สัมภาษณ์พิเศษ ธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โอเชี่ยน คอมเมิรช กับความกล้าท้าทายความสำเร็จ ในการประกาศจะพลิกฟื้นธุรกิจให้ได้ภายในปีนี้ และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

ไม่ว่านักลงทุนจะรู้จัก OCEAN ในแง่มุมไหน  แต่ ธีร ชุติวราภรณ์ ให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า “ภาพเดิมๆ ของบริษัทโอเชี่ยนจะต้องหายไป นั่นเป็นโจทย์แรกกับตำแหน่ง CEO และสิ่งที่ต้องทำให้ได้คือการล้างขาดทุนสะสม การพลิกฟื้นบริษัท ผมจะต้องทำให้ได้และจะพยายามทำให่ได้ภายในปี 2564”

 

ไม่บ่อยครั้งที่ passion gen จะได้สัมภาษณ์ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง เก่งกาจและครบเครื่อง ที่ทุกถ้อยคำเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ

 

“สวัสดีครับ ผมธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันผมบริหารบริษัทฯ เป็นเวลาประมณ 4 เดือนแล้วนับจากที่ได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม ผมจบการศึกษาจากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วศึกษาต่อปริญญาตรี สาขาจิตวิทยาทางการตลาดที่ University of Queensland”

 

จากนั้น ธีร ได้เข้ามาร่วมบริหาร ในกิจการของครอบครัวด้านเรียลเอสเตทเป็นระยะเวลาประมาณ 10 ปี

 

“ผมจะนั่งอยู่หลังห้อง คอยจดโน้ต ทำ Checking ให้คุณพ่อ แสดงความคิดเห็นในมุมที่เราถนัด เพราะผมเองเป็นคนที่เสพสื่อค่อนข้างเยอะ ติดตาม Pinterest, Facebook และติดตามข้อมูลด้านดีไซน์ ก็จะช่วยออกไอเดียเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า”

 

 

 

ความฝันแรงบันดาลใจ

 

“ผมมี passion และความฝันที่อยากบริหารบริษัทฯ แหงหนึ่งให้เดินหน้าไปตามความวิสัยทัศน์ของผม บริษัทแห่งนี้จะต้องยืดหยุ่นพอที่จะเสาะหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้ตอบรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้นับเป็นก้าวแรกที่ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารที่ OCEAN” 

 

ผู้บริหารหนุ่ม เล่าว่า “มีสไตล์การทำงานที่คิดไว ทำไว และใช้แพลตฟอร์มใหม่ๆ มาช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เป็นคนรุ่นใหม่ที่เทรดคริปโตฯ ผ่านแพลตฟอร์ม Binance และนำสจุดแข็งนั้นมาเสริมความแข็งแกร่งให้องค์กร ทำให้ OCEAN มีสไตล์ของการคิด วิเคราะห์ และการทำงานเป็นทีม เสาะหาช่องทางและหาพันธมิตรเข้าในเสริมความแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้ธุรกิจได้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มาต่อยอดธุรกิจ” 

 

 

OCEAN ภายใต้การบริหารของธีร จะก้าวไปอย่างไร

ข้อดีของการเป็นบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ มีเครื่องมือทางการเงินให้เลือกใช้ค่อนข้างมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีในการหาธุรกิจใหม่ๆ ช่องทางการระดมทุนใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นก้าวไปได้ไกลขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น ในภาพของ OCEAN คอร์บิซิเนสคืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบ เมื่อโควิดระบาด อสังหาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งโรงแรม คอนโด ที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทำให้ตลาดเก็งกำไรหายไป เหลือแต่เพียงตลาดที่เป็นเรียลดีมานด์

 

ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ผมจึงต้องมองหาธุรกิจใหม่ เพื่อเป็นแหล่งที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับธุรกิจ ผมมองถึงธุรกิจโรงสกัดกัญชง ซึ่งตลาดอเมริกาและแคนนาดาเติบโตเร็วมาก และมีโมเดลในการลงทุนอยู่แล้ว

 

จากรายงาน Global Market Share Cannabidiol (CBD) ตลาดโลกปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ที่น่าสนใจคือ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 20.8% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนล้านบาทภายในปี 2028 หมายความว่า ธุรกิจ CBD เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และมีศักยภาพในการเป็น New S Curve ให้กับบริษัท

 

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  OCEAN เองไม่ใช่ผู้พัฒนาที่เน้นพัฒนาโครงการออกมาเป็นจำนวนมาก หรือมีแบ็คล็อกเยอะ เพื่อให้ธุรกิจรับรู้รายได้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ  OCEAN เน้นพัฒนาโครงการที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว มีลูกเล่นที่น่าสนใจ มีจุดขายที่แตกต่าง มีศักยภาพที่ชัดเจน นั่นทำให้ OCEAN ไม่มีสินค้าคงค้างเลย

 

“เรามีไดนามิคสูงมาก โครงการ Vtara 36 ราคาห้องเฉลี่ย 7-8 ล้านบาท เราสามารถขายหมดำได้ในช่วงเดือนเมษายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงพีคของการระบาดของโควิด-19 และโครงการ IKON สุขุมวิท 77 เป็นโครงการที่รอรับรู้รายได้ ซึ่งเราก็นำสภาพคล่องที่ได้จากยอดขายขายโครงการ Vtara 36 มาสนับสนุนทำให้โครงการมีสภาพคล่อง มีเงินสดสำรอง และทำให้กู้เงินจากธนาคารน้อยลง

 

สไตล์การบริหารของธีร และ OCEAN

“บริษัทโอเชี่ยน คอมเมิรช ลงทะเบียนไว้กับ Bitkub ทำให้เราสามารถรองรับลูกค้าที่ถือ คริปโทเคอร์เรนซี เราจึงมีฐานลูกค้ากว้างขึ้นทั้งโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ที่ผ่านมาหลังจากเราประกาศรับคริปโทเคอร์เรนซี ในการชำระค่าใช้จ่ายในการซื้อห้องชุดก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งติดต่อเข้ามาว่า ขอเทรดด้วยบิตคอยน์ได้ไหม หรือขอเทรดด้วยอีเธอร์เรี่ยมได้ไหม ก็ทำให้เราสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้

 

อีกด้านหนึ่งผมก็นำเทคโนโลยีมาปรับการทำงานภายในบริษัทเป็น WFH 100% เพื่อลดความเสี่ยงของพนักงาน ผมใช้  Google Workspace มาช่วยในการทำงานเป็น Cloud Working Platform จะเห็นว่าทุกคนทำงานอะไรบ้าง เห็นตารางงานผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งผมได้สร้าง Virtual Meeting Room ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้แต่ละแผนกมีการปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น รวมถึงมีการจัดการกิจกรรมเสริมความสัมพันธ์ทุกวันศุกร์ เป็น Weekly Report

 

OCEAN เป็นบริษัทที่มีพนักงานหลายช่วงอายุ มีทั้งที่ทำงานมา 30 ปีและที่เรียนจบใหม่และทำงานจนขึ้นตำแหน่งเป็นซีเนียร์ นั่นทำให้ผมต้องพยายามทลายกำแพงและสร้างระบบ Team Building ขึ้นมา จะไม่มีการว่าเป็นหัวหน้าเลยไม่กล้าพูด ผมพยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้พนักงานทุกคนอยู่ระดับเดียวกัน แค่อำนาจการตัดสินใจและหน้าที่ความรับผิดชอบที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของพนักงานทุกคน

 

เทคโนโลยีทำให้ขั้นตอนการทำงานลดลง เช่น การอนุมัติเอกสารผ่านออนไลน์ ทำให้ลดเวลาทำงานและขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากเหลือแค่ 3 นาที รวมถึงให้พนักงานทุกคนเข้าถึงข้อมูลอันเดียวกัน ซึ่งเป็นข้อสำคัญที่สุด เพราะทุกคนควรจะเห็นเป้าหมายของบริษัทเป็นเป้าหมายเดียวกัน ทุกคนจะรู้สึกมีส่วนร่วมในการทำงาน

 

ทุกไตรมาสผมจะจัด CEO Talk เพื่ออัพเดทภาพรวมธุรกิจว่าเป็นอย่างไรให้กับพนักงานทั้งบริษัท ธุรกิจใหม่ๆ ยอดขายโครงการ รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้ซักถาม แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ เพื่อลดกำแพงระหว่างผู้บริหารและพนักงาน ผมเรียกพนักงานทุกคนที่อายุมากกว่าผมว่า “พี่” ผมสร้างสภาพแวดล้อมที่อย่างน้อยคนรุ่นก่อนยังรู้สึกสบายอยู่คือรู้สึกว่าเป็นพี่น้อง เป็นครอบครัว เป็นองค์กรเดียวกัน”

 

 

ด้านธุรกิจเราวางยุทธศาสตร์ไว้อย่างไร

หลายคนอาจจะมองว่าผมไฟแรง หนึ่งปีมีอีกหนึ่งธุรกิจ แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนคอนเซอ์เวทีฟมาก ซึ่งเป็นอุปนิสัยที่ได้จากคุณพ่อ ฉะนั้นการสร้างธุรกิจ New S Curve ของ OCEAN ผมดูในรายละเอียดเยอะมาก เพื่อลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุด ตัวอย่างเช่น “ธุรกิจCBD หรือ สากสกัดกัญชง” ทำไมผมถึงไม่เสี่ยง? ทำไมผมถึงมั่นใจแล้วบุกเต็มที่?

 

แนวคิดของผมคือ ผมไม่ได้ตั้งโรงงานสกัด แต่ผมคุยกับซัพพลายเออร์ที่จำหน่ายเครื่องสกัดแล้วเอาผู้รู้คือบริษัท JSP ไปนั่งฟังด้วย เพื่อพิจารณาการลงทุนเครื่องจักร นั่นคือ เราเอาความชำนาญของทุกคนมารวมกันเพื่อลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด แล้ว OCEAN ลงทุนแค่ส่วนกลางน้ำ นั่นคือ ลงทุนเครื่องจักรในการสกัดสาร CBD โดยรวมกับ JSP ที่เป็นบริษัทรับผลิตอาหารเสริมที่มีใบรับรอง GMP PICS ในการผลิตยาแผนปัจจุบัน ผมลดความเสี่ยงได้หลายประการ

 

1.ลดความเสี่ยงในด้านระยะเวลาขอไลเซนสกัดกัญชง

2.ลดความเสี่ยงในการลองผิดลองถูกกับเครื่องจักร

3.สามารถพัฒนาผลิตภัฑ์ รองรับฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น

 

ปัจจุบันมีลูกค้าหลายรายที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง เช่น เจ้าของแบรนด์อาหารเสริม เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่ม เจ้าของแบรนด์เหล่านี้สามารถมาคุยกับผม เมื่อได้สารสกัดแล้วคุยกับ JSP ต่อได้เลยเป็น Eco System โดยผลิตภัณฑ์ผมมีทั้งแบบ Medical Grade และแบบ Food Grade ปัจจุบันตลาดต่างประเทศยังมีดีมานด์ค่อนข้างมากทั้งยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ แต่ตลาดในประเทศยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะคนไทยยังไม่เห็นประโยชน์ของ CBD มากนัก แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้เริ่มวิจัยผลิตภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีหน้า ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง จะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

 

“สาร CBD มีประโยชน์มากในด้านรักษาสุขภาพร่างกาย ช่วยเรื่องอารมณ์ ลดความเครียด เสริมการนอน ช่วยให้ผ่อนคลาย ผมมองว่าคือยาวิเศษ และในอนาคตธุรกิจนี้จะเติบโตอย่างยั่งยืน” 

 

สำหรับธุรกิจสารสกัดกัญชงนั้น OCEAN เลือกเข้ามาอยู่กลางน้ำ เพราะกลางน้ำต้องใช้ความรู้ความชำนาญมากๆ ต้องมีประสบการณ์ในการเดินเครื่องจักรผลิตสารสกัด เพื่อให้ได้สารสกัดตามที่ต้องการ ตรงนี้คนที่เชี่ยวชาญจริงๆ มีน้อย ขณะที่ต้นน้ำที่เป็นผู้ปลูก ราคาจำหน่ายยังไม่นิ่ง และอนาคตเมื่อกัญชงเป็นพื้นเศรษฐกิจจะมีราคาขึ้นลงผันผวน อันนี้เป็นความเสี่ยงของผู้ผลิต ส่วนปลายน้ำ พอเป็นคอนซูเมอร์โพรดักส์ ก็เกิดค่าใช้จ่ายทางการตลาด มีโอกาสที่จะเผชิญคู่แข่งใหม่ๆ กลางน้ำจึงมีความเสี่ยงน้อยที่สุดแต่เติบโตมากที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ลูกค้าไม่ได้จะซื้อต้นกัญชง ไม่ได้ซื้อใบกัญชง แต่ซื้อผลิตภัณฑ์กัญชง ซึ่งต้องผ่านการสกัดจากเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ

 

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์นั้น สารสกัด CBD สามารถผสมกับ Energy Drink หรือเป็นน้ำที่ดื่มแล้วช่วยผ่อนคลายอารมณ์ อาจจะเป็น Booster Shot ที่ดื่มเพื่อให้นอนหลับ บุสเตอร์ชอทที่ดื่มไปแล้วนอน เป็นดื่มก่อนนอน ส่วนนี้จะใช้สารกสัดกัญชงแบบ Full Spectrum นั่นคือมีทั้งรสทั้งกลิ่นและประสิทธิภาพของ CBD ขณะที่ผลิตภัณฑ์อีกแบบที่ใช้ Broad Spectrum หรือน้ำมันกัญชงที่เราคุ้นเคย เหมาะเป็นผลิตภัณฑ์ใส่ในเครื่องดื่มที่ไม่ต้องการรสหรือกลิ่นสี เป็นผลิตภัณฑ์ครีม คลีนเซอร์ ซึ่งในเกาฟหลีมีผลิตภัณฑ์หนึ่งชื่อ มัทฉะเฮมป์ เป็นคลีนเซอร์ที่มีสารสกัดจากชาเขียวและกัญชง หรือเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยานวดให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

 

นอกจากนี้ยังมี Isolate เป็นผงสีขาวไม่มีกลิ่นไม่มีสี แต่มีฤทธิ์เป็นผลของ CBD สำหรับผสมในอาหารเสริมในรูปแบบต่างๆ รวมถึงยาแผนปัจจุบันอีกด้วย

 

“สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจ ว่าธุรกิจนี้ผมไม่เสี่ยง คือ พันธมิตรอย่าง JSP ที่มีโนวฮาวในการผลิตสารสกัดจากกัญชงที่ละลายน้ำได้ ทำให้ผมขยายฐานไปยังลูกค้าในกลุ่ม Food & Beverage ได้ ซึ่งปัจจุบันเราเป็นรายแรกที่กล้าเปิดตัวและทำได้จริง

 

ในมุมของอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างไร

ส่วนด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น ในปี 2565 จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างเสร็จรอรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1000 ล้านบาท โดยยุทธศาสตร์ผมอาจจะไม่เน้นคอนโดเพียงอย่างเดียว แต่จะเจาะกลุ่มบ้านเดี่ยวที่เป็นตลาดเรียลดีมานด์มากขึ้น ทำให้รับรู้รายได้เร็วขึ้น ซึ่งในสภาพตลาดปัจจุบันเราไมได้คิดอะไรให้ยาวยาว เพราะดิสรัปทีฟค่อนข้างสูง ดังนั้นการปั้นโอเชี่ยนไปข้างหน้าจึงเหมือนกับการวิ่งมาราธอนที่ต้องรักษากระแสเงินสดไว้ให้ดี

 

ปัจจุบันโครงการที่รับรู้รายได้อยู่หรือสร้างเสร็จแล้วมีหนึ่งโครงการคือ IKON SUKHUMVIT 77 ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช ปัจจุบันเราโอนไปประมาณ 70% แล้วคาดการณ์ว่าน่าจะโอนหมดภายในปี 2565 ส่วนโครงการที่กำลังพัฒนาอีก 1,000 ล้านบาทมี 2 โครงการ 1.THE VALOR รามอินทรา เป็นโครงการบ้านเดียว 25 ยูนิต ราคา 12-20 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท ตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ชมโครงการได้ธันวาคม 2564 อีกโครงการคือ KON UDOMSUK มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาทเป็นโครงการคอนโด 8 ชั้น 2 อาคาร 334 ยูนิต เปิดตัวไตรมาส 4 ปี 2563 ปัจจุบันเราหยุดทำการตลาดไปแล้วเพราะมียอดขายที่ 85% แล้วปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่น EIA คาดว่าจะได้ไม่เกิน ไตรมาส 4 ปีนี้ และเริ่มก่อสร้างเลย จะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 4 ปีหน้าเช่นกัน

 

ฝากไอเดียถึงคนรุ่นใหม่ในการสร้างธุรกิจ

คนรุ่นใหม่ต้องทำให้ตัวเองเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว Always Open Mind ผมเชื่อว่าข้อมูลในโลกหาได้ง่าย ฉะนั้นอย่ายึดติดกับข้อมูลฝั่งใดฝั่งหนึ่งหรือข้อมูลชุดเดิมๆ แล้วหาลึกขึ้นเรื่อยๆ พยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดความเสี่ยงของเรา แล้วก็ Always have Commitment Everyday ผมเองตื่นขึ้นมาจะมี Commitment ว่าวันนี้จะต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง แล้วต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราสามารถสร้าง Commitment ให้กับตัวเราในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละไตรมาส แต่ละปี จะทำให้เรามีเป้าหมายที่จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุด

 

สำหรับการสร้างธุรกิจ ผมเลยบอกว่า การปั้นบริษัทๆ หนึ่งให้โตได้ ไม่ใช่การวิ่งร้อยเมตร แต่คือการวิ่งมาราธอน การที่เราวิ่งเร็วเกินไปจะทำให้เราเหนื่อยเร็ว หรือเราอาจจะพลาดสะดุดขาได้ แต่จะวิ่งช้าเกินไปก็จะทำให้คู่แข่งเรา แซงเราไปได้เช่นกัน  ดังนั้นผมผมแนะนำว่า ต้องมีคอมมิทเม้นท์กับตัวเองให้มากที่สุด สร้างกำลังใจและสร้างแพชชันให้กับตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยามเดินอย่างระมัดระวัง หรือวิ่งอย่างระมัดระวัง ผมเชื่อว่าแนวคิดทั้งสองนี้จะช่วยให้เราบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน

 

 

สิ่งที่อยากให้คนเห็นจาก OCEAN 

อย่างแรก OCEAN ต้องเป็นบริษัทมหาชนที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง มีการเติบโตที่ยั่งยืน และเติบโตได้อย่างดี ผมมองว่าภาพเดิมๆ ของบริษัทโอเชี่ยนจะต้องหายไป โจทย์แรกที่ผมเข้ามาเป็นผู้บริหารและต้องทำให้ได้คือการล้างขาดทุนสะสม พลิกฟื้นธุรกิจกลับมาให้ได้นี่ยังเป็นโจทย์แรกที่ผมให้ความสำคัญ เป็น Commitment ที่ผมต้องทำให้ได้ และจะพยายามทำให่ได้ภายในปีนี้ด้วย

OCEAN เพิ่งเริ่ม ผมเองเพิ่งรดน้ำลงไป พึ่งหยอดเมล็ดลงไป ก็อยากจะให้เห็นผลผลิตในอนาคตต่อไปจากนี้

Passion in this story