นับวันรูปแบบการหลอกลวงจะพัฒนารูปแบบและวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น จากวิธีการธรรมดา การหลอกยืมเงินโดยใช้บัญชีโซเชียลมีเดีย การส่งกล่องเปล่าและเรียกเก็บเงินปลายทาง การหลอกขายสินค้าผ่านออนไลน์แบบลงภาพของดีแต่ส่งขยะมาให้เจ็บช้ำน้ำใจ จนถึงวิธีการสุดล้ำอย่างการใช้ AI สร้าง DeepFake ขึ้นมาหลอกให้โอนเงิน ซึ่งเจ้า DeepFake นี้สามารถปลอมแปลงได้ทั้ง น้ำเสียง หน้าตา รูปร่าง และกิริยาท่าทาง

 

กรณีการหลอกให้โอนเงินนี้ เป็นการจารกรรมแบบคลาสสิกที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ในประเทศไทยเองก็มีการโทรศัพท์มาหลอกให้โอนเงินในหลากหลายรูปแบบ ทั้งหลอกว่าถูกรางวัล ธนาคารโอนเงินคืนให้ หรือได้คืนภาษี ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะรูปแบบใด ผู้ถูกหลอกก็มักจะต้องเสียทรัพย์ทุกครั้งไป มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ความโชคดีของแต่ละคน

 

สำหรับกรณีของ DeepFake โดยการใช้ AI หลอกให้โอนเงินนั้น เป็นกรณีคลาสสิกที่เกิดขึ้นในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2562 จากการเปิดเผยของบริษัทประกันสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Euler Hermes ถึงการหลอกลวงครั้ง

 

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ซีอีโอของบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษได้รับสายด่วนจากเจ้านายซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทแม่ที่เยอรมนี โดยเจ้านายชาวเยอรมันสั่งให้ลูกน้องของเขาโอนเงินจำนวน 220,000 ยูโร (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ให้กับตัวแทนซัพพลายเออร์ในฮังการี ซึ่งต้องโอนเงินเป็นกรณีเร่งด่วนและต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง เนื่องจากซีอีโอชาวอังกฤษจำสำเนียงเยอรมันที่โดดเด่นของเจ้านายได้ดี เขาจึงรีบอนุมัติการโอนเงินในทันที ทว่าโชคร้ายที่ซีอีโอชาวอังกฤษไม่ได้คุยกับเจ้านายของเขา แต่กลับคุยกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เลียนเสียงได้อย่างแนบเนียนและแอบอ้างตัวเป็นเจ้านายชาวเยอรมัน

 

ตามรายงานเบื้องต้น ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบบัญชีปลายทางการโอนเงินที่ประเทศฮังการี แต่ยังหาตัวผู้ต้องสงสัยไม่พบ ส่วนเงินที่โอนไปนั้นได้ถูกโยกไปที่เม็กซิโก และสูญสลายไปกับการยักย้ายถ่ายโอนเงินจนตามแกะรอยกันไม่ไหว

 

 

 

DeepFake เทคโนโลยีสุดเฟก 

DeepFake คือเทคโนโลยีการปลอมแปลงขั้นเทพ แปลงทั้งเสียง ทั้งหน้า รวมไปถึงกิริยาท่าทาง จนเราแยกไปออกว่า คลิปที่เราเห็นบนโลกออนไลน์นั้นเป็นคนจริงหรือคนปลอม จึงไม่น่าแปลกใจถ้าเราหรือเพื่อนเราจะถูกหลอกอย่างง่ายดาย

 

ก่อนหน้านี้ มีย้อนกลับไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่มีการโชว์ผลงาน DeepFake ที่ปลอมทั้งใบหน้า ท่าทาง การพูดของบุคคลสำคัญ ๆ ของโลกไม่ว่าจะเป็น Barack Obama หรือ Mark Zuckerberg ที่บอกได้เลยเนียนจนน่าใจหาย  ถึงขนาดล่าสุดเด็กหนุ่มสมองใส 2 คนได้ใช้ Deep-Fake นี้ ในการตัดต่อหน้าดาราดัง ลงในหนัง AV และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ก่อนจะถูกรวบตัวได้อย่างน่าเจ็บใจ

 

 

Facebook ออกตัวสกัด DeepFake

ปัจจุบัน Deep-Fake ได้กลายเป็นปัญหาระดับโลก ที่อาจจะถูกเปลี่ยนไปเป็นอาชญากรรมภัยคุกคาม และความเสียหาย ลองนึกเล่นๆ ว่า เช้าวันหนึ่งมีภาพตัดต่อภาพผู้นำประเทศลงในโซเชียลมีเดียออกมาประกาศยุบสภา อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง….ภัยคุกคามนี้จึงเป็นความตื่นตระหนกของผู้ให้บริการบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่มีการอัพโหลดวีดิโอระดับล้านคลิปต่อวัน

 

ล่าสุด Facebook เองก็ประกาศว่าได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตรวจจับ DeepFake ได้อย่างแม่นยำ โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้น  โดย Facebook ได้ฝึก AI ของพวกเขา ให้วิเคราะห์ภาพ จากฐานข้อมูลภาพปลอม ที่ถูกผลิตจาก DeepFake จำนวน 100,000 รูป จากภาพต้นฉบับ 100 รูป เพื่อให้ AI ตรวจสอบ วิเคราะห์โครงรูปของภาพ เพื่อแยกว่าภาพไหนคือภาพจริง และภาพไหนคือภาพปลอม แต่กระนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ผลการวิเคราะห์มีความแม่นยำระดับใด

 

 

 

DeepFake ภัยคุกคาม ความเสียหาย

เจ้า DeepFake นี้ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างไร เพราะเทคโนโลยี AI และ DeepFake นี้ ได้ถูกทำมาเป็นแอปให้คนไทยได้สนุกสนานเพลิดเพลิน

 

กรณีที่น่าศึกษาอันหนึ่งเป็น เรื่องราวของนาย โมริตะ ทาคุมิ ชาวญี่ปุ่นและเพื่อนมหาวิทยาลัยอีก 2 คนที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการตัดต่อใบหน้าของดาราลงในหนัง AV แล้วลงขายในอินเทอร์เน็ต ปรากฎว่าเด็กทั้ง 3 ทำคลิปออกมาถึง 150 คลิปสามารถสร้างรายได้ถึง 8 แสนเยนในเวลาไม่นาน พร้อมๆ กับสร้างความเสียหายให้เหล่าดาราหญิงกว่า 200 คน

 

โดยในการใช้เทคโนโลยี AI Deep Fake นี้ก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอันใด ขอแค่มีคลิปวีดิโอและเสียงของเป้าหมายซึ่งหาได้ง่ายๆ ตาม YouTube หรืองานประชุมสัมมนา ก็สามารถสร้างคลิปที่ตื่นตะลึงเหล่านี้ได้แล้ว ซึ่งคุณภาพของการทำบนฐานข้อมูลเหล่านี้อยู่ในระดับ ก๊อปมิลเลอร์เกรด A+ เลยทีเดียว

 

 

วันนี้คนไทยยังตื่นตัวกับภัยคุกคามเหล่านี้กันน้อยมาก คนส่วนใหญ่ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกและใช้แอปนี้กันแทบทุกคน โดยที่ไม่รู้ทุกคนที่เลนแอปเหล่านี้ เป็นความกล้าหาญชาญชัยอย่างมาก เพราะวันนี้คุณได้ให้ฐานข้อมูลอันมีค่ามีความสำคัญไปกับคนอื่นอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าผู้ที่ไม่หวังดี สามารถเอาข้อมูลของคุณไปใช้ทำอะไรได้บ้าง

Passion in this story