นับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจแทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่ประสบปัญหา เบาบ้าง-หนักบ้าง หลายรายสาหัสจนต้องเลิกกิจการ…ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ให้อะไรกับเรามากมาย ทั้งวิธีคิด การปรับตัว การอยู่ร่วมกับวิกฤต การให้ การแบ่งปัน การเอื้ออาทร ช่วยเหลือเกื้อกูล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เราเติบโตขึ้น และแน่นอนเมื่อผ่านพ้นวิกฤตไปได้เราจะแข็งแกร่งขึ้น

ขอเป็นหนึ่งในแรงใจ เอาใจช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้…อย่ายอมแพ้ !! Passion gen ได้ถอดประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 5 เดือน เป็นบทเรียนที่เรียนรู้จากวิกฤต เพื่อพัฒนาให้เพื่อน ๆ ก้าวต่อไป

1. มีสติกับปัญหา สติมาปัญญาเกิด

ในวิกฤตการณ์เรามักต้องเผชิญกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกันทุก ๆ ด้านจนยากรับมือ ปัญหามักผลักดันเราไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสุดขีดเสมอ…ความมืดมน ท้อแท้ สิ้นหวัง ไร้หนทาง…มักประเดประดังมาพร้อมกัน น้ำหนักที่โถมทับทำให้หลายคนคิดสั้น…

แท้จริงแล้ว “ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าสูงสุด” และ “ทุกปัญหามักมีทางออกเสมอ” จงมีสติคิดใคร่ครวญ แก้ปัญหาทีละเรื่อง ทำสิ่งสำคัญที่สุดก่อน เมื่อปัญหาหลักถูกแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ก็จะเป็นเรื่องเบา

2. มองปัญหาอย่างเป็นจริง

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปัญหากลายเป็นเรื่องที่ยากเกินแก้ คือ การไม่มองปัญหาอย่างที่มันเป็น เมื่อไม่เข้าใจปัญหาก็ยากที่จะแก้ไข ดังนั้นหัวใจของการแก้ไขปัญหาในลุล่วง คือ มองปัญหาอย่างเป็นจริงและยอมรับกับมัน จากนั้นใช้สติปัญญาแก้ไข

3. ถอย 1 ก้าว…มองปัญหาให้รอบด้าน

การจมและคลุกอยู่กับปัญหาไม่ได้ช่วยให้การแก้ไขปัญหาง่ายขึ้น เพราะปัญหาไม่ได้แก้ด้วยแรงกายแต่แก้ด้วยปัญญา “ถอย 1 ก้าว” หรือบางครั้งเรียก “ถอยมาตั้งหลัก” เป็นการดึงตัวเองออกมาจากปัญหาจะทำให้เราเห็นปัญหาได้รอบด้านยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น…ผู้ที่ผ่านการล้มแล้วลุกทุกคนให้ความสำคัญกับการถอย 1 ก้าวเสมอ

บทความที่น่าสนใจ
เรียนรู้จากวิกฤต COVID-19 บริหารเงินให้เป็น ลดโอกาสเจ็บช้ำอีกในอนาคต
7 บทเรียนด้านการเงินจากช่วงวิกฤติโควิด-19

4. จงคิดบวก ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญ

หลายคนที่พ่ายแพ้-ล้มเหลว มักจะมีทัศนคติเชิงลบ “ทำไมเรื่องร้ายต้องเกิดกับเรา” “ทำไมมีแต่ปัญหา” ความคิดลบ ๆ นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังบั่นทอนจิตใจและสติปัญญา การมองโลกในมุมบวกนอกจากจะเป็นการให้กำลังตัวเองแล้ว ยังเป็นพลังดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต พรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้นใหม่เสมอ- The sun’ll come out tomorrow.

5. จงเชื่อว่าจะผ่านมันไปได้

อาจจะฟังดูจับต้องไม่ได้…แต่ทุกการกระทำที่นำไปสู่ความสำเร็จ ต้องประกอบด้วยรากฐานความคิดและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าเป็นพลังผลักดันเสมอ ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าจะผ่านวิกฤตไปได้ คุณก็จะผ่านไปได้ ความเชื่อมั่นจะเป็นพลังผลักดันให้สำเร็จ หากวันนี้คุณเผชิญปัญหาแล้วยังนั่งถอนใจ ไม่เห็นทาง ไม่เชื่อมั่น…คุณกำลังหลงทาง

6. มองผลลัพธ์ที่ดีสุด แต่ทำเผื่อกรณีเลวร้ายที่สุด

หนึ่งในผลกระทบของโควิดที่ทุกคนเผชิญคือ การหยุดชะงักของภาคธุรกิจส่งผลให้เกิดการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ใครที่มีเงินสำรองมีสายป่านยาวก็พอรับมือได้ ส่วนใครที่หมุนเงินเดือนชนเดือนคงเผชิญสภาวะ “มือก่ายหน้าผาก” ดิ้นรนหาทางออกกันไป ยิ่งมีลูกสามที่กำลังเปิดเทอมก็ยิ่งหนักไปใหญ่…สิ่งนี้สะท้อนถึงความสามารถในการรับมือกับเหตุฉุกเฉินและวิกฤต คนที่คิดเผื่อกรณีเลวร้ายที่สุดคงยังพอประคองตัวรอดจากช่วงแรกนี้มาได้จึงมีโอกาสฟื้นตัว

บทความที่น่าสนใจ
TUKTUK-X สู้วิกฤติต้องรอด ส่งคนได้ ส่งของดี
CORONAVIRUS: วิกฤติและโอกาส

7. มองวิกฤตให้เป็นโอกาส

ในโลกของธุรกิจ-แม้ขณะที่เผชิญกับวิกฤตก็มักมีโอกาสอยู่เสมอ ขณะที่ห้างต้องปิดทำการ ธุรกิจออนไลน์และการสั่งอาหารกลับเติบโตแบบก้าวกระโดด บางรายขายเดือนเดียวได้ยอดขายเท่ากับทั้งปี โอกาสจึงมีอยู่เสมอ อยู่ที่มุมมองว่าเราจะมองสิ่งนั้นเป็นเช่นไร และเราตอบสนองต่อโอกาสนั้นอย่างไร ปล่อยผ่านไปหรือพุ่งเข้าใส่มัน

8. คุณไม่สามารถชนะได้ตลอด ถ้าแพ้ก็แค่เริ่มใหม่

เหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน ไม่ว่าคุณจะทำได้ดีหรือทำได้ไม่ค่อยดี สุดท้ายผลลัพธ์ก็มีเพียงชนะหรือแพ้ โจโฉ กล่าวไว้ว่า “คนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต” แม้จะลงมือทำอย่างเต็มที่ก็เพิ่มโอกาสสำเร็จได้แค่ 30% ส่วน 70% ต้องสุดแล้วแต่บุญวาสนา…หากพยายามอย่างเต็มที่แล้วยังไม่สำเร็จ ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้และลุกขึ้นสู้ใหม่…โอกาสมีให้สำหรับคนที่ลุกขึ้นสู้เสมอ จงหัวเราะให้กับความล้มเหลว

หลังพายุฝนท้องฟ้าย่อมสดใสเสมอ ท้ายที่สุดแล้ววิกฤตก็จะผ่านไป…สิ่งที่ยังคงอยู่คือ คุณ-ประสบการณ์-และธุรกิจ หากได้เรียนรู้จากวิกฤต คุณจะเติบโตและเข้มแข็งขึ้น มีภูมิต้านทานและความพร้อมที่จะเผชิญปัญหาที่จะถาโถมเข้ามา ธนาคารแห่งประเทศไทยย้ำว่า จุดต่ำสุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว…ทุกก้าวต่อจากนี้จึงมีแต่ดีและดีขึ้น ขอให้ทุกคนโชคดี มีความสุขกับชีวิต


 

 

 

Passion in this story