อาทิตย์ ฤทธีราวี HempThai “กัญชง” ธุรกิจที่คิดเพื่อชุมชน | Passion Talk EP044
กัญชา และกัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจ 2 ชนิดที่ถูกพูดมากที่สุดในเวลานี้ ด้วยสรรพคุณหลากหลาย ทำให้ทุกธุรกิจให้ความสนใจ รวมถึง Hempthai หรือในธุรกิจที่พัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกัญชงและผ้าผืน เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
passion gen ตอนนี้ได้สัมภาษณ์ อาทิตย์ ฤทธีราวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด HempThai ถึงโอกาสธุรกิจความฝันและแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจนี้ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ได้รับทราบว่า การสร้างธุรกิจไม่ยาก แต่จะสร้างให้ดีให้ดีคุณค่ากับสังคม ก็ไม่ง่าย
อาทิตย์ ฤทธิราวี เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ Hemp Thai หรือ บริษัท ดีดีเนเจอร์คราฟท์ จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชง โดยจะแปรรูปสินค้าเกี่ยวกับกัญชงทุกชนิดครับ โดยหลักแล้วเราจะเริ่มต้นจากการแปรรูปเส้นด้าย เส้นใย และผ้าผืน เพื่อมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ปัจจุบันตลาดหลักของบริษัทอยู่ที่ต่างประเทศเป็นหลัก โดยส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นประมาณ 70-80% ส่งออกไปยุโรปและอเมริกาประมาณ 10-15% ส่วนที่เหลือจำหน่ายในประเทศ
ปัจจุบันกัญชงผิดกฎหมายหรือเปล่า ทำไมจึงเลือกทำผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกัญชง
จริงๆแล้วต้องบอกก่อนว่า ผ้ากับเส้นเส้นด้ายเนี่ย มันไม่ได้ผิดกฎหมายมานานแล้ว ตั้งแต่อดีตกัญชง จะอยู่ในพืชเสพติดประเภท 5 แต่ก็ได้มีการนำออกจากบัญชีรายชื่อแล้ว ปัจจุบันสามารถซื้อขายได้ ใบ แกน เส้นใยไม่ผิดกฎหมาย แล้วก็ส่วนที่เราทำกัญชงเนี่ยเพราะว่า เราอยากจะสนับสนุนสินค้าไทย กับชาวม้ง อย่างในอดีตนี้ก็จะมี ผ้าไหมไทยที่ดังไปในระดับโลกแล้ว กัญชงก็เป็นพืชที่คุณสมบัติดีมาก และเราผลิต ในภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทำไมเราไม่สนับสนุน Hempthai จึงได้ริเริ่มทำตรงนั้นมาเรื่อย
คุณสมบัติของกัญชงเป็นอย่างไร
เส้นใยกัญชงสามารถป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันเชื้อรา ป้องกันแสงยูวีได้ 95% และยังมีคุณสมบัติสะท้อนน้ำได้ ระบายอากาศได้ดี เส้นใยกัญชงจะแข็งแรงกว่าใยฝ้ายประมาณ 8 เท่า สามารถทำเป็นเชือกดึงเรือ ผูกเรือ จูงเรือ เป็นเส้นใยที่ยิ่งโดนน้ำยิ่งแข็งแรง คือ คุณสมบัติยอดเยี่ยมเหล่านี้ ไม่ค่อยจะมีใครเอามาประยุกต์ใช้เท่าไหร่ เราจึงริเริ่มมาทำเป็นผลิตภัณฑ์
เป็นมาอย่างไรถึงเข้าสู่ธุรกิจ
ด้วยคุณสมบัติที่ดีในตัวเอง เลยนำมาพัฒนาต่อยอดทำเป็นกระเป๋า และเสื้อผ้า กระเป๋าเนี่ยจะแข็งแรงมาก เราจะไม่สามารถใช้มีดกรีดให้ขาดได้ ถ้าเกิดเราทำเป็นผ้า ตัดเป็นเสื้อผ้าจะป้องกันแบคทีเรีย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง และอาหารผิวแพ้ง่ายหรือสะเก็ดเงิน อาการเหล่านี้จะทุเลาลง
เป็นมาอย่างไรถึงเข้าสู่ธุรกิจได้
ตอนแรกเราได้รู้จักกับชาวม้ง จากคุณน้าที่มีความถนัดในด้านผ้า และชอบทำงานใกล้ชิดกันชุมชน และมีโอกาสได้สัมผัสกับชาวม้งจึงได้คลุกคลีกับเส้นใยกัญชงมานาน จึงรู้ว่าเป็นเส้นใยที่คุณสมบัติดีมาก
ตอนนั้นก็เลยลองเอาเส้นใยมาทำผ้าผืนดู ลองเอาทำเส้นด้ายดูว่า มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง จากนั้นจึงเริ่มทำการวิจัยและพัฒนาต่อยอดมาเรื่อย จนกระทั่งลงไปทำงานกับชาวบ้านอย่างจริงจัง จนกลายมาเป็นบริษัท Hempthai ในปี 2008
ผลิตภัณฑ์ของเราน่าสนใจอย่างไร
ผลิตภัณฑ์ของเราจะมีกลิ่นอายของชาวบ้านอยู่ มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของเฮมป์ เป็นออแกนิค 100% ไม่ใช้สารเคมี ซึ่งคุณสมบัติของกัญชงจะอยู่ครบ เป็นที่ชื่นชมของผู้บริโภคในต่างประเทศทั้งญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา
นอกจากนี้เราร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI) เพื่อต่อยอดนวัตกรรมเข้าไปในผ้าผืนกัญชง เช่น การปล่อยกลิ่นออกมาได้ของตัวเม็ดนาโนแคปซูล ซึ่งจะทำให้ผ้าตัวนั้นเวลาขยับจะส่งกลิ่นหอมออกมา เช่น กลิ่นกุหลาบ กลิ่นชาเขียว มีการใส่สารธรรมชาติเป็นสารสะท้อนน้ำ เพื่อให้เส้นใยกันน้ำเหมาะในการทำกระเป๋าใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กันน้ำ กันฝน
มองธุรกิจในปัจจุบันอย่างไร และการเติบโต
จริงๆธุรกิจนี้ของเรา ไม่ได้เน้นมุ่งเน้นกำไรเป็นหลักมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมีเป้าหมายในการสนับสนุนสินค้าของชุมชนให้ออกไปสู่ตลาดโลก เราเองก็อยากจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อต่อยอดเป็นสินค้าต่างๆ ในรูปแบบของวัตถุดิบ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีอาชีพ ส่วนเราเองเมื่อขายผลิตภัณฑ์ มีผลกำไรก็จะนำกำไรที่ได้บางส่วนกลับไปพัฒนาชุมชน เช่น การให้ความรู้ หรือการใส่เทคโนโลยี หรือว่าเครื่องจักรใหม่ๆ ให้ชุมชนได้ใช่งานเพิ่มขึ้น
สำหรับตลาดในอนาคต ผมเชื่อว่าด้วยการปรับแก้กฎหมาย จะทำให้โอกาสธุรกิจเปิดกว้างมาก ผลิตภัณฑ์กัญชงก็น่าจะมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น การเติบโตของธุรกิจน่าจะเติบโตเป็นทวีคูณ ซึ่งในปีนี้เองจะมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ผมมองว่าธุรกิจนี้ในอนาคตจะโตแบบก้าวกระโดด
เป้าหมายของ HempThai คืออะไร
เราสร้างขึ้นมาเพื่อการสนับสนุนชาวบ้านอยู่แล้ว อันนี้คือจุดประสงค์หลักมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เราสนับสนุนชาวบ้าน แล้วก็พัฒนาผลงานของชาวบ้านให้ดีขึ้น สามารถส่งขายในตลาดโลก นอกจากนี้เรายังต่อยอดนวัตกรรมให้ดีขึ้น เช่นการทำ Zero Waste โดยการนำของที่เหลือใช้ เหลือทิ้ง มาใช้งานต่อได้ เช่นที่ผ่านมาเรามีการนำเส้นใยมาผลิตเป็น Hemp-Crete หรือ อิฐบล็อกสำหรับงานก่อสร้าง นำเศษมาทำไม้อัดจาต้นกัญชง หรือนำเศษวัสดุที่เหลือมาผสมกับยาง เพื่อทำ Hemp-Rubber ซึ่งตรงนี้เป็นการต่อยอดที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เราก็สอนสิ่งเหล่านี้ให้ชาวบ้าน ว่าสามารถทำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้นะ
หรือการนำเส้นใยกัญชงมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ลูกค้าในต่างประเทศติดต่อเข้ามา สนใจเส้นใยกัญชง เนื่องจากคุณสมบัติของเส้นใยที่เปลือกแข็งแรงมาก เมื่อถูกน้ำจะเหนียวมาก จึงเหมาะสมในการทำเซิร์ฟบอร์ เพราะเซิร์ฟบอร์ดต้องการความแข็งแรง แต่ต้องมีความยืดหยุ่นในตัวไม่แตกหักง่าย ซึ่งกัญชงสามารถเป็นส่วนแกนกลาของเซิร์ฟบอร์ดได้ อันนี้อยู่ในขั้นตอนของการวิจัยพัฒนาร่วมกัน
รางวัลที่เราได้รับมีอะไรบ้าง
รางวัลที่ได้รับตอนนี้ก็มีของ NIA ก็เป็นรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม ของ TCDC ก็จะเป็น วัสดุยอดเยี่ยม ได้รางวัลของของ BEDO เป็นใบรับรองว่า ธุรกิจนี้สร้างให้วิสาหกิจชุมชนเพื่ออะไร และอีกหลายๆ รางวัล ที่ได้รับต่อเนื่องมาหลายปีติดต่อกัน
ความฝันและความคาดหวังของ HempThai
ความฝันแรกสุดเลยในการเริ่มทำเฮมป์ไทย คือ อยากเห็นชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ ที่ผ่านมาชาวบ้านถูกจำกัดด้วยคำว่า ผิดกฎมายเป็นสิ่งเสพติด ถ้าทำให้เขาถูกกฎหมาย ส่งออกสินค้าไปสู่ลูกค้าได้ อันนั้นคือฝันแรก ฝันที่สองคือ อยากพัฒนาผลิตภัณฑ์จากใยกัญชงเป็นสินค้าใหม่ๆ ที่ลูกค้าให้การยอมรับ ผมจะมีความสุขถมากถ้าวันหนึ่ง มีผลิตภัณฑ์กัญชงที่ผู้คนชื่นชอบ และบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ Hempthai เป็นผู้พัฒนา และสินค้านั้นก้าวสู่อุตสาหกรรม และเจาะตลาดโลกได้
เด็กรุ่นใหม่ เริ่มต้นจากการค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอก่อน ถ้าเกิดว่าเจอสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วลองทำดู ถามตัวเองว่ามีความสุขไหม ยากไปหรือไม่ ส่วนตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรง่ายๆ เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่ง่ายจะแแลกมาด้วยคู่แข่งที่เยอะ ดังนั้นผมถึงเลือกทางที่ยากตลอด ทำให้เราต้องเรียนรู้ ศึกษาเพิ่มเติมตลอด แต่ถ้าเราทำได้คู่แข่งเราจะน้อยแน่นอน จำไว้ว่าอย่าหยุดที่จะศึกษา อย่าหยุดที่จะถามผู้รู้ อย่าหยุดที่จะออกไปเจอผู้คน ลองคุยกับคนในแวดวงต่างๆ ว่า เขามีความรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เราทำ ผลิตภัณฑ์ของเรา ถ้าเราทำให้ถูกใจคนอื่นได้สินค้าเราก็น่าจะไปได้ไกลกว่าจุดที่เรายืน
Recent Posts
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…
บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…
ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…
ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…
This website uses cookies.