ช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลาย ๆ คนอาจกำลังวางแผนท่องเที่ยว และผมเชื่อว่าสถานที่ลำดับต้น ๆ ที่คนนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น พัทยา หัวหิน หรือปากช่อง เพราะสถานที่เหล่านี้ไม่ไกลสำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืน และง่ายต่อการหาที่พัก ที่เที่ยว
การที่เราไปเที่ยวไหนไม่ได้เลยในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผมคิดถึงทริปอัมพวาเมื่อต้นปีก่อนขึ้นมา ทริปนั้นเปลี่ยนแปลงความคิดผมไปหลายเรื่อง
โดยส่วนตัวผมแล้ว เมื่อก่อนคิดว่าอัมพวาเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่ผมอาจจะมองข้ามไปหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากระยะทางยังไม่ไกลมากพอที่ผมจะนับเป็นการ “ไปเที่ยวต่างจังหวัด” และอีกมุมหนึ่งก็คือ มันยังมองไม่เห็นทะเลกับภูเขานั่นเอง
แต่ความประทับใจของผมครั้งนี้กลับเกิดขึ้นที่อัมพวา และผมก็โชคดีที่วันนี้มีพื้นที่บนโลกออนไลน์ที่นำประสบการณ์กลับมาเล่า ให้เพื่อน ๆ ชาว market ฟังอีกครั้ง
ขอเล่าสั้น ๆ ว่า การไปอัมพวาครั้งนี้จะเรียกว่าไปเป็นเพื่อนแฟนก็ว่าได้ เพราะตัวเขาเคยไปมาหลายครั้งเเล้ว แต่นี่คือการเปิดประสบการณ์ครั้งเเรกของผม กับมุมมองใหม่ ๆ ที่อัมพวา สิ่งแรกคือ ไปเที่ยวตลาดน้ำ แต่ไม่เลือกบ้านพักริมน้ำ
ผมมุ่งหน้าไปที่รีสอร์ทชื่อ บ้าน ณ บางช้าง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำมาก แต่ก็ไม่ถึงกับเดินไปมาได้ วันนั้นผมเดินทางด้วยรถส่วนตัว เมื่อถึงหน้ารีสอร์ทจะเห็นคุณลุงกับคุณป้าเปิดประตูรั้วต้อนรับ จัดแจงหาที่จอดรถให้บริเวณด้านหน้าให้ นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับเจ้าของสถานที่
ลุงอี๊ด กับ ป้าทิพย์ ทั้งคู่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนรู้จักกันมานานเลยทีเดียว อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือ เจ้าจ่อย สุนัขพันธุ์พิทบูลที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว
ตอนเเรกก็มีความกังวลนิดหน่อย กว่าที่จะกล้าเอามือไปโดนตัวเขาได้ก็ทำใจอยู่นาน เเต่สุดท้ายก็เป็นจ่อยที่เอาตัวมาโดนผมก่อน แล้วจ่อยทำให้ทัศนคติที่มีต่อพิทบูลของผมเปลี่ยนไป แม้หน้าตาจะหน้าดุ เเต่ใจดีและขี้เล่นเหมือนเด็กน้อย ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก เพราะเจ้าจ่อยเพิ่งอายุได้ 3 ปีเท่านั้น และนอกจากจ่อยเพื่อนรักแล้ว ยังมีนกกระตั้วอีก 2 ตัว พูดถึงทีไรก็อดคิดถึงไม่ได้
ลุงอี๊ดและป้าทิพย์เปิดรีสอร์ท บ้าน ณ บางช้างมานาน โดยจัดการทุกอย่างในพื้นที่รีสอร์ทด้วยตัวเอง โดยมีป้าทิพย์เป็นคนรับจองและจัดการเรื่องงานบ้าน ส่วนงานที่ใช้กำลังก็ต้องให้ลุงอี๊ดจัดการ
ปัจจุบันทั้งคู่ก็อายุ 60 ปีขึ้นไปแล้ว แต่ยังคงมี Passion ในการทำรีสอร์ทแห่งนี้ตลอดเวลา และยังมีลูก ๆ ค่อยช่วยและให้กำลังใจเสมอ ที่แห่งนี้จึงมีแต่ความอบอุ่นและคุณค่าทางจิตใจให้กับผู้ที่ได้แวะมาใช้บริการ
กลับมาต่อกันในเรื่องที่พักกันครับ รีสอร์ทนี้มีบ้านพักจำนวน 6 หลัง ซึ่งแบ่งเป็น 10 ห้อง คือมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านหลังใหญ่ ราคาหนึ่งคืนก็อยู่ที่ 1,200-2,400 บาท/คืน รวมอาหารเช้า
บรรยากาศโดยรอบเป็นเหมือนบ้านสวน ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เเละที่สำคัญคือเรื่องรถรับ-ส่งไปตลาดน้ำ ซึ่งลุงอี๊ดกับป้าทิพย์จะผลัดกันขับไปรับไปส่งลูกค้าที่ต้องการไปเที่ยวตลาดน้ำ
เพราะความเป็นกันเองและคุยสนุกของป้าทิพย์ขณะไปรับ-ส่งที่ตลาดน้ำ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นผมเองมาขับรถให้ป้าทิพย์นั่งเเทน รู้ตัวอีกทีก็อดขำตัวเองไม่ได้จริง ๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ผมไม่มีวันลืม โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทองเกียร์ธรรมดาคันนั้นได้เลย
ขอแถมสำหรับคนรักการปั่นจักรยานอีกสักนิดครับว่า รีสอร์ท บ้าน ณ บางช้าง เเห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นจุดสตาร์ตของนักปั่น เนื่องจากมีพื้นที่ให้เตรียมจักรยานได้อย่างกว้างขวาง คุณสามารถเริ่มออกปั่นจากบ้าน ณ บางช้าง ไปอำเภอเมืองราชบุรี ในระยะทางไป-กลับไม่เกิน 50 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 6002 ลาดยางอย่างดี มีรถยนต์น้อย วิวข้างทางเป็นสวน ถ้าจะหาเพื่อนร่วมทางก็หาได้จากเเถวนี้เลย เพราะมีเพื่อนชาวจักรยานปั่นไป-มาตลอด เลือกเอาตามสะดวกว่าจะขอตามกลุ่มไหน ซึ่งอัธยาศัยดีทุกคนครับ ผมลองมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม อัมพวาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป ด้วยระยะทางที่ไม่ไกล และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำ ล่องเรือชมสวนชมหิ่งห้อย เเละไหว้พระวัดดัง ที่สำคัญช่วงนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังไม่มี คุณคงนึกภาพออกกันใช่ไหมครับ
สุดท้ายอยากจะบอกเพื่อน ๆ ชาว market ว่า หากคุณได้มาพักที่รีสอร์ท บ้าน ณ บางช้าง เเห่งนี้ ผมรับรองว่าคุณจะประทับใจ และอยากกลับไปใช้บริการซ้ำเช่นเดียวกับผมอย่างเเน่นอน
ใครที่สนใจ ติดตามได้ทาง facebook: รีสอร์ท บ้าน ณ บางช้าง อัมพวา หรือโทรศัพท์หาป้าทิพย์ได้ที่เบอร์ 08 1303 7316
Category: