ดิจิทัลกำลังมีบทบาทในการขับเคลื่อนโลกให้หมุนไปด้วยความีรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน นวัตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วง 5-10 ปีนี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตของคนอย่างมาก ทั้งอินเทอร์เน็ต ออนไลน์เซอร์วิส คริปโทเคอเรนซี่ และทั้งหมดกำลังก้าวสู่ยุคของ Web3.0 และ Metaverse ที่ยากจะจินตนาการถึง

 

วันนี้ Passion Talk จึงตามไปสัมภาษณ์ผู้บริหารองค์กร ที่ได้ชื่อว่าเป็นกระบี่มือหนึ่งในวงการดิจิทัลแอสเซ็ท พอล – ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director, KASIKORN X เพื่อให้มุมมองว่าโลกดิจิทัลจะก้าวไปอย่างไร สินทรัพย์ดิจิทัลจะรุ่งใหม่ และคนไทยควรจะต้องปรับตัวอย่างไร

 

สวัสดีครับ ผมพอล – ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ ครับ เป็นผู้บริหารดูแลบริษัทที่ชื่อว่า KASOKORN X หรือว่าเรียกสั้น ๆ ว่า KX  ตอนนี้ KX เราทำธุรกิจใน 2 ส่วน คือ Venture Building และ Venture Investment ครับ Venture Building คือเราสร้างธุรกิจที่เป็นธุรกิจยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด Decentralized World ในโลกของ Digital Asset ทำอย่างไรเราถึงจะสามารถสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่มีการเจริญเติบโตสูงให้กับธนาคาร  ส่วนที่สอง และ Venture Investment จะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ คือ Endless Capital ซึ่ง Endless Capital จะเป็นกองทุนสำหรับลงทุนในธุรกิจ Startup ที่เริ่ม Seed ครับโดยเราจะเข้าไปลงทุนผลักดัน และสนับสนุนให้เขาก้าวสู่ Pre-Series A ครับ โดยเรามอง Startup ในวงการ DeFi, Blockchain, Web3.0 และ Metaverse ครั

อยากให้เล่าถึงภาพรวมว่า โลกของDigital และ Digital Asset กำลังเดินไปอย่างไรครับ

มุมมองของพวกเราเองเนี่ยจะมีความแตกต่างกับคนอื่นพอสมควร เรามองว่าโลกของ DeFi (Decentralized Finance) จริงแล้วเราจะเรียกว่า Decentralized World เสียมากกว่า เพราะว่า มันประกอบด้วยบริการทางการเงิน และบริการที่ไม่ใช่ทางการเงิน นี่คือสาเหตุที่ทำไม KX ถึงบอกว่าตัวเอง คือ DeFi and Beyond นะครับ สาเหตุเป็นเพราะว่าถ้าเรามองในเทคโนโลยีปัจจุบัน สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้ วันหนึ่งเราสามารถสร้างทรัพย์สินจริงๆ ในโลกดิจิทัลได้ ที่นี้เวลาเราสร้างทรัพย์สินจริงๆมันเกิดอะไรขึ้น แปลว่าอยู่ๆ เราก็สร้าง บ้าน สร้างรถ สร้างอุปกรณ์ สร้างเครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาได้  เราสามารถสร้างสิ่งเหล่านั้นบนโลกดิจิทัลให้เกิดขึ้นเหมือนเกิดขึ้นบนโลกจริง ดังนั้นจะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ขึ้นเกิดการค้าขายขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และสำคัญอย่างมากครับ

 

ส่วนบริการทางการเงิน หรือ Financial Services จะเข้ามาเป็นตัวส่งเสริมและสนับสนุนว่า ทำอย่างไรถึงจะทำให้คนที่เขากำลังทำธุรกิจ หรือใช้ชีวิตอยู่ในโลกดิจิทัล สามารถมีบริการทางการเงินเพื่อรองรับความต้องการเขาได้ Empower เขาได้ ทำอย่างไรเราถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ อันนี้มันก็คือเหมือนกับโลกปกติ ที่อุตสาหกรรมการเงินมันเกิดทีหลังอุตสาหกรรมที่เป็นภาค ของการค้าขายหรือเป็นภาคของการผลิต

 

มุมมองของเราในโลกปัจจุบันเป็นอย่างไร ในโลกดิจิทัลท็เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันย้ายไปในโลกของดิจิทัล ดังนั้นก็คือเป็นการเปิดโอกาสที่มหาศาลมาก บริการอะไรที่เราจะสามารถสร้างได้บนโลกดิจิทัล ที่ไม่ใช่บริการทางการเงินหรือ เราเรียกว่า Beyond Finance เราก็สามารถทำได้ และอะไรที่เป็นบริการทางการเงินเราก็สามารถสร้างมาเพื่อสนับสนุนรอบรับความต้องการของลูกค้าได้ นี่ก็คือ KX DeFi and Beyond

การเดินทางจากโลกที่เป็นฟิสิคัลไปสู่โลกดิจิทัล จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง

สำหรับพวกเราในฐานะที่เราเป็นผู้ใช้ ชีวิตจะสะดวกง่ายดายขึ้นเรื่อยๆ แปลว่าอะไร แปลว่าปกติเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกจริงหรือโลกฟิสิคอลเต็มที่ใช่ไหม ในโลกฟิสิคัลก็มีบริการต่างๆ ที่เป็นดิจิทัลเช่น Digital Banking Digital service ก็คือ เราดิจิไทซ์ทุกอย่างเข้ามาใช้ในชีวิต มุมมองในฐานะผู้บริโภคจะเห็นว่า มีบริการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมดเลย จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำว่า เทคโนโลยีเบื้องหลังคืออะไร บล็อกเชนหรือเปล่าหรือไม่ใช่บล็อกเชน เพราะบริการต่างๆ เหล่านั้นเข้ามาเอื้อให้กับชีวิตของเราง่ายขึ้น ดีขึ้น อันนี้คือแนวโน้มครับ

 

ถ้าถามว่าโลกของ Decentralized Finance หรือว่า Non  Beyond Finance จะมากระทบอะไรเรา ปัจจุบันนี้เราทำธุรกิจหรือมีชีวิตอยู่ในโลกของฟิสิคัลเป็นหลัก แต่พอมีเรื่องของดิจิทัลเข้ามา เราอาจจะเข้าไปทำงานในโลกดิจิทัลมากขึ้น คนหนึ่งคนจะมีทางเลือกในการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น เราอาจจะต้องการทำงานทำธุรกิจในโลกของฟิสิคัลเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ทำมา หรือจะทำงานทำธุรกิจในโลกฟิสิคัลส่วนหนึ่งโลกดิจิทัลส่วนหนึ่ง หรือแม้แต่ทำงานทำธุรกิจในโลกดิจิทัลทั้งหมดเลยก็สามารถทำได้ สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากเท่าไร ก็จะมีอุตสาหกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น ทางเลือกของเราก็ยิ่งมีมากขึ้น วิธีการคือ ทำอย่างไรให้เราสามารถใช่ชีวิต หรือทำงานในโลกของดิจิทัลได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อไปคนเราจะมีชีวิตอยู่ในสองโลก คือ โลกฟิสิคัล กับโลกดิจิทัล

ใช่ครับ  แล้วเรื่องนี้จริงๆ แล้วมันเป็นความฝันที่เกิดขึ้นมาหลายหลายสิบปีแล้ว หรือคำว่า  Metaverse เองก็เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ว่าอยู่ในนวนิยายแล้วค่อยแปลงออกมาเป็นภาพยนตร์ มาเป็นเกม แล้วปัจจุบันเราสามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นชีวิตของคนยุคปัจจุบันก็กำลังก้าวเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ไปดิจิทัลแล้วโลกฟิสิคัลจะไม่สำคัญ เพราะโลกฟิสิคัลก็ยังสำคัญมากเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่เรามีทางเลือกที่เป็นดิจิทัลเพิ่มขึ้นมา

เมื่อโลกก้าวไปสู่ฟิสิคัลและดิจิทัล มุมมองของธุรกิจของ KX เอง เรามองอย่างไร

KX มองสองส่วน คนตอนนี้มีทางเลือกมากขึ้นดังนั้นสิ่งที่เรามุ่งหมายคือ เราพยายามเอาตัวเองเข้าไปในโลกที่คนไปอยู่มากขึ้น ซึ่งในอีกมุมหนึ่งขณะที่คนมีทางเลือกมากขึ้นแต่ก็ยังมี Pain Point อยู่นะ ในโลกของ Decentralized World หรือ Decentralized Finance เป็นเรื่องที่ยากมาก เข้าใจก็ยาก ใช้ก็ยาก แล้วก็ไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะเจ็บตัวหรือเปล่าซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าไปแล้วก็มักจะเจ็บตัว เรามองว่ามีคนแค่ไม่ถึง 1% ของคนทั้งหมดเท่านั้นที่ได้เบเนฟิต หรือเข้าใจจริงๆว่าโลกดิจิทัลนี้คืออะไร แล้วคนอีก 99% ที่เหลือเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมเขาถึงไม่ได้รับประโยชน์ นั่นคืองานวิจัยของเรา เราต้องตอบให้ได้ว่าทำอย่างไรถึงจะเอาคุณค่าของ Decentralized World มาใส่ในมือคน 99% นี้ให้ได้ อันนี้คือมุมมองของ KX

 

ยกตัวอย่างเช่น อย่าง Coral ตัว NFT Marketplace เป็นธุรกิจที่ไม่ใช่บริการทางการเงิน (Non Finance) อันนี้ก็คือ Beyond Finance เป้าหมายของ Coral ก็คือทำอย่างไรเราถึงจะสามารถที่จะเติมเต็มให้กับศิลปินจำนวนมหาศาลใน South East Asia ได้ รวมถึงคนที่อาจจะเป็นพนักงานประจำแบบเรา แต่มีความสามารถทำงานศิลป์ สร้างสรรค์งานศิลป์  เขาสามารถสร้างงานศิลป์และขายได้ สามารถเลี้ยงชีพได้ โดยที่ไม่ต้องออกจากบ้าน นี่คือเป้าประสงค์ของเราครับ

 

เราอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ หรือ แพลตฟอร์มอื่นๆ ว่าฉันจะเป็น marketplace แต่ว่าเรามีจุดประสงค์คือ ทำอย่างไรเราถึงจะเปิดประตูแห่งโอกาสให้กับคนจำนวนมหาศาลได้ แล้วถ้าเราทำแบบนั้นได้ เราจะช่วยคนได้เป็นจำนวนมาก แล้วถ้าเขาเองประสบความสำเร็จตรงนั้น เราเองก็จะประสบความสำเร็จไปด้วยครับ อันนี้คือแนวคิดของ KX ครับ ทำยังไงถึงจะ Solve Painpoint หรือ Empower คนจำนวนมหาศาลได้

ก้าวต่อไปที่จะได้เห็นจาก KX

ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าบริการที่เป็น Non-Financial Services ของ KX คืออะไร แล้วจากนี้จะมี Financial Services ที่กำลังจะออกตามมา ดังนั้นแล้วสิ่งที่ KX จะโฟกัสมีอยู่สองส่วน ได้แก่ ธุรกิจที่เป็น Financial และธุรกิจที่เป็น Non-Financial  เราคาดหวังได้จะเห็นบริการใหม่ๆ ทั้งสองด้านนี้มากขึ้น ภายใต้เป้าหมายเดิมคือ ทำอย่างไรเราถึงจะสามารถที่จะเอาพลังของ DeFi หรือ Decentralize World ไปใส่ในมือคนจำนวนมากได้ ส่วนจะเป็น Product หรือ Service อย่างไรต้องขออุบไว้ก่อน แต่บอกได้ว่าน่าจะมีทั้งที่เป็น Non-Financial และ Financial ในด้าน Non Financial เราได้เห็นไปบ้างแล้ว ต่อไปจึงน่าจะเป็น Financial ที่จะมีบริการที่ตอบโจทย์คนที่อยากที่จะเอาตัวเองเข้าไปในโลกดิจิทัลมากขึ้น พวกนี้มันคือบริการ มันคือสินค้าต่างๆ ที่เราทำขึ้นมา เพื่อเป็นฟันเฟืองเล็กๆ อันหนึ่งเพื่อทำให้ชีวิตของผู้ใช้ทุกคนดีขึ้นครับ

อยากให้เล่าถึง NFT ของ KX และ Digital Asset ดิจิทัลแอสเซ็ทว่าเรามีมุมมองอย่างไร

NFT (Non Fungible Token) ชื่อมั่นไม่เท่ห์แต่ว่ามันพาวเวอร์ฟูลมาก ให้เปรียบเทียบอย่างนี้ครับว่า ผมจะชอบเปรียบเทียบกับเรื่องของที่ดิน ในโลกปกติเราจะเห็นที่ดินใช่ไหมครับ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ดินผืนนี้ผืนนี้เป็นของใคร เราก็ต้องไปที่กรมที่ดิน ไปค้นข้อมูลหลังโฉนดเพื่อดูว่าสลักหลังไว้ว่าชื่อใคร NFT ก็เหมือนกัน ไฟล์ดิจิทัลของ NFT ก็เหมือนกับที่ดิน ทำอย่างไรเราถึงจะลงทะเบียนสินทรัพย์ในโลกของดิจิทัลได้ สำนักงานที่ดินในโลกดิจิทัลคือ บล๊อกเชน เวลาเราเอาไฟล์ไปลงทะเบียนแล้ว ก็จะได้เป็นหมายเลขคล้ายๆ หมายเลขโฉนด อันนี้จะเป็นหมายเลขของ NFT แล้วเราจะเก็บไฟล์ไว้อย่างไร เราเองก็จะประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าเก็บไฟล์นี้ในระบบที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้เหมือนกับที่ดินเลย เหมือนเราเดินไปหาที่ดินเนี่ยเราจะเห็นได้ใช่ไหมครับ แต่เรารู้นะว่าน่าจะไม่ใช่ของเราใช่ไหมครับ ก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน ดังนั้น NFT ถึงเป็นการที่เรียกว่าเป็นการสร้างทรัพย์สินจริงๆในโลกดิจิตอลเป็นครั้งแรกของโลก

ที่ผ่านมาเห็นคนไปซื้อที่ดินบนดิจิทัลกัน อันนี้เป็นการลงทุนแบบดิจิทัลที่ถูกไหม

เป็นส่วนหนึ่งของความฝันนั้นครับ เวลาเราพูดถึง Metaverse หรือแฟลตฟอร์มขายที่ดิน เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้มีการขายที่ดิน แต่ตอนนี้มีการขายที่ดิน ในโลกปกติเนี่ยเรามีที่ดินใช่ไหมที่เราสามารถสร้างตึกได้ เราสามารถทำอะไรกับที่ดินตรงนั้น เก็บค่าเช่าได้ หรือว่าเราจะตกแต่งตึก อาจจะมีธุรกิจอยู่ในตึกได้ มันเป็นความที่พยายามที่จะทำให้บรรลุแบบนั้น ดังนั้นก็คือมันก็เป็นอีก 1 Step ของโลก 3 มิติ ก่อนหน้านี้ที่เราจะบอกว่ามันคือ 3 มิติใช่ไหมครับ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเริ่มสามารถที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ สามารถเริ่มเทรดกันได้ครับ ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญนะครับในเรื่องของการที่ จะทำยังไงให้เราเข้าถึงความฝันนั้นในการที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของดิจิทัล

ประชาชนทั่วไปถ้าสนใจลงทุนดิจิทัลแอสเซ็ท ควรลงทุนไหม ต้องศึกษาอะไรบ้าง

ภาษาในวงการเรียกว่า Do Your Own Research (DYOR) ก่อนที่เราจะไปลงทุนอะไรก็ตาม เรื่องไหนก็ตามต้องรีเสิร์ซก่อน ต้องเข้าใจมันจริงๆ ก่อนแล้วถึงจะลงทุน แล้วต้องเข้าใจว่าโอกาส มันเป็นเหรียญมีสองด้านมีทั้งโอกาสมันมีทั้งความเสี่ยงนะครับ ถ้าเราไม่เข้าใจมันเนี่ยมันจะมีความเสี่ยงสูงมาก

 

คำแนะนำก็คือว่า ไม่ว่าเราจะลงทุนเหรียญหรือลงทุนอะไรก็ตาม ให้ทำ Research ให้มั่นใจว่า นี่คือสิ่งที่เราเชื่อมั่นในการที่จะไปลงทุนก่อนนี่คือคำแนะนำ มันแปลว่าอะไรครับ ก่อนที่เราจะเข้าไปลงในแต่ละทรัพย์สินแต่ละชนิด ต้องเข้าไปดู White Paperไปเรื่องของ Smart contract ดูว่าเขาผ่านการ Audit เป็นอย่างไร แล้วลองดูว่า Report ต่างๆออกมาเป็นอย่างไร ปัจจุบันนี้มีทั้งคนที่อ่าน White Paper แทนเราแล้วเอามาแชร์สรุปให้ฟัง เราเองก็ได้ไอเดียเบื้องต้นโดยไม่ต้องใช้เวลาเยอะมาก แล้วเราค่อยเจาะเข้าไปใน Protocal หรือว่า service ที่เราสนใจจริงแล้วเราค่อยไปลงทุนครับ

อยากให้ฝากถึงคนรุ่นใหม่

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้น ต้องบอกว่าชีวิตมันเป็นมาราธอนนะ ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจชีวิต อย่าเพิ่งรีบ Settle Down ในมุมว่า ฉันจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ให้ถามตัวเองให้ชัดว่า ตัวเองพยายามค้นหาอะไรอยู่ จริงๆชีวิตเนี่ยปกติเราจะมองว่ามันเหมือนกับเส้นตรง โดยเฉพาะตอนเราเพิ่งจบใหม่เราจะคิดว่าจะไปเป็นเส้นตรง ก็มักจะวางเป้าหมายวิ่งเข้าไปหาเลย แต่ว่าชีวิตจริงๆแล้วมันขะยึกขะยือ มันขึ้นๆลงๆ แล้วก็บางทีเราเดินไปแล้วก็จะมีหลงทาง

 

ประเด็นจึงอยู่ที่ทำอย่างไรเราถึงจะหลงทางน้อยลง หรือจำกัดควาเสี่ยงตรงนั้นได้  เราควรคิดว่า ชีวิตคือ U shape ให้เราทำให้มันช้าลง ค่อยๆคิด แต่ไม่ใช่คิดแล้วเก็บไว้ในหัว แต่ผมแนะนำให้เริ่มทำ สมมุติว่าเรารู้แล้วว่าจุดมุ่งหมายของชีวิตใน 3 ปีหรือ 5 ปีข้างหน้าคืออะไร มี Option อะไรบ้าง ให้ลองทำในแต่ละอย่างแล้วดูซิว่าเราชอบอะไร ถ้าเราลองแล้วเราจะรู้ แต่ถ้าเราไม่ลองทำเราจะไม่รู้เลยว่าอะไรใช่ไม่ใช่ ใช่มากหรือน้อย หรือไม่ใช่เลย เมื่อเราได้ลองทำแล้วสุดท้ายเราจะปรับให้เข้าสู่จุดมุ่งหมายที่เราต้องการได้ สำหรับคนรุ่นใหม่อย่าเพิ่งรีบสรุป ให้รีบลอง ให้ทำแล้วก็ให้ขยันแล้วก็ชนะตัวเอง อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น ชนะตัวเองแล้วเราเองเนี่ยจะมีความสุขด้วย แล้วเราเองก็จะบรรลุจุดมุ่งหมายด้วยในระยะทั้งสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

Passion in this story