ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่เพิ่งผ่านมา คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ชื่อว่าโคโรนา (CORONAVIRUS) เพียงไม่กี่วันจนถึงขณะนี้ เชื้อไวรัสตัวนี้ได้แพร่กระจายไปแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการแพทย์ สาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม การใช้ชีวิต และสภาพจิตใจของผู้ประสบภัยและคนใกล้ชิดไม่น้อย

ท่ามกลางวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น มีรายงานบางส่วนอ้างว่า มีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศตะวันตกประเมินสถานการณ์ไว้ว่า หากรัฐบาลจีนไม่สามารถควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนาได้ อาจมีคนตายมากถึง 60 ล้านคนจากทั่วโลก ตัวเลขนี้คำนวณและประมวลผลโดยการใช้ Super AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง

การระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้กำลังทุบเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกด้วย เช่น การเลื่อนเปิดตลาดหุ้นในเซียงไฮ้และเสินเจิ้นออกไป เพื่อปกป้องตลาดเงินของจีน การอนุญาตให้คนหยุดงานอยู่ที่บ้านซึ่งอาจจะส่งผลต่อปริมาณงานรวม หรือการปิดร้านกาแฟและร้านค้าต่างๆทั่วประเทศ ไม่นับรวมอุตสากรรมการท่องเที่ยวและการเดินทาง โดยเฉพาะการเข้าออกอู่ฮั่น เรียกได้ว่าแทบจะหยุดนิ่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ในอีกมุมหนึ่งพบว่ารัฐบาลและประชาชนชาวจีน กำลังได้รับความชื่นชมอย่างมากจากคนทั่วโลก กลายเป็นภาพจำที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจในยุควิกฤติได้เป็นอย่างดี

อาจกล่าวได้ว่าข้อดีอย่างหนึ่งของประเทศจีน คือ การมีรัฐบาลที่เอาจังเอาจังกับการแก้ไขปัญหา เรียกได้ว่าสามารถสั่งหันซ้ายหันขวา หรือกำหนดแนวทางปฏิบัติและบังคับใช้อย่างได้ผล

ตัวอย่าง เช่น การประกาศสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับรักษาโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ให้เสร็จภายใน 10 วัน มีการถ่ายทอดสดการก่อสร้างให้ทั่วโลกเห็นความคืบหน้าตลอดเวลา หรือการห้ามคนเดินทางเข้าออกเมืองอุ่ฮั่นโดยเด็ดก็ได้ผล

ในส่วนของภาคประชาชน เราก็ได้เห็นภาพประทับใจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ท่ามกลางการเร่งรีบทำงานแข่งกับเวลา สร้างความเข้าใจและทรงจำดีๆแก่ผู้พบเห็น เช่น การที่ชาวอู่ฮั่นหลายร้อยคนพร้อมใจกันเปิดไฟและตะโกนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฎิบัติงานอยู่ด้วยคำว่า “อู่ฮั่น สู้ๆ อู่ฮั่น สู้ๆ” หรือ การที่พยาบาลที่ประจำการอยู่ตามโรงพยาบาลยอมโดนผมสวยๆของตัวเองเพื่อให้สามารรถปฏิบัติงานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ขณะที่ตามท้องถนนที่เคยคึกคักแต่เงียบวังเวงในวันนี้ ก็พบว่ามีบรรดาเจ้าหน้าที่รถดับเพลิงหรือกลุ่มที่ดูแลระบบสาธารณูปโภค ได้นำน้ำและอาหารไปแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุ ที่อาศัยอยู่ในบ้านเพราะไม่สามารถออกไปไหนได้
อีกกรณีหนึ่งที่น่าประทับใจคือ การประสานการทำงานและความร่วมมือกับนานาประเทศ แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาวะที่ตัดสินใจยากลำบาก กรณีที่ต่างชาติต้องการเข้าไปรับประชาชนของตัวเองกลับประเทศ แต่ด้วยความเป็นแบบฉบับของจีนคือ มีความเด็ดขาดและมั่นใจว่าสามารถจัดการได้ระดับหนึ่ง แล้วค่อยเปิดทางให้หลายชาติทยอยขนคนตัวเองกลับประเทศได้

ความจริงแล้ว ประเทศจีนถือว่าเคยประสบภัยเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่มาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็นโรคซาร์ส หรือโรคไข้หวัดนก จนมาถึงการระเบิดของเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งนี้ ทำให้ทางการจีนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น

แต่สิ่งที่สำคัญคือ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจีนและนานาประเทศรวมทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) จะต้องประสานมือร่วมกัน หาทางป้องกันโรคร้ายพันธุ์ใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นและคร่าชีวิตผู้คนอีก หรืออย่างน้อยก็สามารถส่งสัญญาณเตือนภัยได้ทันท่วงที

สำหรับจีนเอง ก็ต้องเร่งพัฒนาระบบสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ให้มีความก้าวหน้าให้มากขึ้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ต้องลบภาพค่านิยมการกินสัตว์ป่าหรืออาหารแปลกๆตามความเชื่อผิดๆ เช่น การกินค้างคาว การกินอาหารดิบๆ เป็นต้น หากจีนสามารถลดภาพจำผิดๆเหล่านั้นลงได้ น่าจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนให้ไกลจากโรคภัยต่างๆได้

 

Category:

Passion in this story