอย่างผม ยิ่งเพิ่มความประหลาดใจและอยากเรียนรู้สุนัขพันธุ์นี้ให้มากขึ้น และได้มีโอกาสขอความรู้จากคุณโจเซฟ อัง และคุณพิมพ์รตา ทองเดช เจ้าของธุรกิจคาเฟ่สุนัข “Hachiko Bubble Tea Dog Café”

“อากิตะ” หรือ อากิตะ อินุ เป็น สายพันธุ์สุนัขประจำชาติญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดในเมืองฮอนชู ในอดีตสุนัขพันธุ์นี้จะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสุนัขอารักขาองค์จักรพรรดิ์ และใช้งานเป็นสุนัขล่าสัตว์ต่าง ๆ เช่น กวาง นก และหมี ลักษณะนิสัย ชอบความสะอาด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักสันโดษ ติดบ้านที่สำคัญจะรักเจ้าของที่ดูแลมาก (อ้อ…นี่มันสุนัขนิสัยอินดี้แน่นอน) ต่อมามีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ลดความก้าวร้าว เพื่อเป็นคู่หูของมนุษย์ได้อย่างในปัจจุบัน 

อยากให้มีพื้นที่ส่วนกลางให้คนทั่วไปได้เรียนรู้ประวัติของ “อากิตะ”

ก่อนที่จะมาทำคาเฟ่สุนัข คุณโจเซฟ บอกว่า ปัจจุบันได้ทำธุรกิจฟาร์มสุนัขพันธุ์อากิตะอยู่ก่อนแล้วชื่อฟาร์ม “Josz Akita Inu Kennel-創秋莊-ฟาร์มอาคิตะญี่ปุ่น” สุนัขอากิตะของเรา จะมีพ่อ-แม่พันธุ์มาจากประเทศญี่ปุ่นแท้ ๆ เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้ในไทย มีคนเลี้ยงค่อนข้างน้อย เพราะมีโลกส่วนตัวสูง (คล้ายแมว) ไม่อ้อนเจ้าของแต่รักเจ้าของมาก จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจว่าอยากให้คนทั่วไปรู้จักกับ อากิตะ มากขึ้น เป็นไอเดียทำคาเฟ่สุนัข เพื่อให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางให้คนที่รักสุนัขได้มีของมูลของอากิตะก่อนตัดสินใจเลี้ยง

เหมาะกับคนไทย ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยงมาก

ด้วยนิสัยที่รักสันโดษ อากิตะ จึงไม่เห่าพร่ำเพรื่อ จะเห่าเฉพาะเวลาที่จำเป็นต้องเห่าเท่านั้น คือ เวลาที่เห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง สุนัขพันธุ์นี้เขาจะดูออก ว่าคนไหนมาดีหรือมาร้าย ถ้ามาดีจะแค่เห่าทักทายต้อนรับ แต่ถ้าดูแล้วประสงค์ร้ายท่าทีของอากิตะจะเปลี่ยนไป พร้อมที่จะสู้และปกป้องเจ้าของ  สิ่งสำคัญที่สุดคือใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อย ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อสุนัขจากเรามักเอาไปเลี้ยงที่คอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่น้อย แต่ก็ต้องมีเวลาให้เขาบ้าง พาออกไปวิ่งไปเดินบ้างให้ร่างกายได้ขยับตัว

เทคนิคของการเลือกสุนัข “อากิตะ”

หากแฟน ๆ PASSION MARKET สนใจอยากจะเลี้ยงเจ้าสุนัข “อากิตะ” นั้นคุณโจเซฟ มีเทคนิคง่าย ๆ มาแชร์ครับ โดยคุณลักษณะที่ดีคือ 1.เมื่ออายุครบ 4 เดือน หูของอากิตะจะต้องตั้งทำมุม 45 องศา ให้สังเกตที่แผงคอถ้าเป็นสายพันธุ์ที่ดีควรมีแผงขอสีขาว  และ3. หางของสุนัขพันธุ์นี้ต้องเป็นพวงและม้วนขึ้น หางต้องไม่ตกลากพื้น ถ้ามีครบ 3 ข้อนี้ ถือว่าเจ้าอากิตะตัวนั้น มีสายพันธุ์ที่ดีแน่นอน ส่วนข้อห้ามสำคัญคือ อย่าให้ทานอาหารของคนเด็ดขาด เพราะอาหารคนส่วนใหญ่จะใส่ผงชูรสจะส่งผลเสียต่อร่างกายของอากิตะอย่างรุนแรง

แฟน ๆ PASSION MARKET ที่ต้องการไปสัมผัสความน่ารักของเจ้าสุนัขอากิตะ สามารถเดินทางไปที่คาเฟ่สุนัข  “Hachiko Bubble Tea Dog Café” ได้นะครับ  อยู่ภายในคอมมิวนิตี้มอลล์ พลาซ่าลากูนถนนลาดพร้าว-วังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ ฯ หรือสามารถติดต่อทางร้านผ่านทาง FACEBOOK : Hachiko Bubble Tea Dog Café ก่อนเข้าไปก็ได้  เพราะในแต่ละวันจะมีเจ้าสุนัขอากิตะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างความสุข

อ้อ…ที่นี่ยังมีขนมอร่อยน่าทาน และชานมไข่มุกไต้หวันละมุมลิ้นด้วยนะ  ครั้งหน้า PASSION MARKET จะพาทุกคนไปเที่ยวไปดูไอเดียที่เป็นแรงบันดาลใจของการทำธุรกิจที่ไหนรอติดตามนะครับ  สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

Passion in this story