ณรงค์ สีตลายน” กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย (GWM) ในยุคที่กระแสการดิสรัปชัน กำลังโหมกระหน่ำกลืนกินธุรกิจโลกเก่าที่ไม่สามารถปรับตัวได้ ทั้งธุรกิจ การเงิน รีเทล สื่อสาร และแม้กระทั่งธุรกิจยานยนต์ ที่ก็หนีไม่พ้นคลื่นของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขณะที่ Deloitte analysis ประเมินว่า ทั่วโลกจะมีรถยนต์ไฟฟ้า (xEV)ใช้งานอยู่ 2.5 ล้านคันในปี 2020 และจะเพิ่มเป็น 11 ล้านคันในปี 2025 และ 31 ล้านคันในปี 2030 

เป็นโอกาสดีที่ Passion Gen ได้เข้าสัมภาษณ์ “ณรงค์ สีตลายน” กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย (GWM) น้องใหม่ในตลาดรถยนต์ ที่ไม่มาเพื่อขายรถยนต์ แต่มาพร้อมความมุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์ในการเปลี่ยนผ่านตลาดรถยนต์เมืองไทยให้ก้าวสู่รถยนต์พลังงานสะอาด

 

ณรงค์ สีตลายน เป็นผู้บริหารคนหนึ่งที่คร่ำหวอดในธุรกิจรถยนต์มามากว่า 10 ปี และยังมีประสบการณ์ในการทำงานบริษัทด้านไอที และยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ในธุรกิจ Startup ทำให้เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่มีมุมมองหลากหลายครบเครื่อง ทั้งธุรกิจในโลกเก่า และธุรกิจในโลกใหม่ และด้วยวิสัยทัศน์ของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาจึงได้รับการทาบทามให้มานั่งบริหาร GWM ค่ายรถยนต์น้องใหม่ที่บริหารธุรกิจด้วยแนวคิดสตาร์ทอัพ ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ด้วยมุมมองใหม่ แนวคิดใหม่ รถยนต์รูปแบบใหม่ และวิธีการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ 

 

“ผมตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าเราจะอยู่ในโลกเก่าไปเรื่อยๆ หรือผมจะออกมาเรียนรู้และพยายามจะเชื่อมโลกเก่ากับโลกใหม่เข้าด้วยกัน จึงตัดสินใจออกจากธุรกิจรถยนต์เข้าสู่วงการสตาร์ทอัพ และนั่นเป็นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมได้มาร่วมงานกับ GWM”

 

 

อยากให้เล่าถึงเรื่องของวิสัยทัศน์ ปณิธาน และแรงบันดาลใจ ของคุณณรงค์ในการผลักดันธุรกิจรถยนต์พลังงานสะอาด

เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ แต่ธุรกิจในวงการรถยนต์เครื่องสันดาปมีการพัฒนาอย่างล้าช้าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา และยังไม่มีเทคโนโลยีมาทดแทน มีเพียงเครื่องยนต์ที่เร็วขึ้น แรงขึ้น ถึงปัจจุบันเรากำลังก้าวสู่โลกยุคใหม่ โลกที่สะอาดขึ้น โลกที่จะขับเคลื่อนด้วยยานยนต์พลังงานไฟฟ้า

 

วิสัยทัศน์ของ GWM ก็ชัดเจนว่า  เรามุ่งมั่นที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนถ่ายครั้งนี้อย่างตั้งใจ เราประกาศวิสัยทัศน์ในงานเปิดตัวแบรนด์ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ว่า  GWM จะเข้ามาเป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย หรือ xEV Leader รถยนต์ทุกรุ่นที่เราจะมีการเปิดตัว แทบจะทุกรุ่นแล้วจะเป็นรถที่ประกอบด้วยแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด และเรายังมีแผนว่าภายใน 3 ปีนี้เราจะเปิดตัวรถยนต์ทั้งหมด 9 รุ่น ซึ่งทั้ง 9 รุ่นเป็นรถ xEVทั้งหมด ตรงนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจจะเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

 

GWM เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญในเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างมาก เรามีงบวิจัยพัฒนาที่สูงในอุตสาหกรรม เรามีศูนย์พัฒนาและวิจัย (R&D) ทั้งหมด 10 แห่งใน 7 ประเทศเพื่อพัฒนานวัตกรรมของยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้ศักยภาพที่เข้มแข็งของแต่ละประเทศ เรามีศูนย์ยานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Center) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ศูนย์พัฒนาในเรื่อง Fuel Cell และ Hydrogen Fuel Cell ที่เยอรมนีและออสเตรีย มีศูนย์วิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีศูนย์วิจัยทางด้าน Big Data ที่ประเทศอินเดีย เป็นต้น แล้วเรานำทุกอย่างที่ได้มาประกอบกันเป็นนวัตกรรม เพื่อทำให้รถยนต์ของ GWM มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

 

 

อยากให้เล่าถึงการสร้างแบรนด์ GWM

การสร้างแบรนด์ผมคิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถึงแม้ GWM จะเป็นที่รู้จักและเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมากในประเทศจีนและตลาดโลก แต่เรายังใหม่ในตลาดประเทศไทย เราเข้ามาช่วงการเปลี่ยนผ่านพอดีจึงต้องสร้างความชัดเจนว่า GWM มีความแตกต่างใน 2 ด้าน

 

ด้านแรก ผลิตภัณฑ์ เราจะเข้ามาเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้า หรือ xEV อย่างเต็มรูปแบบ

 

ด้านที่สอง ประสบการณ์ลูกค้า เราต้องการเข้ามาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางด้านประสบการณ์ลูกค้าในประเทศไทย ปัจจุบันการเป็นเจ้าของรถสักคันเป็นเรื่องยุ่งยาก เป็นไปด้วยความไม่ไว้วางใจ เราจะต้องเดินไป 5 โชว์รูม 10 โชว์รูม เพื่อที่เราจะได้ราคาที่ดีที่สุด และราคาที่ดีวันนี้พรุ่งนี้ก็อาจจะมีราคาที่ดีกว่า

 

ก่อนบุกตลาดในเมืองไทยอย่างจริงจัง GWM ได้ทำการสำรวจตลาดโดยพูดคุยกับลูกค้า ดีลเลอร์ ซัพพลายเออร์และพาร์ทเนอร์ ถึงเรื่องของ Pain Point ในธุรกิจรถยนต์ว่าทุกคนคิดเห็นอย่างไรกับธุรกิจนี้ เราได้รับข้อมูลเยอะมากในเรื่องของธุรกิจรถยนต์ แล้วเราเอาข้อมูลมาประมวลผล จนในที่สุดวันนี้เราพูดได้ว่าเราเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าด้วย New Retail Experience ผ่านประสบการณ์ Offline-to-Online Channel (O2O) โดยการเปิดตัว GWM Store แห่งแรกโลกที่เซ็นทรัลบางนาเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งสโตร์แห่งนี้ไม่ได้เป็นโชว์รูม แต่เป็น User Live Space สำหรับลูกค้า GWM และผู้ที่สนใจ 

 

 

สโตร์ของ GWM ให้ประสบการณ์ใหม่กับลูกค้าอย่างไร

ประสบการณ์ของลูกค้าเริ่มตั้งแต่การเสาะหาข้อมูล โดยทั่วไปแล้วลูกค้ายุคใหม่จะไม่เชื่อแบรนด์ จะหาความรู้จากคนข้างเคียง กูรู GWM Store เปิดกว้างให้เกิดการสร้างคอมมูนิตี้ ให้คนมารีวิวประสบการณ์ต่างๆ ไม่ปิดกั้นว่าจะต้องใช้รถของ GWM ที่สโตร์จะให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ดี และหากคุณสนใจรถยนต์ของ GWM คุณก็สามารถเข้าใช้บริการผ่านแอปฯได้เลย สามารถเลือกดูสเปค ดูสี ดูภาพ 360 องศา ดูวีดิโอประกอบ และสามารถจองทดสอบรถได้ทันที จะมาเทสรถที่สโตร์หรือในอนาคตจะให้เราขับไปเทสถึงหน้าบ้านก็ได้  ซึ่งในปีนี้เราก็วางแผนจะเปิดออฟฟิเชียล สโตร์ทั้งหมด 10 แห่ง และพาร์ทเนอร์สโตร์อีก 20 แห่ง

 

ถ้าสนใจจะจองซื้อรถ ก็สามารถเข้าระบบอีคอมเมิร์ซของ GWM ได้ทันที ลูกค้าสามารถเลือกออฟชั่นทุกอย่างจากแอปฯ ได้ก่อนจะสั่งซื้อ เมื่อสั่งซื้อแล้วลูกค้าสามารถติดตามความคืบหน้าได้ทุกขั้นตอน จนกว่าจะได้รับรถ ซึ่งการรับรถเองก็ยังเลือกได้ว่าจะไปรับรถเอง หรือให้เป็นของขวัญกับคนที่รักก็ย่อมได้ ทั้งหมดนี้เป็นบริการที่เกิดขึ้นในระบบของ GWM 

 

ซึ่งลูกค้าไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด และที่สำคัญราคารถของ GWM มีความโปร่งใสชัดเจนและเป็นระบบราคาเดียวทั่วประเทศ ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางใด

 

เราวางรากฐานให้ GWM อย่างไร

การทำให้แบรนด์เติบโตได้มีหลายมิติ มิติหนึ่งของความน่าเชื่อถือก็คือ เรื่องการที่เรามาลงทุนเองด้วยในการเปิดออฟฟิเชียล สโตร์ รวมถึงการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ โมเดลธุรกิจของเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง GWM ไม่ใช้ระบบดีลเลอร์ แต่เปลี่ยนเป็นระบบพาร์ทเนอร์ ซึ่งพาร์ทเนอร์จะทำหน้าที่โอเปอเรเตอร์ ให้บริการในทุกจุดสัมผัสให้ลูกค้าพึงพอใจในการทดสอบรถ ลูกค้าพึงพอใจในเรื่องของกระบวนการขาย ลูกค้าพึงพอใจในเรื่องของกระบวนการส่งมอบรถ โดยที่ไม่ต้องซื้อรถ เป็นเจ้าของรถ และสต๊อกรถ

 

สิ่งเหล่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดที่ทำให้เกรท วอลล์ มอเตอร์ เติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ GWM คิดเอง แต่เกิดจากการลงพื้นที่ไปพบปะรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและพาร์ทเนอร์

 

เป้าหมายของ GWM ในปีนี้คืออะไร

ภายในปีสองปีแรก เป้าหมายของเราคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราเข้าไปนั่งอยู่ในใจลูกค้า หรือเป็น Top of  Mind เป้าหมายเราน่าจะเข้าไปเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ในใจของลูกค้าไม่ว่าจะเป็น SUV หรือรถที่จะออกในอนาคต สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ และสร้างความผูกพันของลูกค้ากับแบรนด์ให้เร็วที่สุด ด้วยแนวคิดในการธุรกิจ ความจริงใจ และความโปร่งใสในธุรกิจ จะทำให้เราเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ เราอยากเป็นแบรนด์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงในทุกมิติจริงๆ เรามีอีกหลายอย่างที่ทำให้ลูกค้าเชื่อได้ว่า มีแบรนด์แบรนด์หนึ่งที่อยากเข้ามาเปลี่ยนแปลง ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า มีมาตรฐานสูงที่คนไทยควรจะต้องได้รับ ไม่ว่าในเรื่องของสเปครถยนต์เอง หรือว่ารูปแบบการบริการ

 

 

จุดเด่นของรถยนต์ GWM เทียบกับคู่แข่งแล้วเป็นอย่างไร 

GWM ให้ความสำคัญกับ R&D ค่อนข้างเยอะ รถยนต์ของ GWM จึงมีเทคโนโลยีที่โดดเด่น ซึ่งมีบริษัทรถยนต์น้อยมากที่จะมี GWM มี โกลบอลแพลตฟอร์มของตัวเอง ที่ผ่านมาเราเปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ เลมอนแพลตฟอร์ม (GWM Lemon Platform) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รถยนต์เป็นโมดูลที่สามารถยืดได้ขยายได้ สามารถรองรับเพาเวอร์เทรนที่แตกต่างกันได้ถึง 24 เพาเวอร์เทรน ตั้งแต่รถยนต์ที่เป็นสันดาปใน รถยนต์ไฮบริด (HEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) หรือกระทั่งรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ทำให้รถยนต์คันหนึ่งสามารถพัฒนาเป็นรถได้หลายรุ่น เป็นทั้งซีดาน ครอสโอเวอร์ เอ็มพีวี และเอสยูวีได้ ทำให้เราสามารถออกแบบรถเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ตรงกับความต้องการลูกค้ามากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น นั่นคือเรื่องความโดดเด่นทางด้านแพลตฟอร์ม

 

อีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วคือแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อ เราเรียกว่า คอฟฟี่แพลตฟอร์ม (GWM Coffee Intelligence System) คอฟฟี่ฯ จะทำให้รถยนต์เป็นเหมือนดีไวซ์อีกเครื่อง สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ IoT (Internet of things) รถของ GWM สามารถสื่อสารกันได้ สื่อสารกับป้ายจราจรและอุปกรณ์อื่นๆ บนท้องถนนได้ ในบ้านเองก็สามารถเชื่อมต่อกับดีไวซ์ในบ้าน คอฟฟี่ฯ สามารถเตือนเราว่า อย่าลืมแวะซื้อนมก่อนกลับบ้าน เพราะไอโอทีดีไวซ์ในตู้เย็นเตือนมา

 

แม้กระทั่งขณะขับรถแล้วง่วงนอน เซ็นเซอร์ของรถจะจับม่านตาได้ว่าเราเริ่มง่วง คอฟฟี่ฯ อาจจะถามว่า เราจะแวะร้านกาแฟ A ข้างหน้าไหม แล้วระบบก็จะโชว์ร้านกาแฟ A ในระยะ 15 นาที ซึ่งรถของ GWM จะมี AI ที่รู้จักนิสัยเรา รู้ว่าเราชอบทานกาแฟอะไร หรือระบบจะสามารถสั่งให้กาแฟและชำระเงินให้เราได้เลย เราเพียงขับไปถึงและรับกาแฟเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เราใส่เข้าไป ทางด้านของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ

 

สุดท้ายที่เป็นอะไรที่โดดเด่นมากๆ ที่เราค่อนข้างภูมิใจก็คือ เราเป็นบริษัทเจ้าแรกที่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีในการผลิตแบตเตอรี่บนรถไฟฟ้าแบบ นิเกิ้ลแมงกานิส หรือ NMS โดยไม่ต้องใช้โคลบอลต์ที่ราคาสูงและเป็นอันตรายกับสิ่งแวดล้อม NMS ทำให้รถมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ทั้งระยะทางวิ่ง และระบบระบายอากาศ ในงานมอเตอร์โชว์ เราเปิดตัวรถ ORA Good Cat รถไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเราจะเข้ามาเติมเต็มให้คนไทยได้มีโอกาสเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพที่ดีและมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า

 

อะไรเป็นหัวใจของความสำเร็จของคุณณรงค์ และ GWM

ผมคิดว่าเราต้องเป็นคนไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ผมเองแม้จะมีอายุไม่น้อยแต่ผมไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ ต้องเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้ว พร้อมที่จะพัฒนาตัวเองตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา โลกกำลังเข้าสู่ยุคของการการดิสรัปชันในทุกมิติเลย ไม่ว่าจะเป็นอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์กิ้ง ไฟแนนซ์ เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะทำงานกับคนรุ่นใหม่ เปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่าง อย่าคิดว่าที่เราเรียนรู้มา ที่เราทำมาจะเป็นสิ่งที่ใช้ได้ไปตลอด

 

ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เราต้องเข้าไปนั่งในฝั่งผู้บริโภคให้ได้ ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ เราไม่สามารถที่จะคิดเองได้ ทาง GWM เริ่มต้นก็ตั้งใจเลยว่า เราต้องเป็นแบรนด์ที่รับฟังเสียงผู้บริโภค จึงจัดแคมเปญ Get to Know Thai Consumers ขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว เราเอาผู้บริหารทั้งหมดตั้งแต่ประธานบริษัท ไดเร็คเตอร์ สตาฟทุกแผนก

 

แบ่งทีมกันไปลงไปพูดคุยกับผู้บริโภค ดีลเลอร์ และพาร์ทเนอร์ เพื่อถามถึง Pain Point และความต้องการในเรื่องรถยนต์ เพื่อดูว่า แนวโน้มของคนรุ่นใหม่คิดอย่างไรกับการมีรถสัก 1 คัน เขาคำนึงถึงอะไร เขามองอะไร โซลูชันในใจเขาที่เขาคิดไว้คืออะไร ทำให้เราได้ข้อมูลเชิงลึกค่อนข้างมาก สามารถนำมาออกธุรกิจได้

 

การที่เราเรียนรู้ไม่หยุด การมองจากฝั่งผู้บริโภค ทำให้เราสามารถพัฒนา Business Model ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มาก และเป็นหนึ่งในสองปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้เกรท วอลล์ เติบโตขึ้น แล้วก็มีความชัดเจนขึ้นในตลาดเมืองไทย

 

 

คนรุ่นใหม่จะประสบความสำเร็จได้ อะไรเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้

ความสำเร็จไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว ความสำเร็จเป็นเรื่องของระบบความคิด เราต้องถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าเรามีความคิดเชิงบวกไหม เราเชื่อในคุณค่าตัวเองแค่ไหน ถ้าอยากเห็นรูปแบบความสำเร็จที่ฉาบฉวย เปิดโซเชียลได้เลย แต่หากอยากเห็นความสำเร็จที่เป็นของจริง ผมแนะนำให้พูดกับตัวเองบนกระจกบ่อยๆ คุยกับตัวเองให้รู้เรื่อง ว่าเราคิดอย่างไร เราวางเป้าหมายอย่างไร ถ้าเราเชื่อในคุณค่าของตัวเราเองว่า อะไรก็เป็นไปได้ เรียกว่า Can-do 

 

ส่วนที่เหลือคือเรืองของการตั้งเป้าหมาย ผมว่าการตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ มีการคุยค่อนข้างเยอะแต่มีคนทำ ไม่เยอะ คำว่าเป้าหมายของผมคือเป้าหมายในทุกมิติ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องสุขภาพ เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องจิตวิญญาณ เราต้องทำให้ครบทุกด้านว่าเป้าหมายแต่ละด้านเราเป็นอย่างไร

 

พอเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว Discipline หรือวินัย เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก บางคนมีเป้าหมายแล้วรอให้เป้าหมายวิ่งเข้ามาหา อันนี้ไม่ใช่ เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย เราแบ่งเวลาอย่างไร เราทุ่มเทขนาดไหน เราตั้งใจขนาดไหน ในเรื่องของการแบ่งเวลาก็ดี การจัดลำดับในบทบาทต่างๆ บทบาทเจ้านายในบริษัท สามีภรรยา พ่อของลูก ลูกของคุณแม่ เราต้องเซตบทบาทให้สมดุลกัน แล้วระหว่างทางเราจะเห็นขั้นตอนต่างๆ ที่พาให้เราเข้าใกล้เป้าหมาย เราจะมีความสุข 

 

เรื่องสุดท้ายที่อยากฝากไว้กับน้องๆ ก็คือเรื่องของการเป็นคน Top 3% ให้ได้ สำหรับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จต้องถามตัวเองก่อนว่า เราทุ่มเทพอไหม เราต้องมี Role Model ที่ดี แล้วพยายามหาว่าคนที่เป็น Top3% ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นแล้วดูว่าเขาทำอะไรที่ต่างจากเรา พยายามศึกษาเรียนรู้จากเขา และที่สำคัญคือ อย่าปฏิเสธโอกาส เพราะโอกาสทุกอย่างจะเชื่อมให้เราจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย 

 

“เกรท วอลล์ มอเตอร์ เราตั้งใจมากที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยใน 2 มิติ คือ เทคโนโลยีและประสบการณ์ลูกค้า ผมอยากให้คนไทยจดจำ 3 คำ คือ New Energy, New Experience และ New Luxury”

 

New Energy เราต้องการเข้ามาเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เต็มรูปแบบในประเทศไทย สามปีนี้เราเจอแน่ 9 รุ่นจาก GWM และในปีนี้จะมีการเปิดตัวรถทั้งหมด 4 รุ่นจาก 2 แบรนด์ ได้แก่ All New Haval H6 Hybrid SUV และ ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 

 

New Experience เราจะเป็นเจ้าแรกที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในเรื่องออนไลน์ทูออฟไลน์ให้กับลูกค้า ว่าการซื้อรถและบริการบนปลายนิ้วสัมผัสเนี่ย มันมีจริงและเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้วที่ GWM 

 

สุดท้ายคือ New Luxury ไม่ใช่เป็นในเรื่องความแพงและความฟุ่มเฟือย แต่คือสิ่งที่เราอยากบอกให้คนไทยทราบถึง เรื่องของรถยนต์ที่มีคุณภาพดี เทคโนโลยีชั้นนำที่ต้องมี  และบริการระดับ Luxury  เราอยากจะทำให้เกิดขึ้นจริงๆ บน GWM

 

ความเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด GWM  คงต้องถูกรับน้องจากคู่แข่งในตลาด แต่ด้วยความแตกต่างในทุกแง่มุม และสนนราคารถยนต์ที่เป็นเจ้าของได้ จึงเชื่อว่า GWM มีโอกาสแจ้งเกิดในตลาดเมืองไทย ส่วนจะก้าวกระโดดไปได้ไกลขนาดไหนคงต้องอยู่ที่ฝีมือการบริหาร และการผลักดันให้เกิดมิติใหม่ด้านยานยนต์กับสังคมไทย

 

Passion in this story