สัปดาห์ที่ผ่านมา Real Size Beauty ถูกกล่าวถึง และเป็นกระแสในสื่อโซเชียลบ้านเราอย่างมากจาก Ann Anchilee Scott Kemmis – แอน แอนชิลี สก็อต เคมมิส Miss Universe Thailand 2021 ที่พกพาทั้งรูปร่าง ความเชื่อมั่น ไหวพริบที่ผสมผสานอย่างลงตัว ส่งพลังบวกในตัวเธอสะกดทุกสายตาผู้ชมที่เห็นแล้วต้องเชียร์ จนทำให้เธอคว้ามงกุฎมาครองได้สำเร็จ และไม่อาจปฏิเสธความแรงของแอนที่ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงทัศนคติเชิงบวกของรูปร่างอย่าง Real Size Beauty ที่เป็นแพชชั่น (Passion) ผลักดันให้แอนก้าวสู่เวทีประกวดนางงามระดับ Miss Universe Thailand  และแอนได้เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เป็นกระบอกเสียงส่งสารให้โลกรับรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหนก็สวยได้ในแบบของคุณ โดยคุณได้ดูแลรูปร่างในแบบของคุณเป็นอย่างดีแล้ว

 

 

แอนได้จุดประเด็นสังคมด้านความงาม ปลูกฝังทัศนคติความสวยงามของรูปร่างในมิติใหม่ให้กับผู้หญิงไทยทั้งประเทศ และคงต้องมาลุ้นกันต่อว่า Real Size Beauty กับความปังทั้งหมดในตัวเธอจะส่งให้แอนไปคว้ามงกุฎในเวที Miss Universe 2021ที่จะจัดขึ้น ณ ประเทศอิสราเอลกลับมาให้คนไทยชื่นชมได้หรือไม่ นอกจากแอน แอนชิลี ยังมีอีกหลายสาวงามที่ไม่ได้พาแค่ความสวยมาเดินบนเวที แต่พวกเธอได้นำ แพชชั่น มาสร้างแรงบันดาลใจ เสมือนกำหนดเป็นประเด็นสังคมที่เป็นพลังบวกผ่านเสียง และความเป็นตัวตนของพวกเธอไปให้กับคนทั่วโลก Passion Gen พาแฟนเพจย้อนดู Passion บนเวที Miss Universe 

 

Zozibini Tunzi – โซซีบีนี ทุนซี  Miss Universe 2019 ทุนซีเป็นนางงามผิวสีที่โดดเด่น มีความมั่นใจ และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนอย่างมาก ประโยคทองของเธอที่ได้ประกาศก้องบนเวที Miss Universe ไม่เพียงส่งพลังสะกดทุกสายตาบนเวที แต่สะท้อนให้เห็นถึง Passion และแรงบันดาลใจจากการเติบโตมาในสังคมที่ผู้หญิงผิวสีแบบเธอไม่เคยถูกมองว่าสวย แต่การได้สวมมงกุฎมิสยูนิเวิร์สจึงเป็นการก้าวข้ามชุดความคิดแบบเดิม ๆ สู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ (Norms) ของความสวยที่ผู้หญิงผิวสีก็สวยได้ และสวยอย่างมีคุณภาพระดับมิสยูนิเวิร์ส กล่าวได้ว่าเธอคือผู้จุดประกายประเด็นสังคมด้านความสวยให้กับเด็ก และผู้หญิงผิวสี ควบคู่กับการเปิดมุมมองใหม่ให้กับคนทั่วโลกในขณะเดียวกัน 

 

“I grew up in a world where a woman who looks like me – with my kind of skin and my kind of hair – was never considered to be beautiful, and I think that it is time that that stops. I want children to look at me and see my face and I want them to see their faces reflected in mine.” – ฉันเติบโตมาในสังคมที่ผู้หญิงที่มีสีผิวอย่างฉัน ผมแบบฉัน ไม่เคยถูกมองว่าสวย แต่ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ความคิดเหล่านั้นจะต้องหยุดลง ฉันอยากให้เด็กๆ มองมาที่ฉัน มองหน้าของฉัน และอยากให้พวกเขาได้เห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนผ่านตัวตนของฉัน

Zozibini Tunzi Miss Universe 2019 

 

ไม่แตกต่างกับ ‘H’ Hen Nie’ – เห่อแฮน เนีย Miss Universe Vietnam 2018  เฮอ เฮิน เนีย สาวงามกลุ่มชาติพันธุ์ ชนเผ่าเอเด กับแพชชั่นที่ต้องการส่งเสริมด้านการศึกษา และเพิ่มทักษะทางอาชีพให้กับผู้หญิง ด้วยแรงบันดาลใจที่ต้องการปรับทัศนคติและแนวคิดของชุมชนเอเดบ้านเกิดของเธอ ที่ตีกรอบ และจำกัดชีวิตผู้หญิงให้เติบโต ทำเรือกสวน ไร่นา การเกษตร แล้วออกเรือนแต่งงานเมื่ออายุเพียง 14 ปี ตามวัฒนธรรมชุมชนที่เป็นสังคมเกษตรกรรมมีความต้องการแรงงานมาช่วยทำงานด้านการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ แต่เห่อแฮน เนีย มองไปไกลกว่านั้น เพราะรูปแบบชีวิตที่จบลงด้วยการแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่หนทางเดียวของชีวิตผู้หญิง เธอจึงใช้เสียง และพลังของเธอเป็นต้นแบบให้เห็นว่า การกล้าออกมาสู่โลกภายนอก ทำงานในเมือง ส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ เพิ่มพูนทักษะองค์ความรู้ แล้วมายืนถึงจุดนี้สามารถทำได้ เธอคือแรงบันดาลใจ ผู้จุดประกายความฝันให้กับผู้หญิงอีกมากมายในชุมชนเอเด 

 

นอกจากแพชชั่น และแรงบันดาลใจที่เธอมุ่งมั่นแล้ว การตอบคำถามในรอบ 5 คนสุดท้ายบนเวทียังสอดรับกับประเด็นสังคมด้านสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงที่เธอมีความตั้งใจในการรณรงค์ส่งเสริมไม่แพ้กัน เมื่อเธอถูกถามเกี่ยวกับแคมเปญ #Metoo ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับการต่อต้านการข่มเหงทางเพศสำหรับผู้หญิงทั่วโลก โดยเธอมีความเห็นว่า การขับเคลื่อนแคมเปญ #Metoo นั้น มันไม่ได้มีความเกินเลยแต่อย่างใด แต่มันยังขับเคลื่อนไปไม่ไกลพอ เพราะการคุ้มครองความเป็นอยู่ของผู้คนจากการล่วงละเมิดทางเพศ การพิทักษ์ผู้หญิง เป็นสิทธิอันล้ำค่า พวกเราทุกคนต้องการการคุ้มครอง ชีวิตเราจำเป็นต้องมีเสรีภาพ

 

 

เฮอ เฮิน เนีย มิสยูนิเวิร์สเวียดนาม ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เวียดนาม ทั้งการผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายในรอบกว่าสิบปีที่ไม่เคยมีสาวงามเวียดนามคนใดทำได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเธอได้จุดประกายประเด็นสังคมให้กับผู้หญิงเวียดนามในบ้านเกิดของเธอตามแพชชั่นที่เธอตั้งเป้าหมายว่าหากผู้หญิงได้รับโอกาสและการฝึกฝนที่เพียงพอ ไม่ว่าใครก็เลือกอาชีพและเส้นทางชีวิตของตนเองได้ ซึ่งแพชชั่นนี้ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงเวียดนามเท่านั้น แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปสู่สตรีทั่วโลกอีกด้วย 

 

เช่นกันกับ Angela Ponce – อังเคลา ปอนเซ Miss Universe Spain 2018  ที่สร้างประวัติศาสตร์ และจุดประกายประเด็นสังคมในการสร้างการยอมรับและตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และเคารพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเคารพในเสรีภาพแห่งการเลือกเพศสภาพ เพราะเธอคือสตรีข้ามเพศคนแรกบนเวทีมิสยูนิเวิร์สที่ปลุกจิตวิญญาณ และสร้างความภูมิใจให้กับคนข้ามเพศ และกลุ่ม LGBTQ+ ให้ได้รับการยอมรับ และมีความเท่าเทียมกัน ปอนเซเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น เข้าใจและยอมรับในตัวตนที่แท้จริง อีกทั้งยังสนับสนุนให้เธอดำเนินชีวิตตามความใฝ่ฝัน เธอได้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศเมื่ออายุ 22 ปี เธอจึงมีครอบครัวเป็นแรงสนับสนุนให้เธอก้าวไปสู่ความฝันของการมีเพศสภาพตามที่เธอต้องการ ปอนเซจึงเป็นตัวแทน เป็นกระบอกเสียงของ LGBTQ+ สร้างกระแสสังคมที่ไม่ได้เป็นแค่กระแส แต่เป็นการยอมรับ เปิดใจทางความคิด และความตระหนักให้กับสตรีข้ามเพศทั่วโลก 

 

 

ปัจจุบันเวทีประกวดนางงามไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่อง หรือยลโฉมใบหน้า ขาอ่อน แต่เวทีนางงามระดับ Miss Universe ให้อะไรมากกว่าความสวย เพราะเวทีนี้คือเวทีที่จุดประกาย กำหนดประเด็นทางสังคมผ่านแพชชั่น ที่เป็นแรงผลักดันของสาวงาม นำไปสู่ต้นแบบ ผู้นำทางความคิด ปลุกกระแสสังคม สร้างพลังบวกที่พร้อมจับมือผู้หญิง และสตรีข้ามเพศให้ก้าวข้ามไปสู่เป้าหมายได้อย่างสำเร็จ 

Category:

Passion in this story