พิชญา ตันโสด มุมมองการคิดนอกกรอบ ที่จะผลัดดัน RICHY ไปอีกก้าวใหญ่ | Passion Talk EP041 พิชญา ตันโสด ประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ RICHY ผู้บริหารหญิงรุ่นใหม่ ดีกรี UCL ด้านอสังหา กับมุมมองธุรกิจและการลงทุนที่ครบเครื่อง…
2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่นักธุรกิจเลือดใหม่ ทายาทเจ้าของกิจการเกิดขึ้นมากมายในหลายวงการ ผู้บริหารในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นสายเลือดใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสร้างธุรกิจในสไตล์ของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ‘พิชญา ตันโสด’ หรือ ‘หวาน’ เป็นชื่อของเธอ
พิชญาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่เข้ามาร่วมช่วง RICHY บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รู้จักกันดีในวงการ ภายใต้จุดแข็งจุดเด่นในเรื่อง โลเคชัน และการบริหารจัดการ
พิชญา ตันโสด (หวาน) หวานเรียนจบคณะวิศวะโยธา จากประเทศอังกฤษ เรียนด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 จากนั้นเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน (UCL) ที่ประเทศอังกฤษ ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้หวานค่อนข้างเชี่ยวชาญทางด้านงานก่อสร้างและงานอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ
เราชอบทางด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อนไหม ค่อนข้างชอบค่ะ เพราะได้เห็น ได้คลุกคลีกับคุณแม่ตั้งแต่เด็ก เสาร์อาทิตย์ก็จะไปดูที่กันเป็นกิจกรรมของครอบครัว พอโตขึ้นก็ได้มาฝึกงานที่บริษัท ได้เรียนรู้ ติดตามไปด้วยกันกับคุณแม่ พอถึงช่วงที่เราต้องเลือกเรียนหวานคิดว่าอยากช่วยคุณแม่ ‘วิศวะโยธา’ น่าจะเป็นสาขาที่ตรงจึงเลือกที่จะทำเต็มที่ไปทางนี้ พอเรียนจบมารู้สึกมีความสุขกับการตัดสินใจครั้งนั้น
RICHY เป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโด แต่ว่าส่วนใหญ่แจะเน้นทางด้านคอนโดฯ เป็นส่วนใหญ่ ลูกค้าจะเห็นโครงการของเราอยู่แนวรถไฟฟ้าต่างๆในกรุงเทพฯ ในแบรนด์ Rich Park, The Rich และ Le Rich ต่างๆ หรือแม้แต่ The Rich Bizhome เราเริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทในวันแรกที่คุณแม่มาเริ่มธุรกิจ ณ วันนี้เรามีทุนจดทะเบียนถึงประมาณ 1,500 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตประมาณ 30 เท่า ในไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ถึง 400 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตถึงประมาณ 200% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2563
ส่วนในด้านของกำไร เราสามารถที่จะเติบโตคิดว่าปิดปีนี้เราสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อีกประมาณ 1 เท่าจากปีก่อน ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ covid และสถานการณ์มันจะไม่ค่อยอำนวย แต่ด้วยการบริหารและการควบคุมต้นทุนทั้งหมด ทำให้เรามีเพอฟอร์มแมนซ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
แนวคิดในการทำธุรกิจของ RICHY
เราเริ่มพัฒนาจากที่อยู่อาศัยมาก่อน มีทั้งบ้าน บ้านแฝด ทาวน์โฮม คอนโด หลังจากที่หวานเข้ามาทำงานที่ RICHY หวานได้เริ่มก้าวไปสู่จุดใหม่ๆ เช่น Retail ปัจจุบัน RICHY มีรีเทลด้วยกัน 3 แห่ง เป็นเหมือน Community Mall เล็กๆ ใต้ตึกคอนโดฯ เป็น Mixed Use แล้วก็ยังมีโรงแรมที่สุขุมวิทอีกหนึ่งแห่ง อันนี้เป็นสิ่งใหม่ๆ แนวทางใหม่ๆ ที่เราก้าวมาสู่สิ่งที่เราไม่เคยทำ แต่ว่าเป็นการตัดสินใจถูก เพราะได้เรียนรู้อะไรเยอะ แล้วมันก็สามารถจะเป็น Jumping Board ต่อยอดให้เราไปทำอย่างอื่นได้อีกเหมือนกัน
ทำไมถึงขยับขยายจากที่อยู่อาศัยมาเป็น Mixed Use ทั้งหวานและคุณแม่ตั้งใจว่า จะไม่ตีกรอบตัวเอง เป็นแค่คนที่ทำที่อยู่อาศัยเท่านั้น อสังหายังมีอะไรให้เราค้นคว้าอีกเยอะ เช่น ธุรกิจอสังหาประเภท Warehouse อันนี้ก็น่าสนใจ เพราะ eCommerce กำลังมา ด้านโรงพยาบาล Wellness Center ก็น่าสนใจ หรือต่างๆ รีทรีท รีสอร์ท ตอนนี้ก็มีเกิดขึ้นแล้วหลายที่ เช่น “รักษ” ที่เป็น Medivcal Wellness หรือ เวลเนสต่างๆที่ภูเก็ต เป็นธุรกิจที่เติบโตอยู่นานแล้ว และเห็นการขยายตัวต่อเนื่องเหมือนกัน เราจึงไม่ควรตีกรอบตัวเอง แต่ควรจะลองคิดกว้างๆ ดู แล้วเราก็ลองดูโอกาสในแต่ละทำเลว่าอะไรที่มันทำได้ แล้วก็ซูมอินเข้าไป อันนี้เป็นแนวคิดที่เราคิดเอาไว้
จุดแข็งของแบรนด์ RICHY คืออะไร จุดแข็งของเราคือเรื่อง Research และ Location ก่อนที่เราจะทำอะไร จะเริ่มด้วยการ Research ก่อนว่า ความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตรงไหน กับสินค้าในโลเคชั่นต่างๆที่เราสนใจ เช่น ปัจจุบันนี้หวานสนใจในด้าน EEC และก็กำลังศึกษาว่า ยังมีโอกาสทางธุรกิจอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท หรืออื่นๆที่เราอยากจะทำตอนนี้ หรือ Warehouse โกดัง ก็ยังดูอยู่หลายๆด้าน ใช้วิธีดูโลเคชั่น แล้วก็ซูมอินในเรื่องของ Data เพื่อที่จะเข้าถึงความต้องการว่าจริงๆ จุดนั้นมีอะไรที่ยังขาดอยู่
ใน 1-2 ปีข้างหน้าเราจะเห็น RICHY ในมุมมองที่แตกต่างออกไป ใช่ค่ะ ริชชี่ต้องการจะเป็นผู้พัฒนาอสังหาอย่างครบครัน ครบวงจร เราไม่ได้ตีกรอบว่า จะต้องทำบ้าน ทำคอนโดเท่านั้น จริงๆ ทำที่อยู่อาศัยสภาพคล่องดีมากนะ เพราะเป็นการขายขาด แต่ก็ไม่ใช่ End Result ของเราที่ว่าจะต้องทำแค่เพียงแค่เท่านี้ อันนี้ก็เป็นทางที่เราทำอยู่ปัจจุบัน แล้วก็คิดว่าต่อเนื่องในอนาคต ก็ยังคงพัฒนาต่อเนื่องด้วย
ลูกค้าประทับใจ RICHY ที่ตรงไหน ลูกค้าชอบในเรื่องของโลเคชั่นเป็นอันดับแรก เดินทางสะดวกสบายทุกโครงการ อันนี้เราการันตีได้ โลเคชั่นเป็นสิ่งที่ลูกค้าประทับใจแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบ้านที่เราอยู่ มีองค์ประกอบมากกว่านั้น เช่น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น มลภาวะน้อยลง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราสนใจว่า ในอนาคตเราจะสามารถเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาผสมผสานให้บ้านที่โลเคชั่นดีอยู่แล้ว แต่มีคุณภาพอากาศคุณภาพต่างๆที่ดีขึ้นไปอีก เป็นความท้าทายของเราที่จะต้องทำในอนาคต
ปัจจุบันเรามีโครงการอะไรบ้างที่กำลังจะเปิดตัว โครงการปัจจุบันที่มีขายอยู่เป็นโครงการ Rich Park Rama 9 – Srinakarin โครงการนี้เป็นโครงการติด BTS 3 สาย อยู่ระหว่างถนนศรีนครินทร์ตัดกับพระราม 9 ถ้ามุ่งหน้าจากพระราม 9 ไปที่สุวรรณภูมิจะเห็นตึกนี้เป็นตึกที่เด่นตระหง่านอยู่ ตั้งแต่ทางด่วนระหว่างขับไปเลยก็จะมีโครงการนี้ที่กำลังออนเซลล์ ยังจะมีโครงการ The Rich Nana ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิทซอย 3 เป็นโครงการมิกซ์ยูส ข้างล่างของตึกนี้จะมีรีเทล 3 ชั้นอยู่ข้างล่าง มีฮาเกน-ดาซส์ มี Coffee Shop ต่างๆ เข้ามาอยู่ในนี้ ด้านบนจะเป็นโซนที่พักอาศัย Residence บริหารโดยเชนโรงแรมที่จะมาบริหารการเช่าให้
โครงการ Rich Park Terminal @Laksi โครงการนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยพหลโยธิน 59 เป็นโครงการมิกซ์ยูส มีมินิมาร์ทข้างล่างเต็มฟลอร์ มีร้านกาแฟขายของเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ ครบครัน ข้างบนมีร้านทำฟัน มีร้านทำหน้า ขึ้นไปก็เป็นตึกคอนโดพักอาศัยที่ติด bts เลย อันนี้ก็จะเป็นโครงการที่ยังออนเซลล์ แล้วก็ยังมีโครงการอีกหลายโครงการซึ่งถ้ามีความสนใจสามารถติดต่อเข้ามาที่ทางบริษัทได้
แผนงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โครงการในอนาคต ยังมีการเปิดตัวโครงการบ้านเป็นทาวน์โฮม โซนเพิ่มสิน และโซนสวนหลวง เป็นโครงการที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต โครงการคอนโดฯ ถ้าสถานการณ์ covid ดีขึ้น จะมีการเปิดโครงการที่พระราม 9 เป็นคอนโดฯ สูงจำนวน 500 ห้อง ใกล้ๆกับเซ็นทรัลพระราม 9 นี่ก็จะเป็นโครงการที่คิดว่าจะได้เห็นในปีนี้
ปัจจุบันเรายังมีอีกหลายโครงการที่รอเปิดตัว แต่รอให้สถานการณ์ชาวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาในประเทศได้ก็น่าจะเปิดตัวได้ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ ยังกลับมาน้อยอยู่ แต่คาดว่าหลังเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โซนสุขุมวิท นานา น่าจะจะกลับมาบางส่วนจาก เทศกาลเราะมะฎอน และความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียที่ดีขึ้น
มุมมองเรื่องการลงทุน มีมุมมองอย่างไร ส่วนตัวก็มีลงทุนอยู่ในหลายประเภท เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ จริงๆ คือ การกระจายความเสี่ยง ในมุมของหวานยังเชื่อเรื่อง “ใส่ไข่ในตะกร้าหลายๆ ใบ” อสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าอยู่ มีการลงทุนในคริปโทเคอเรนซี่ด้วย และตอนนี้ก็กำลังศึกษาเรื่องใหม่ๆ เช่น NFT และการซื้อที่ดินทางด้านคริปโทเคอเรน ซี่ อันนี้ก็กำลังศึกษาเป็นก้าวต่อไป ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าจะลองดูสักตั้งหนึ่งเหมือนกัน
โอกาสยังมีในสินทรัพย์ใหม่ๆอยู่เสมอ เราควรจะเข้าไปลองเล่นกับมันดู อย่าปล่อยโอกาส จริงๆหลายคนก็กำไรจากคริปโทเคอเรนซี่ แต่แน่นอนราคาคริปโทฯ มันมีขึ้นมีลง แต่ว่าถ้าไม่เคยสัมผัสมันเลยเนี่ยมันจะไปต่อไม่ได้เลย เหมือนเราหยุดตัวเองอยู่กับความไม่รู้ … ส่วนตัวก็เลยมาว่าลงแหละแต่ไม่ต้องเยอะ ลงให้รู้แล้วจะได้ไปต่อ หวานคิดว่าอย่าทิ้งโอกาสเลย
ในมุมของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างไร
คิดว่าเป็นโอกาสสำหรับคนที่มีเงินเย็น ตอนนี้คิดว่ายังมีอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่ลดราคา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงแรม หรือว่ากลุ่มคอนโดฯ หากได้ดีลดีๆ ราคาดีๆ ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่จะซื้อ จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็น อยู่ตอนนี้ ได้ดีลที่ดีแล้ว Wait and See สักพัก เอามา Renovate แล้วเอาไปขายต่อเมื่อโควิดเริ่มคลี่คลายลง อาจจะอีกสัก 1 ปีเป็นต้นไป ปัจจุบันเราจึงได้เห็นแลนลอร์ดหลายคน ใช้สถานการณ์ covid เป็นช่วงรีโนเวทตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ เพื่อรอเทคอัพอีกรอบหนึ่ง ส่วนตัวเลยมองว่า ถ้าเกิดได้ดีลที่ดีควรจะลองดู เพราะว่ามันเป็นช่วงที่ดีกับผู้ซื้อ
ในมุมมองการใช้เทคโนโลยีกับธุรกิจ เราทำมาประยุกต์ใช้อย่างไรบ้าง เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น ตอนนี้ถึงเราจะไม่สนใจมัน แต่มันจะมาดิสรัปเราแน่นอน ถึงเราอยู่เฉยๆ มันก็จะมาฆ่าธุรกิจเราได้ อาจจะทำให้เราพ่ายแพ้หรือชนะ เป็นจุดที่พลิกเกมในธุรกิจ ฉะนั้นเทคโนโลยีมีความสำคัญมากต่อธุรกิจ ยิ่งตอนนี้ธุรกิจวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก เอาเทคโนโลยีมาใช้แล้วเร่งตัวเองมากเหลือเกิน ทำให้เทคโนโลยียิ่งมีความจำเป็น เราเองเป็นผู้เล่นในตลาด เมื่อคู่แข่งใช้เทคโนโลยี ถ้าเราไม่ทำ ไม่สู้ คือเรายอมแพ้โดยปริยาย หวานมองว่า เทคโนโลยีจำเป็นมากๆ และผู้บริหารควรจะใส่ใจมากๆ โดยเฉพาะผู้บริหารรุ่นใหม่
สำหรับบริษัทฯ ตอนนี้เราใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนเพิ่มในผลิตภัณฑ์ของเรา สำหรับโครงการที่เป็นบ้านเรามีการใส่ Smart Home ในบ้านให้กับผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่คอนโทรลจากแอปได้ เซ็นเซอร์หน้าต่าง ประตู ถ้ามีใครเปิดก็สามารถดูได้จากมือถือเลยทันที เหล่านี้สามารถจะทำให้เราอยู่บ้านได้อย่างสบายใจมากขึ้น ช่วยพัฒนาให้เรามีความปลอดภัยมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่เราได้เริ่มใช้แล้ว
ส่วนในมุมของบริษัทฯ เราได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน ในด้านการหาข้อมูล Big Data ของเราปัจจุบันเราใช้ Google Application ต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น Google My Map ในการพลอตโลเคชัน เก็บดีมานด์ ใช้ Google ฟอร์มในการสำรวจลูกค้าทำเซอร์เวย์ หรือการใช้แอปในการเก้บข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดโลเคชัน ความต้องการของลูกค้า ราคาขายของที่ดินต่างๆ ตอนนี้ในระบบฐานข้อมูลของบริษัทเราจะมีราคาขายของที่ดินทั้งกรุงเทพฯ แล้วก็ในอีอีซีด้วย ข้อมูลที่เรามีนั้นเราเก็บมา 5 ปี แล้วใช้เทคโนโลยีในการประมวลผล
"วันหนึ่งเราคิดกับตัวเองว่า ถ้าเราจะทำธุรกิจได้แต่กำไร สุดท้ายเราไม่ได้มีความสุข เราอยากทำงานสร้างผลงานที่วันหนึ่งเทื่อเรามีอายุ มองย้อนกลับมาแล้วเราภาคภูมิใจในตัวเอง"
เล่าให้ฟังนิดหนึ่งเรื่องการใช้ Big data กับธุรกิจอสังหาฯ สำคัญอย่างไร สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ Data ถือว่าเป็น Key of Success ของธุรกิจ ข้อมูลที่ดีจะทำให้เรากำหนดได้ถูกว่าต้องไปลงทุนที่ไหน จึงจะมีโอกาสทำให้ยอดขายกลับมาได้เร็วที่สุด ฉะนั้นมันเป็น Win or Lost ของธุรกิจ ถ้าเราไปในจุดที่ตลาดอิ่มอิ่มตัวแล้ว แต่เราไม่รู้ ไม่เก็บข้อมูล บางจุด บางโลเคชัน เป็นเรดโซนเราก็ควรหลีกเลี่ยง
Data ทำให้เราได้รู้ว่าเราควรจะไปลงทุนที่ไหน เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนทำรอบกลับมาได้เร็วที่สุด ต้องเก็บข้อมูล เก็บความเร็วของการขาย Absorbtion Rate ผนวกกับการซื้อข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลต่างๆ ที่เราไปซื้อข้อมูลมาได้ เอาเหล่านี้มารวมกันแล้ววิเคราะห์ข้อมูล เพื่อใช้ในการลงทุนว่าควรหรือไม่ควรลงทุนในโครงการนี้ ราคาขายควรเป็นเท่าไหร่ แล้วความเร็วที่เราคาดหวังจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ บางพื้นที่ราคาที่ดินถูกมาก แต่ถ้าการขายไปได้ไม่เร็ว โครงการนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องแคชโฟลว ถ้าเรามีแคชโฟลวพอก็ลงทุนได้ ปัจจัยเหล่านี้สำคัญมาก แล้วบางทีเราเองก็มีการทำเซอร์เวย์ด้วยไม่ใช่แค่เชื่อแต่ข้อมูลที่เราเก็บได้ แต่เราก็มีการทำเซอร์เวย์ โฟกัสกรุ๊ปต่างๆ ในย่านนั้นด้วย ทั้งการขาย ความชอบ การออกแบบ ความชอบของคนในย่านนั้น
มีกรณีที่นำอินไซด์ไปใช้แล้วเห็นผลขัดเจนไหม
เราเคยทำ Focus Group กับคนรุ่นใหม่ในเรื่องห้องเพดานสูง ก่อนที่เราจะทำห้องเพดานสูงในโครงการ ตอนนั้นเราก็มีการ Research และ Focus Group ว่าคนรุ่นใหม่ชอบหรือไม่ชอบ ฟังก์ชันลงตัวกับการอยู่อาศัยไหม ผลตอบรับออกมาว่า ชอบ แล้วก็รู้สึกว่าเท่ห์รู้สึกว่าแตกต่างดี เป็นสัดส่วนดี เราเองก็เลยตัดสินใจที่จะทำสินค้าเหล่านี้ขึ้นมาในโครงการพระราม 9 –ศรีนครินทร์ ซึ่งทำให้ห้องเพดานสูงขายหมดอย่างรวดเร็ว ถือว่าตัดสินใจถูกที่เราได้ทำ Focus Group วันนั้น
เรื่อง “ความยั่งยืน” คุณพิชญามองอย่างไร ชอบมาก สำหรับหวานความยั่งยืนมีหลายด้าน ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านชุมชน ส่วนตัวมองว่าการทำธุรกิจจริงๆ ต้องมีกำไรเป็นพื้นฐานเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ แต่แพชชั่นส่วนตัวไม่ได้มองแค่ว่าจะต้องทำธุรกิจเพื่อกำไรแล้วก็เป็นอย่างนี้ตลอดไปจนอายุมากขึ้น ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น ช่วยเหลือเพื่อนๆ
วันหนึ่งเราคิดกับตัวเองว่า ถ้าเราจะทำธุรกิจได้แต่กำไร สุดท้ายเราไม่ได้มีความสุข เราอยากทำงานสร้างผลงานที่วันหนึ่งเทื่อเรามีอายุ มองย้อนกลับมาแล้วเราภาคภูมิใจในตัวเอง ดีนะได้ช่วยคนะ สิ่งที่เราทำเนี่ยมันสามารถที่จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เราเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้ออกมาดีก็ได้ ให้ออกมาไม่ดีก็ได้อยู่ในมือเราทั้งหมด ถ้าสิ่งที่เราสร้างเป็นประโยชน์กับชุมชน สังคม ทำให้คนที่อยู่บ้านของเรามีอยู่มีกิน ทำได้ชีวิตเขาดีขึ้นอันนี้มันก็น่าภาคภูมิใจ แล้วมันก็คงอิ่มอกอิ่มใจตอนที่เราอายุเยอะหรือแก่ไป
ภายใต้แนวคิดนี้ เราจึงเซ็ทคอนเซ็ปต์ของ Retail ของเราเป็น community empowerment ซึ่งหมายถึง การที่เราจะช่วยสนับสนุนชุมชนที่เราอยู่ ให้เป็นประโยชน์ที่สุดกับคนข้างๆบ้านเราหรือลูกบ้านเรา ให้มากที่สุด ลูกค้าเราสามารถจัดงานประชาสัมพันธ์ ประกวดผลงานหรือสอนงาน สอนความรู้ สร้างอาชีพ หรือว่าถ้าจะต้องมีเรื่องสาธารณสุข อะไรพวกนี้ก็สามารถจะใช้พื้นที่รีเทลของคอนโดได้
สำหรับหวานเอง “กินรวบมันก็ไม่ค่อยยั่งยืน มันต้องกินแบ่ง” สำหรับบ้านเราก็ต้องกินแบ่งๆ กัน ก็คือช่วยกันคนละไม้คนละมือ อยู่ด้วยกันอย่างนี้ยั่งยืนกว่า
ด้านสิ่งแวดล้อมก็ต้องดูแล ตอนนี้เรากำลังศึกษาอยู่ เพราะการที่เราจะลดเรื่องคาร์บอนการปล่อยก๊าซคาร์บอนเหล่านี้ในการก่อสร้างเป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว แต่ว่ากำลัง In Process อยู่ แต่สิ่งที่เราต้องทำแน่ๆ เลย คือ วันนี้พื้นที่ที่เรามีอยู่ เราสามารถจะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์กับชุมชนได้ซึ่งตอนนี้เรามีอยู่แล้ว 3 แห่งและกำลังเริ่มทำแล้วเหมือนกัน แต่ว่าก็ดำเนินการไปเพื่อให้ชุมชนและแข็งแรงแท็กทีมอยู่ด้วยกัน สำหรับคนรุ่นใหม่เนี่ย ฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่าอยากจะให้กำหนดมาตรฐานสูงเข้าไว้ เราจะได้มีกำลังใจในการทำ เวลาที่เราท้อแท้ ให้นึกถึงคนที่ประสบความสำเร็จว่า เบื้องหลังเขาก็คงมีอุปสรรคมากมายเช่นกัน นั่นจะทำให้เรามีกำลังใจทำต่อ ความสำเร็จไม่ได้การันตีว่าจะมาไหม แต่ที่การันตีแน่ๆ คือ อุปสรรค อุปสรรคมาแน่นอน ฉะนั้นใจเราต้องเป็นเพชรต้องสู้อุปสรรค อดทนกับความกดดันทั้งหมดให้ได้ แล้วเมื่อนั้นแหละโอกาสที่จะได้กำความสำเร็จมันจะมามากขึ้นแน่นอน
อีกเรื่องหนึ่ง ไม่อยากให้คนรุ่นใหม่คิดเฉพาะเรื่องผลกำไรเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าใครจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ทุกคนสามารถสร้าง Impact ได้ไม่มากก็น้อยจะสร้างบวกสร้างลบก็แล้วแต่จะเลือก ถ้าเราทุกคนร่วมกันทำในสิ่งที่ดี จะทำให้สังคมเราดีขึ้น อยากให้คนรุ่นใหม่อย่าลืมคิดถึงเรื่องมิติอื่นๆ ที่นอกเหนือจากผลกำไรว่า เราสามารถทำอะไรได้อีก แล้วเราเองจะภูมิใจกับมันในอนาคตเมื่อเรามองย้อนกลับมา
Recent Posts สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…
บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…
ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…
ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…
This website uses cookies.
Accept