ความผิดพลาดและความล้มเหลวดูจะอยู่คู่กับมนุษยชาติมาโดยตลอด ยิ่งเราไล่ไขว่คว้าหาความสำเร็จมากเท่าไหร่ เรายิ่งพบเจอกับความล้มเหลวเป็นเงาตามตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้

คลาสในวันนี้เราจึงจะมาพูดถึงวิธีการมูฟออนจากความล้มเหลวและวิธีกอบกู้ความมั่นใจของเราขึ้นมาใหม่กัน

ยิ่งเราทุ่มเทความพยายามลงไปในบางสิ่ง เรายิ่งคาดหวังกับสิ่งนั้นมากขึ้น และไม่แปลกถ้าเราจะรู้สึกผิดหวังมาก ๆ ถ้าสิ่งนั้นมันเกิดล้มเหลว แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อเราล้มเหลวและผิดหวังแล้ว จะทำยังไงเพื่อให้เราเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่จมอยู่กับความล้มเหลวในอดีต

Erika Hamden นักดาราศาสตร์และศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแอริโซนา ซึ่งเคยพบกับความล้มเหลวจากโครงการดาราศาสตร์ที่เธอและเพื่อนร่วมทีมทุ่มเทเวลามานานหลายปี ได้มาแชร์มุมมองที่เธอได้เรียนรู้จากความล้มเหลวในครั้งนี้บนเวลา TED TALK และต่อไปนี้คือวิธีการ 6 ข้อ ที่ทำให้เธอมูฟออนจากความล้มเหลวและเรียกความมั่นใจกลับมาได้

1. ทำ To-do list เพื่อเพิ่มความมั่นใจ

เพื่อที่จะเรียกคืนความมั่นใจที่เราสูญเสียไปให้กลับคืนมาเนี่ยนะครับ เราควรจะตั้งเป้าหมายใหม่ขึ้นมา โดยอาจจะเริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ก่อน และเริ่มจากอะไรที่เราทำอยู่ทุกวันเป็นประจำ หรืออะไรที่เราคิดว่าเราจะสามารถทำได้ทุกวัน

เพราะความมั่นใจจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และเราก็ทำมันได้สำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่ามันอาจจะยังมีความกลัวที่จะล้มเหลวเหมือนครั้งก่อนตามหลอนเราอยู่บ้างนะฮะ แต่ในทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกนี้ ให้ลองถามตัวเองดูว่าเรากลัวอะไรกันแน่และทำไมเราถึงกลัว ถ้าเราไม่แน่ใจ เราอาจจะข้ามมันไปก่อนและไปทำเรื่องอื่น ๆ ในลิสต์ของเราที่เรามั่นใจว่าทำได้แน่ ๆ ก่อน

ค่อย ๆ ทำตามเป้าหมายเล็ก ๆ ให้สำเร็จ สะสมความมั่นใจไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะพร้อมทำเรื่องใหญ่ ๆ และเรียกความมั่นใจของเรากลับคืนมานะครับ

2. แยกคุณค่าของเรา ออกจากงานของเรา

เมื่อเราล้มเหลว เรามักจะใช้ความล้มเหลวนั้นตีค่าของเราให้ด้อยค่าลง เราอาจจะคิดว่าที่ฉันทำผิดพลาด ทำไม่สำเร็จ ทำไม่ได้ เป็นเพราะฉันไม่ดี ฉันไม่เก่ง และฉันไม่มีค่าอะไรเลย

แต่ความคิดนี้มีแต่จะทำให้เรารู้สึกแย่ และมองไม่เห็นค่าบางอย่างที่จะช่วยให้เราก้าวต่อไปได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำหลังเผชิญกับความล้มเหลว คือ คิดก่อนว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ เราทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาดเสมอ และนี่ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีดี เราจะไม่เก่ง แต่การเรียนรู้จากความผิดพลาดและล้มเหลวเนี่ยแหละ ที่จะทำให้เราเก่งขึ้นและไม่ล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม

3. หากลุ่มเพื่อนที่สามารถซับพอร์ตเราได้

การอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนหรือใครก็ตามที่ไม่ตัดสินเราและช่วยปลอบประโลมในเวลาที่เราล้มเหลวได้ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามเวลายากลำบากและเรียกความมั่นใจให้คืนกลับมาได้อย่างดีเลยนะครับ ลองแชร์ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวกับพวกเขาดู ต่างคนต่างช่วยกันซับพอร์ต แชร์พลังบวกให้กันและกัน ยอมรับและเห็นคุณค่าในแบบที่เราเป็น จะทำให้เราสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้

แต่ถ้ากลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้นไม่สามารถเป็นคอมฟอร์ตโซนของเราได้ หรือการพูดคุยปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นทำให้เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ก็ควรจะหลีกเลี่ยงหรือลดเวลากับพวกเขาลงนะครับ เพราะพวกเขาจะทำลายความมั่นใจที่เราพยายามจะสร้างขึ้นใหม่และทำให้เราจมอยู่กับวังวนเดิม ๆ ไปไหนไม่ได้สักที

4. จำไว้ว่าไม่มีใครสนใจความล้มเหลวของเรามากเท่ากับตัวเราเอง

หลายคนอาจจะเคยคิดนะครับว่าคนนู้นจะมองฉันแย่ คนนี้จะมองว่าฉันเป็นคนล้มเหลว จนมันกลายเป็นความกดดันที่ทำให้เราไม่สามารถหลุดพ้นความผิดหวังที่ล้มเหลวได้สักที แต่จริง ๆ แล้วในแต่ละวันคนเรามีเรื่องมากมายให้ทำ เพราะฉะนั้นไม่มีใครมาสนใจความล้มเหลวของเราอย่างที่เราคิดหรอกครับ เรียนรู้จากความล้มเหลวนี้และก้าวต่อไปเพื่อทำให้คนอื่นเห็นว่าเราก็ประสบความสำเร็จได้ดีกว่าครับ

5. ระวังจะหมดไฟ

หลังจากที่เราตั้งเป้าหมายใหม่และกำลังจะเริ่มลงมือทำแล้วนะครับ สิ่งสำคัญต่อมาคือต้องกำหนดข้อจำกัดและขอบเขตสำหรับเวลาที่จะทำ พูดง่าย ๆ คือกำหนดขั้นตอนและเดตไลน์ให้เป้าหมายที่เราจะทำนั่นเอง

เพราะถ้าเราปล่อยเวลาไปเรื่อย ๆ ทำตามเป้าหมายไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดสิ้นสุด หรือไม่กำหนดเวลาในการทำที่แน่นอน รับรองเลยว่าเราจะเจอกับกับดักที่เรียกว่า “การหมดไฟ” และมันจะทำลายความมั่นใจของเราจากการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่สำเร็จอีกรอบ

“ยิ่งเราทำตามเป้าหมายได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจได้มากขึ้นเท่านั้น”

6. เชื่อมั่นว่าเราจะประสบความสำเร็จในอนาคต

ประการสุดท้าย คือ เราล้มเหลวได้ สูญเสียความมั่นใจได้ แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองสูญเสียความเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมีความเป็นไปได้ใหม่ ๆ มีโอกาสใหม่ ๆ รอเราอยู่

นอกจากเราจะต้องใช้ความพยายามเพื่อก้าวพ้นความผิดหวังและเรียกความมั่นใจของเราคืนมาแล้วเนี่ย ตัวแปรอีกอย่างหนึ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่มันจำเป็นมาก ๆ คือ เวลา

บาดแผลในใจเราต้องการเวลาในการรักษานะครับ แม้ว่าเราจะพยายามฟื้นฟูมันเท่าไหร่ แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการเยียวยาตัวเองเหมือนกัน คนบางคนอาจจะรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจากความผิดหวังสักที นั่นจะยิ่งเป็นการกดดันตัวเราเองและทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง

สิ่งสำคัญคือเราต้องให้เวลากับมันด้วย ปล่อยให้หัวใจของเราได้พักผ่อน ปล่อยให้ความคิดของเรามันตกตะกอน ปล่อยให้ระยะห่างระหว่างตัวเรากับความล้มเหลวมันเพิ่มขึ้น แล้วเมื่อถึงเวลานั้นเราจะได้เรียนรู้และมีมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับความล้มเหลวแน่นอน

บางครั้งการยอมรับและก้าวข้ามความล้มเหลวในอดีตก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่มองขึ้นไปบนฟ้าและเชื่อว่าสิ่งใหม่ ๆ กำลังรอเราอยู่และอะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น รวมถึงความสำเร็จที่รอเราอยู่ในสักวัน


Category:

Passion in this story