ในวัย 61 ปี ซีอีโอของ Netflix มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นแรงผลักดันจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 120 ในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2563
Covid-19 ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการ โดยเฉพาะการก้าวกระโดดของธุรกิจดิจิทัล เมื่อคุณประชุมผ่าน Zoom ซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce และเสพความบันเทิงผ่านทางออนไลน์สตรีมมิ่ง คุณได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสร้าง Digital Age เช่นเดียวกับผู้คนอีกหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ที่ถูกบังคับให้เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตไปสู่รูปแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ขณะที่ COVID-19 อยู่กับเรานานกว่าที่คาดคิด…ธุรกิจบันเทิงได้รับผลกระทบอย่างคาดไม่ถึง สื่อบันเทิงนอกบ้านบอบช้ำอย่างหนักจากการปรับพฤติกรรมสู่ Social Distance แต่นั่นกลับเป็นยุคทองของสื่อบันเทิงภายในบ้านเช่น Neflix ของ รีด ฮาสติงส์ (Reed Hasting, Co-Founder Netflix)
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ในวัย 61 ปี ซีอีโอของ Netflix มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ.2563 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นแรงผลักดันจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 120 ในสหรัฐอเมริกา
ขณะที่หุ้น Netflix ทำสถิติสูงสุดที่ 565.17 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564 และยังเดินหน้าทำสถิติใหม่ ควบคู่กับจำนวนผู้ใช้บริการ Netflix ทั่วโลกที่ทะยานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะ 200 ล้านคน แค่เฉพาะ 9 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2563 ก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นถึง 28.1 ล้านคน หรือทุก 1 ใน 40 คนจะต้องมีคนที่ใช้บริการ Netflix
ฮาสติงส์ เป็นมหาเศรษฐีที่ไม่ได้มีความคิดจะเป็นเจ้าของกิจการแต่แรก… เขาเกือบจะไปได้ดีในฐานะนาวิกโยธินเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็กลับมาเริ่มเรียน computer science ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และทุกสิ่งก็เริ่มต้นจากที่นั่น….ด้วยแรงบันดาลใจของความชอบและความรักล้วนๆ
ในปี พ.ศ. 2540 ฮาสติงส์ร่วมกับ Marc Bernays Randolph ก่อตั้ง Netflix โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการหรือไม่!!…แต่จากนั้นไม่นานชื่อของ Netflix ก็เป็นที่รู้จัก และในปี พ.ศ.2550 Netflix ก็เปิดตัวธุรกิจ Streaming ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Netflix กลายเป็นธุรกิจหมื่นล้านในปัจจุบัน
ฮาสติงส์เชื่อมั่นใจหลักการบริหารงานภายใต้แนวคิด First Principles เช่นเดียวกับ อีลอน มัสก์ โดยฮาสติงส์ใช้ First Principles ในการเปลี่ยนธุรกิจของ Netflix จากบริการเช่าดีวีดีในปี พ.ศ. 2533 เป็นบริการสตรีมมิ่ง จนประสบความสำเร็จเช่นปัจจุบัน
First Principles คือความคิดที่ว่า “ทุกสิ่งที่คุณทำอยู่ภายใต้ความเชื่อพื้นฐานหรือหลักการแรก แทนที่จะทำตามคำแนะนำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าหรือยึดติดกับกระบวนการของนักคิด” First Principles จะตั้งคำถามว่า อะไรดีที่สุดกับบริษัท และเราสามารถทำวิธีอื่นแทนได้หรือไม่ ซึ่งต่อมาแนวคิดดังกล่าวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรของ Netflix
ฮาสติงส์เล่าว่า ที่บริษัท Pure Software ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการทำตามกระบวนการมากกว่า First Principles เมื่อฮาสติงส์สร้าง Netflix จึงให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ Freedom and Responsibility นั่นคือให้ทุกคนทำในสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดสำหรับบริษัท…ซึ่งสะท้อนถึงการเปิดกว้างสำหรับแนวคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ
และแม้วันที่หนึ่งที่โควิดผ่านไป แต่คนส่วนใหญ่จะยังไม่เลิกใช้ Netflix นั่นเพราะบริการ Streaming ของ Netflix เป็นอะไรที่มากกว่าการดูโทรทัศน์ผ่านออนไลน์….เส้นทางการเติบโตของ Netflix จึงอีกยาวไกล
Category: