Categories: PASSION TALK

พล.ท.พิเศษ ศิริเกษม แรงบันดาลใจสู่ทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง | Passion Talk EP035

ปัจจุบันแนวคิดในการป้องกันประเทศของทหารเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต จากการใช้กำลังเป็นการเตรียมกำลัง และการบูรณาการ ทุนในทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม และทุนทรัพย์

 

เป็นโอกาสอันดีที่ passion gen ได้เข้าพบและสัมภาษณ์ พล.ท.พิเศษ ศิริเกษม รองเสนาธิการทหารบก กองทัพบก ผู้ริเริ่มโครงการทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง และสานต่อจนประสบความสำเร็จอย่างสูง

พล.ท.พิเศษ ศิริเกษม รองเสนาธิการทหารบก

 

Passion gen งานความมั่นคงในมิติใหม่เป็นอย่างไร

พล.ท.พิเศษ          มิติด้านความมั่นคง ถ้าอธิบายทั่วไปคือ ทหารมีภารกิจในการป้องกันประเทศ แต่ในการป้องกันประเทศ ก่อนที่จะป้องกันประเทศต้องมีการเตรียมการ เรียกว่า การเตรียมกำลัง งานหลักของทหารคือ มีการเตรียมกำลัง กับการใช้กำลัง การป้องกันประเทศคือการใช้กำลัง การเตรียมกำลัง เหมือนเรื่องทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง ที่มาจากแนวคิดว่า พวกเรา ประชาชนชาวไทย ภาครัฐ เอกชน มีเครือข่าย แต่ละท่านก็มีคนอยากทำงานด้วยหลายกลุ่มเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่  เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เรารู้จักตอนนี้ก็เป็นเครือข่ายภาคประชาชนเครือข่ายหนึ่งที่ตั้งมา 40 กว่าปีแล้วมีความเข้มแข็ง

 

มีแนวคิด มีเครือข่าย ประเด็นสำคัญอยู่ที่จะทำงานร่วมกันอย่างไรให้เกิดมรรคเกิดผลกับคนในพื้นที่ ทำอย่างไรให้มีการบูรณาการ ก็เลยมาคิดเรื่องทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง ซึ่งก็คือ ทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม และทุนทรัพย์ สังเกตได้ว่าไม่มีบอกว่าหน่วยงานไหนเป็นทุนทางปัญญา หน่วยงานไหนเป็นทุนทรัพย์ หน่วยงานไหนเป็นทุนทางสังคม พอร่วมกลุ่มกันได้ก็จะมาทำงานร่วมกันโดยทั้ง 3 ส่วนนี้สำคัญเท่ากันหมด สามารถทำงานร่วมกันได้

 

การทำงานในพื้นที่เราทำมาทั่วประเทศ เราประสบปัญหาว่า ประชาชนมีความน้อยใจ เพราะหน่วยราชการทำงานด้วยกัน 1-2 ปีก็จะมีการย้ายไปที่อื่น ทำให้การทำงานไม่มีความต่อเนื่อง แต่ในระดับประเทศทุกคนคิดเหมือนกันหมดว่าอยากให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ซึ่งเราสร้างกันมาหลายรอบ หลายวิธีการ และเรียนรู้ว่าถ้าไม่มีแกนนำก็จะมีความเคลื่อนไหว จึงเกิดโครงการทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง โดยใช้กลไกของคนในพื้นที่ให้มาทำงานร่วมกัน โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในระดับรากแก้วของแผ่นดิน ทำงานร่วมกันในพื้นที่ เอาปัญหาเป็นตัวตั้ง แนวความคิดก็ต้องคิดก่อนว่าจะทำงานอย่างไร แล้วรวมกลุ่มกันเพื่อแก้ไขปัญหา

 

พอมีปัญหาเช่น ยาเสพติด ถามว่า คนที่เป็นนักคิดเรื่องยาเสพติดก็จะมีองค์ความรู้อีกแบบ เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ มีองค์ความรู้ อย่างเช่น ปปส. หรือหน่วยงานราชการต่างๆ หรือกระทั่งปราชญ์ชาวบ้านที่สนใจเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด พอร่วมพูดคุยกันได้ ก็จัดทำแผน แล้วก็คุยกับทุนทางสังคม ซึ่งมีคนที่ได้รับผลกระทบจากการที่ ติดยา เสพยา หรือคนที่เป็นครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ เมื่อรวมกันแล้วก็เกิดเป็นโครงการขึ้น เมื่อเป็นโครงการมีสมองแล้ว มีมือมีขาแล้ว ถ้าขาดทุนทรัพย์ก็ทำไม่ได้

 

ทุนทรัพย์ก็มีอยู่ 2 อย่าง คือแบบเป็นตัวเงิน และแบบไม่เป็นตัวเงิน เป็นตัวเงินคือ บางอย่างที่ในพื้นไม่มี เช่น อุปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องใช้ทุนทรัพย์ไปซื้อมาจากภายนอก แต่ทุนที่ไม่เป็นตัวเงินสำคัญกว่า ภาษาชาวบ้านเรียก “ข้าวหม้อแกงหม้อ” หรือ “ลงแขก” อันนี้เป็นทุนทรัพย์ที่ไม่เป็นตัวเงินและมีอยู่ในพื้นที่เยอะ

 

โครงการนี้ทำมาตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2560 ช่วงแรกก็ไปส่งเสริมอบรมในเครือข่าย แบรมระยะสั้น 3 วัน 2คืน จัดทำแผน  ซึ่งเมื่อลงพื้นที่พบว่า ชาวบ้านมีความเชี่ยวชาญมาก เราถามเขาว่าทุนทางปัญญาในพื้นที่มีใคร เขารู้ทันที ซึ่งถ้าเราลงพื้นที่ไปสำรวจก็ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เป็นเดือน หรือทุนสังคม ทุนทรัพย์มีใครบ้าง ภาคเอกชนมีใครสนใจเรื่องนี้บ้าง ปีแรกโครงการเป็นโครงการเดี่ยว แต่ปีต่อๆ มาก็เป็นแพคเกจมากขึ้น มีการรวมกลุ่มจัดตั้งเครือข่าย

 

ปัจจุบันโครงการนี้ดำเนินการทั่วประเทศ 928 ตำบลทั่วประเทศ ปีที่แล้วมีผลสรุปว่าจัดทำได้ 2,000 กว่าแผนทั่วประเทศ สำหรับปีนี้ผมโชคดีที่ได้มาทำงานที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอรมน.) ก็ไปขับเคลื่อนที่การทำงานเครือข่ายทั่วประเทศ เกิดมรรคเกิดผลต่อไป

พล.ท.พิเศษ ศิริเกษม รองเสนาธิการทหารบก

 

Passion gen ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจากโครงการเป็นอย่างไร

พล.ท.พิเศษ          แผนงานด้านความมั่นคงเราให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญลำดับต้น เวลาพูดถึงภัยมั่นคงคนได้ยินบ่อยภัยรูปแบบใหม่ภัยคุกคามทุกรูปแบบ มีสิบยี่สิบภัย แต่เรามาโฟกัสเรื่องยาเสพติด เรื่องหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย เรื่องแรงงานต่างด้าวซึ่งมีปัญหาอยู่ แผนที่เกิดขึ้น 2000 กว่าแผนก็มาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จากการรวมกลุ่มคน 3-4 กลุ่มเล็กๆ นำไปสู่การจัดทำเวทีประชาคม กลุ่มหนึ่งอาจจะมีทุนทางปัญญา 5 คน มาคุยกับทุนทางสังคม 5 คน ทุนทรัพย์  5 คน รวมกัน 15 คน แต่พอนำเสนอในเวทีชาวบ้านมีไม่ต่ำกว่า 50-100 คน เวลาไปขับเคลื่อนแผนจริงก็มีคนเข้ามาร่วมอีกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 300 คนต่อแผน

 

ผมทดลองที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราตั้งตำบลนำร่องไว้ 30 ตำบลใน 1 ตำบลให้จัดทำ 1 แผนแล้วมาขับเคลื่อนพร้อมกันในวันที่ 29 สิงหาคมปีที่แล้ว ปรากฏว่ามีคนเข้าร่วมเกือบ 10,000 คน ที่น่าสนใจคือ โครงการทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง ถ้าเป็นหน่วยราชการทำโครงการสมมุติว่าใช้งบ 300,000 บาท แต่เป็นชาวบ้านทำโครงการเดียวกันใช้งบแค่ 50,000 บาท ปัญหาคือบางทีระบบราชการทำให้ทุกอย่างแพงไปหมดแล้วทำได้ไม่ตรงกับความต้องการ

 

ยกตัวอย่างเช่น การแก้ไขปัญหาเรื่องยากเสพติด กลุ่มโครงการบอกว่า ต้องเริ่มแก้ไขจากครอบครัวก่อน ในกระบวนการภาครัฐไม่มีกระบวนการอบรมในครอบครัว ซึ่งน่าสนใจแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้

 

ความสำเร็จของ 30 ตำบลถ้าตีมูลค่าออกมาคงเป็นล้านบาท แต่หน่วยราชการกองทัพบกเราไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นแค่ค่าอาหารของคนที่เข้าร่วมเราก็ไม่มีงบพอแล้ว ทหารเราจึงสนับสนุนในเรื่องอื่นแทน อันนี้เป็นผลสัมฤทธิ์อันหนึ่งที่เห็นได้ชัด กระบวนการแก้ไขปัญหาก็ต้องขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ ต้องมีวิทยากรบรรยาย มีการฝึกวิทยากรอะไรต่างๆ ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาร่วมกัน ทุนปรัชญาเพื่อความมั่นคง จึงเป็นนวัตกรรมในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ไม่มีการแบ่งกลุ่มคนเก่งคนไม่เก่ง คนนอกพื้นที่ ทุกคนสามารถช่วยกันทำได้หมด แต่พื้นฐานจะต้องเกิดจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่

 

Passion gen คนในชุมชนมีแรงบันดาลใจในการทำงานเข้ามาร่วมกับกองทัพบกอย่างไร

พล.ท.พิเศษ        กลุ่มคนในพื้นที่บางครั้งก็จะมีแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีแบ่งชั้นวรรณะ จะหาผู้นำจริงๆ ไม่ได้ เขาจึงต้องการหน่วยงานกลางเข้าไปทำหน้าที่ประสาน ซึ่งอันนี้น่าสนใจว่า ทหารผมที่เข้าไปประสานงานไม่ได้เก่งกว่าชาวบ้าน  แต่ทหารเป็นคนกลางเป็นจุดเชื่อมต่อ เราต้องการอยากแก้ไขปัญหาอะไรในชุมชน ก็มาโหวตกัน ทำเวทีชาวบ้านแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ว่าจะแก้ไขปัญหาไหนเป็นอันดับแรก เช่น บอกว่าแก้ไขปัญหายาเสพติด ทุกคนก็มุ่งจะมุ่งแก้ไขปัญหาไปในทิศทางเดียวกันจนจบ กระบวนการ

ตัวอย่างที่น่าสนใจ ก็มีแผนโครงการที่ จ.นราธิวาส และจ.ยะลา ที่เสนอโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ใช้งบประมาณ 5 แสนบาท ทีแรกก็แซวกันว่าเงินจำนวนมากจะหาจากไหน แต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วเขามีประสบการณ์ในเรื่องยาเสพติดมานาน รู้แนวทางแก้ไขปัญหาที่ทำได้จริงและมีตัวอย่างความสำเร็จอยู่

 

แล้วในปัจจุบันผลสัมฤทธิ์อันหนึ่งคือการที่หมู่บ้านต่างๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน แบ่งแผนงานออกเป็นระดับต่างๆ A B C กลุ่มที่ไม่มีประสบการณ์อาจจะเริ่มทำงานจากแผนระดับ C ก่อน แต่หากมีความพร้อมจะเริ่มแผนระดับ B และ A ก็ได้เช่นกัน

 

Passion gen สิ่งที่เราเรียนรู้กับการทำงานในชุมชนคืออะไร ต้องมีคนที่เป็นตัวเชื่อมผลักดันโครงการให้เป็นรูปธรรม ถูกต้องใช่ไหม

พล.ท.พิเศษ        ถูกต้องครับ แต่ผมว่าสักพักหนึ่งถ้าชุมชนเขาเดินได้เองก็จบ เพราะหน่วยราชการอย่างไรวันหนึ่งก็ต้องย้าย แต่ชาวบ้านเขาอยู่ในพื้นที่ ถ้าเราสามารถรวมกลุ่มให้คนเข้มแข็งได้ การแก้ไขปัญหาจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งโดยแนวทางแล้วสามารถเดินหน้าได้จริง เพราะมีกรอบวิธีคิดในเรื่อง ทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม ทุนทรัพย์ เป็นองค์ประกอบ 3 อัน เหมือนเป็นขา3 ขาที่พึ่งพากัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ทำไม่ได้

 

Passion gen คนรุ่นใหม่ในชุมชนเรามีโอกาสดึงเขาเข้ามาร่วมไหม หรือโครงการที่ผ่านๆมาเราดึงเขามาร่วมอย่างไร

พล.ท.พิเศษ        นึกแล้วก็สนุกสนาน คนในชุมชนที่เข้าร่วมกลุ่มมีทั้ง Generation-X Generation-Y Generation-Z กระบวนการยาเสพติดจะแก้ไขปัญหาเด็ก ต้องมีผู้ใหญ่รอบข้าง ต้องมีครูบาอาจารย์ ปัญหาบางอย่างอาจจะแก้ไขได้ด้วยคน Generation เดียว แต่บางอย่างต้องแก้ไขด้วยความร่วมมือของคนหลาย Generation อันนี้เป็นลักษณะธรรมชาติของมันเอง อยู่ที่ความยากง่ายของปัญหาด้วย

 

“ถามว่าถึงจุดหนึ่งเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าบางครั้งในหมู่บ้านหรือในตำบลไม่มีทรัพยากรเพียงพอ หน่วยราชการก็ต้องมองแล้วว่าจะมาช่วยเขาอย่างไรให้เกิดผล เพราะส่วนใหญ่เราก็รู้อยู่ว่าการทำงานโครงการของหน่วยราชการมีรูปแบบที่จะบิดพริ้วไมได้ เทียบกับโครงการของชาวบ้านแล้วเป็นมรรคเป็นผลมากกว่า

อย่างโครงการ ญาลันนันบารู ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มกับทุกส่วนราชการเหมือนกัน

 

อีกประการที่สำคัญคือ ถ้าเราเป็นหน่วยราชการหรืออาจารย์ เมื่อทำการศึกษาวิจัยในพื้นที่เสร็จก็กลับบ้านแต่คนในพื้นที่ต้องอยู่ทำงานต่อ ดังนั้นเราต้องฝึกให้คนมีภูมิปัญญา 3 อย่างครบ ทำงานร่วมกันแต่แรกก็จะยืนอยู่ด้วยตัวเองได้ก็เป็นสิ่งที่ดี

 

Passion gen อยากให้ฝากเคล็ดลับในการสร้างชุมชนให้มั่นคงเข้มแข็ง

พล.ท.พิเศษ        อันดับแรกต้องมีความตั้งใจ มองเป้าอันเดียวกัน แก้ไขปัญหาร่วมกัน ผมขออนุญาตยกพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ 9

“เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง”

 

ผมย้อนกลับไปที่ทำเวทีชาวบ้านบางทีต้องการแก้ไขปัญหา 30 อย่างไม่รู้เลือกทำอะไร ก็ให้เลือกมา 1 อันแล้วค่อยๆ ทำทีละอันให้เสร็จค่อยเป็นค่อยไป กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว สิบอย่างอาจจะแก้ 10 ปี คนร้อยคนช่วยกันอาจจะเหลือ 3 ปี เร็วขึ้น เพราะการรวมพลังอย่างไรต้องช่วยกัน คนเดียวทำไม่ได้

Pasucha

Recent Posts

Young SME หลักสูตรสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ชู Soft Power เสริมสร้างธุรกิจยั่งยืน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…

6 months ago

Driving People’s Actions แนวคิดธุรกิจยุคใหม่ กับ มุมมองด้านความยั่งยืน

บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…

9 months ago

อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล “ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี” จากงาน DG Awards 2023

อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…

10 months ago

Driving People’s Actions แนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์แบรนด์ สไตล์ ฮาคูโฮโด เฟิร์ส

ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…

10 months ago

พิธีปิดการอบรมหลักสูตร SML รุ่นที่ 4 ปี2566

พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…

1 year ago

เมื่อสูงวัยต้องไปทำฟัน

ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…

1 year ago

This website uses cookies.