ไม่ง่ายที่ธุรกิจหนึ่งจะมีอายุยืนยาวมาถึง 100 ปี…และจะ Amazing มากขึ้นเมื่อรู้ว่าธุรกิจนั้นบริหารงานโดยผู้หญิงที่เป็นศิลปินมาตลอด 3 รุ่น เฉกเช่นประวัติศาสตร์อื่น ๆ เรื่องราวของกลุ่มบริษัทสุภัทรา จำกัด จึงมีแง่มุม แง่คิด และส่วนผสมของเรื่องราวที่น่าติดตาม
กลุ่มบริษัทสุภัทรา เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ที่เริ่มต้นดำเนินการมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นับรวมเวลากว่า 100 ปีที่ธุรกิจนี้สืบสานต่อยอดธุรกิจด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทย และความเป็นศิลปินที่อยู่ในหัวใจของผู้หญิงทั้ง 3 รุ่น เริ่มตั้งแต่คุณหญิงบุญปั่น สิงหลกะ คุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ และคุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม เป็นโอกาสอันดีที่
passion gen ได้สัมภาษณ์ผู้หญิงในรุ่นที่ 3 อย่าง
“คุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม” ถึงแง่คิดและแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจของผู้หญิง
“เพราะผู้หญิงโชคดีกว่าผู้ชาย ถ้าไม่สำเร็จผู้ชายจะไม่ต่อว่า ไม่เหมือนผู้ชายที่ทำอะไรต้องสำเร็จเสมอ…แต่หากผู้หญิงทุกคนมีความอดทน มานะบากบั่น ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศชาติเจริญได้”
เป็นคำพูดถ่อมตัวของ
คุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ที่บ่งบอกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อาจจะล้มเหลวได้ แต่ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว ความสำเร็จก็ไม่แพ้ผู้ชาย
สุภาพรรณ : เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เราได้เริ่มทำธุรกิจเรือข้ามฝากเป็นเรือแจว โดยคุณยาย (คุณหญิงบุญปั่น สิงหลกะ) เป็นคนเริ่มต้นธุรกิจ จากนั้นจึงต่อยอดมาถึงคุณแม่ (คุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ) และดิฉันที่เป็นรุ่นที่ 3 รวมแล้วครบ 100 ปีในปี 2563 เป็นการดำเนินธุรกิจโดยผู้หญิง 3 รุ่น
จากเรือแจวเป็นเรือยนต์ข้ามฟาก จากเรือไม้เป็นเรือเหล็กและเป็นเรืออะลูมิเนียม จากเรือ 1 ลำเป็นฝูงเรือที่มีมากกว่า 100 ลำ จากท่าเรือแห่งแรกที่ท่าพรานนก ขยายเป็นท่าเรือข้ามฝาก 14 ท่า และเรือด่วนเจ้าพระยาที่วิ่งรับ-ส่งคนจากนนทบุรีสู่ใจกลางเมือง
passion gen: ปัจจุบันธุรกิจในเครือมีธุรกิจอะไรบ้าง
สุภาพรรณ : ธุรกิจจริง ๆ อีกธุรกิจหนึ่งที่มีความสำคัญมาก คือ เรือด่วนเจ้าพระยา ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 โดยกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้การจราจรสัญจรทางน้ำ เพื่อระบายความคับคั่งของการจราจรทางบก ซึ่งต่อมาได้โอนกิจการให้กับบริษัทเอกชน คือ กลุ่มบริษัทสุภัทรา
การเดินทางทางน้ำดำเนินต่อมาเรื่อย จากอดีตจนถึงปัจจุบันรูปแบบของบริการเปลี่ยนไปมาก จากที่เมื่อก่อนทุกคนมาจากชานเมือง นนทบุรี ปทุมธานี เข้ามาทำงานในเมือง ตอนนี้หน่วยงานราชการที่สำคัญได้ย้ายออกไปอยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่ปากเกร็ด ผู้โดยสารปัจจุบันจึงเดินทางจากในเมืองออกไปสู่ชานเมือง
ขณะที่รูปแบบของการเดินทางก็เปลี่ยนไป มีกลุ่มผู้ใช้บริการใหม่ที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่เข้ามาเยี่ยมชมประเทศไทย กลุ่มนี้จำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีและมีปริมาณค่อนข้างมาก เราเองจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบ
โดยเปิดบริษัทใหม่ขึ้นมาอีกบริษัทชื่อ เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท ออน ออฟเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ชื่นชมความงามของเกาะรัตนโกสินทร์ วัด วัง และศูนย์การค้า ปัจจุบันธุรกิจเรือจึงมีเรือด่วนและเรือท่องเที่ยว
passion gen: สุภัทรายังขยายธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา เช่น เรือติดแอร์ ?
สุภาพรรณ : เป็นการขยายงานของเรือด่วนเจ้าพระยาโดยเราตั้งชื่อว่า Riva Express เป็นเรือด่วนติดแอร์ ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 4 ลำ สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 200 คน ซึ่งอันนี้ก็เป็นการเดินทางระหว่างนนทบุรี บางโพธิ์ แล้วก็สาทร ในราคาปัจจุบัน 30 บาท จะฝนตกแดดออกผู้โดยสารก็สามารถจะนั่งแอร์ได้ ถ้าไม่อยากนั่งแอร์ก็ขึ้นไปข้างบนไปชมวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็มีความสะดวกปลอดภัยสูงกว่าเรือปัจจุบันเยอะ ก็ได้รับความนิยมค่อนข้างจะสูงตั้งแต่เปิดบริการมา
passion gen: ความสำเร็จ 100 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ?
สุภาพรรณ : คิดว่าตั้งแต่ทำมาหลายปีแล้วมีแต่การพัฒนาต่อเนื่องมาโดยตลอด เราไม่เคยหยุดยั้ง จากเรือที่เป็นเรือแจว เป็นเรือข้ามฟาก เป็นเรือไม้ เรือเหล็ก เรืออะลูมิเนียม เรือท่องเที่ยว เรือติดแอร์
แต่ทางด้านอื่น ๆ เราก็ทำ เราได้พยายามพัฒนาริมฝั่งน้ำโดยที่สร้างโรงแรมบูติคโฮเต็ล สร้างร้านอาหารริมแม่น้ำเรือนไทย แล้วก็สร้างศูนย์การค้า
“ท่ามหาราช” ส่วนชายทะเลเราก็ไปสร้างรีสอร์ต แล้วก็ร้านอาหารริมทะเล
ทั้งหมดนี้ สิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอดคือ การทำธุรกิจโดยรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์และศิลปะของประเทศไทย
passion gen: แง่คิดและแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจ
สุภาพรรณ : ถ้าเราทำงานอย่างต่อเนื่องเราต้องคิดอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจถ้าไม่คิดไม่บุกเบิกไปข้างหน้า จะหยุดและถอยหลัง ความเจริญของบ้านเมือง สังคม และธุรกิจที่เปลี่ยนไป ทำให้เราต้องอัปเดตตัวเอง และประชาชนที่เปลี่ยนไปในการสัญจรทางน้ำ เราจึงต้องปรับตัว
ปัจจุบันเราทำกระทั่งเรือหางยาวที่อัปเกรด เพื่อวิ่งเข้าไปในลำคลอง เรือรับ-ส่งโรงแรม ศูนย์การค้า คอนโด เพื่อเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้เมื่อก่อนไม่มีดีมานด์มาก่อน แต่ปัจจุบันดีมานด์เหล่านี้เห็นชัดขึ้น การเดินทาง ความสะดวกสบาย การท่องเที่ยว คนอยากจะเดินทางบนแม่น้ำเจ้าพระยา เราจึงอัปเดตตัวเองให้ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน
passion gen: ก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 มีแนวคิดอย่างไรในการส่งต่อธุรกิจให้รุ่นที่ 4
สุภาพรรณ : ดิฉันพูดอยู่ตลอด เวลานี้ทุกคนมองว่าการใช้พลังงานอาจจะไม่ใช่น้ำมันอีกแล้ว อาจะเป็นไฟฟ้าหรือพลังงานรูปแบบอื่น เราเองต้องศึกษาค้นคว้าว่านวัตกรรมจะก้าวไปอย่างไร
ปัจจุบันเรือที่เราวิ่งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ไม่จำเป็นว่าเราจะวิ่งอยู่ในแม่น้ำเพียงอย่างเดียว เราอาจจะไปทะเลก็ได้ เพราะรัฐบาลก็สนับสนุนการเดินทางทางทะเล ที่ไปภาคใต้ เพื่อนบ้านของเรา ข้อจำกัดในการเดินเรือของเราไม่มี อยู่ที่เรามีความสามารถทำได้หรือไม่เท่านั้น จึงพยายามผลักดันให้รุ่นที่ 4 มองว่า เราต้องไปกับอนาคตของการเดินทางทางน้ำ เพราะเราเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางทางน้ำที่ได้ให้บริการมาแล้วถึง 100 ปี และยังให้บริการต่อเนื่องต่อไปในทุกรูปแบบ
passion gen: อยากจะฝากกลุ่มบริษัทสุภัทรา กับคนไทยอย่างไรบ้าง
สุภาพรรณ : ดิฉันคิดว่าเราเป็นผู้หญิง สอง เรามีหน้าที่ที่ต้องทำงานให้ประเทศชาติ เราไม่ใช่ทหาร แต่ผู้หญิงก็มีหน้าที่เช่นกัน ผู้หญิงโชคดีกว่าผู้ชาย
ถ้าไม่สำเร็จ ผู้ชายจะไม่ต่อว่า ไม่เหมือนผู้ชายที่ทำอะไรต้องสำเร็จ ความเครียดจึงสูงกว่ามาก แต่หากผู้หญิงทุกคนมีความอดทน มานะบากบั่น ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศชาติเจริญได้ จะอยู่ตรงไหนอย่างไรทำได้หมด และเราอาจจะเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ในสังคม ไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหนก็ตาม เช่น กรณีของสุภัทรา คุณแม่ คุณยาย มาจากในวัง รวมถึงดิฉันเองก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเดินเรือ แต่ถ้าเราตั้งใจแล้ว ผู้หญิงก็ทำได้