เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักแสวงบุญชาวพุทธไทยว่า “ยอดเขาคิชฌกูฏ” ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี คือสถานที่สำคัญซึ่งนักแสวงบุญต้องไปให้ถึงสักครั้งในชีวิต เพื่อทดสอบพลังศรัทธาในการเดินเท้าอย่างยากลำบากบนเส้นทางกว่า 3 กิโลเมตรกว่าจะถึงเป้าหมาย

ยอดเขาแห่งนี้ ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,050 เมตรและสูงกว่ายอดเขาใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เป็นที่ประดิษฐาน “รอยพระพุทธบาท” ณ ตำแหน่งสูงที่สุดในประเทศไทย เปิดให้ผู้ศรัทธาขึ้นไปแสวงบุญเพียงปีละประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน

น่าสนใจว่า ห้วงเวลาแสวงบุญดังกล่าว ทำให้เกิด “อาชีพ” ใหม่ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำไม่น้อยให้แก่คนทำงาน

นั่นคืออาชีพ “ นักขับแห่งเขาคิชฌกูฏ” หรือ “คนขับรถกระบะขึ้นเขาคิชฌกูฏ”

กลุ่มชายฉกรรจ์นักขับเหล่านี้ มาพร้อมรถกระบะออฟโรดสำหรับขับขี่ปีนป่ายหินในเขตภูเขาลาดชัน เพื่อพานักแสวงบุญขึ้นไปยังบริเวณที่จะสามารถเดินต่อถึงยอดเขา โดยช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางช่วงแรกได้ค่อนข้างมาก ซึ่งหากเราเดินจากตีนเขาโดยไม่ใช้บริการรถโดยสาร จะใช้เวลาเฉลี่ยถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ไม่จำเป็นว่านักแสวงบุญต้องใช้บริการดังกล่าว แต่นั่นหมายถึงนักแสวงบุญจะต้องมีสมรรถภาพทางกายดีมากและต้องมีเวลา เพราะตลอดระยะทาง 9 กิโลเมตรจากตีนเขาบริเวณท่ารถ จนถึงจุดจอดรถเพื่อเดินขึ้นเขาอีก 3 กิโลเมตร ซึ่งสูงชันขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีถนนลาดยางให้เห็น คือเส้นทางเดินป่าที่ยากลำบากอย่างยิ่ง

จนแม้การขับรถขึ้นเขา เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ก็ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำรถขึ้นไปเองเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หากให้ใช้บริการรถกระบะออฟโรดของนักขับชาวบ้านซึ่งคิดค่าบริการไป-กลับ 200 บาท โดยกำหนดให้รถแต่ละคันบรรทุกผู้โดยสารเต็มที่ได้ไม่เกิน 12 คน และห้ามเด็กกับผู้สูงอายุนั่งท้ายรถเด็ดขาด

แม้ “นักขับแห่งเขาคิชฌกูฏ” จะเป็นชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ซึ่งปกติมีงานอื่นทำอยู่แล้ว เพียงใช้เวลาช่วง 2 เดือนมาขับรถ ก็มิใช่ว่าชาวบ้านทุกคนที่ขับรถได้จะสามารถทำหน้าที่นี้ หากไม่ได้ฝึกฝนจนชำนาญหรือไม่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นจากนักขับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งพิจารณาละเอียดจนถึงความใส่ใจของนักขับหน้าใหม่ในการตรวจสภาพและความพร้อมของรถก่อนขับขี่

นอกจากนั้น พวกเขายังมีกฎว่า ขับรถได้เพียงวันละ 6-8 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อป้องกันความอ่อนล้า โดยให้แต่ละคนใช้เวลาในการขับรอบละประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้มีรถเพียงพอต่อจำนวนนักแสวงบุญที่รอขึ้นรถ

นักขับบางคนเล่าว่า  พวกเขาซื้อรถใหม่เพื่องานนี้ทุกปี และเมื่อจบงานมักจะขายรถทิ้งเนื่องจากเครื่องยนต์เสื่อมสภาพ

นักขับแห่งเขาคิชฌกูฏเคารพกฎพร้อมทั้งทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่เสมอ พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทผู้ขนส่งและพิทักษ์นักแสวงบุญบนเส้นทางสู่เขาคิชฌกูฏให้ปลอดภัย

นี่คือกลุ่มคนจำนวนหลักร้อย ผู้ทำหน้าที่ส่งผ่านคนจำนวนหลักล้านซึ่งเดินทางมาด้วยความศรัทธาให้ถึงจุดหมาย

เมื่อมนุษย์ไม่หยุดสร้างสรรค์ อาชีพใหม่ๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

Category:

Passion in this story