สำหรับพนักงานออฟฟิศทั่วไปแล้ว การเดินกลับเข้าสำนักงานอาจทำให้พวกเขารู้สึกว่า ได้กลับคืนสู่ความปกติ แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้พบ อาจไม่เหมือนที่เคยคุ้นอีกต่อไป นับตั้งแต่การมีพื้นที่ว่างระหว่างโต๊ะทำงานที่มากขึ้น มีการนำฉากกั้นต่าง ๆ มาติดตั้งไว้ มีจุดวางน้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดมือกระจายทั่วสำนักงาน รวมถึงมีกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ในการใช้พื้นที่ส่วนกลาง ห้องประชุม ส่วนครัว มีแม้กระทั่งการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยงาน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่ New Normal ประสบการณ์ชีวิตแบบใหม่ๆ จินตนาการและโอกาส “ใหม่” หลังโควิด กรุงเทพฯ เตรียมคลายล็อคดาวน์..เข้าสู่..ความปกติแบบใหม่
บริษัทส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ให้พนักงานทั้งองค์กรกลับเข้าสำนักงานพร้อมกันในคราวเดียว แต่ทยอยกลับเข้าสำนักงานเป็นกลุ่ม ๆ บางแห่งเลือกใช้การเหลื่อมช่วงเวลาเข้างานและเลิกงานเพื่อจำกัดจำนวนคนที่อยู่ในสำนักงานและทำให้พนักงานสามารถสร้างระยะห่างระหว่างกันได้ นอกจากนี้ พนักงานบางกลุ่มอาจได้สิทธิทำงานจากที่บ้านแบบถาวรด้วย
หนึ่งในความปกติใหม่ คือ การวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานก่อนเข้าอาคาร หากพบว่า มีไข้ จะให้กลับบ้านทันที และบางบริษัท อาจจัดให้มีการทดสอบ แอนติบอดี แก่พนักงาน เช่น Rastegar Property Company ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ที่ได้จัดทำไปแล้ว ณ ห้องประชุมของบริษัท และให้สิทธิพนักงานเลือกว่าจะเปิดเผยผลการทดสอบหรือไม่
สำนักงานในยุคหลังโควิด – 19 จะมีลักษณะหนึ่งที่เด่นชัด คือ การสร้าง ร ะ ย ะ ห่ า ง ท า ง สั ง ค ม social distancing ซึ่งหมายถึงว่า แปลนพื้นที่สำนักงานแบบเปิดโล่งที่เคยนิยมกันจะเปลี่ยนไป มีการตั้งเครื่องกีดขวางมากขึ้น ในรูปแบบของ พาร์ทิชั่น พาแนล หรือ กำแพงสูง ระหว่างโต๊ะแต่ละตัว
โต๊ะแต่ละตัวจะถูกตั้งห่างกันอย่างน้อย 6 ฟุต ขณะที่ห้องประชุมก็จะมีการจัดวางพื้นที่ให้ผู้ร่วมประชุมแต่ละคนมีระยะห่างจากกันมากขึ้น พร้อมกับมีข้อความเตือนการสร้างระยะห่างทางสังคม social distancing เป็นระยะกระจายทั่วพื้นที่สำนักงาน
จะมีจุดตั้งน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำยาล้างมือในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วสำนักงาน นอกจากนี้ ยังมีพนักงานทำความสะอาดดูแลพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน วันละหลายรอบ โดยเฉพาะพื้นผิวที่มีการสัมผัสสูง บางบริษัทกำหนดว่า หลังจากมีการใช้งานโต๊ะทำงาน หรือห้องประชุมแล้ว โต๊ะ เก้าอี้ ทุกสิ่งที่มีการสัมผัส จะต้องได้รับการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทันที ขณะที่บางบริษัทอนุญาตให้มีเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นต่อการทำงานบนโต๊ะทำงานเท่านั้น ส่วนอีกแนวทางเพื่อรักษาความสะอาดของโต๊ะ ก็จะมีการปูแผ่นกระดาษไว้ด้านบน หลังการใช้งาน ก็แค่ดึงกระดาษแผ่นนั้นทิ้งเมื่อจบวันทำงาน
พื้นที่ครัว พื้นที่ที่พนักงานมักมาชุมนุมกันเพื่อชงกาแฟดื่ม พร้อมกับพูดคุยสัพเพเหระ หรือแลกเปลี่ยนไอเดียการทำงานในช่วงพักเบรก จะถูกปิดลง
Peter Cappelli ศาสตราจารย์ด้านการจัดการแห่ง Wharton Business School บอกว่า พื้นที่ครัวเป็นพื้นที่ที่จะก่อปัญหาได้มากหากยังเปิดอยู่ โดยเขาเชื่อว่าพื้นที่ส่วนนี้จะถูกปิดลง พร้อมกับมีการนำ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เข้ามาแทนที่เพราะมัน สะดวกกว่าและปลอดภัย กับพนักงานมากกว่า
ขณะที่บางองค์กร เช่น Rastegar ซื้อเครื่องทำกาแฟให้พนักงานไว้ใช้ทดแทนการหายไปของชุนชนกาแฟหลังจากพื้นที่ครัวถูกปิดลง ส่วน Puppet บริษัทไอที เข้มงวดกับการทำตามมาตรการสร้างระยะห่างทางสังคม และมองว่าพื้นที่ครัวคือพื้นที่เสี่ยง ส่งเสริมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา จึงเลือกปิดพื้นที่นี้ ย้ายอุปกรณ์ครัวและอาหารส่วนกลางออกไป
ตู้หนังสือ ชั้นวางเอกสาร กระถางใส่ต้นไม้ขนาดใหญ่ ฯลฯ จะถูกนำมาตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกำหนดทิศทางการสัญจรในสำนักงานแก่พนักงานแบบกลาย ๆ การทำแบบนี้ เพื่อลดโอกาสการติดต่อกันโดยไม่จำเป็นให้น้อยที่สุด บางแห่งกำหนด เดินทางทางเดียว ไม่ย้อน สวนทางกัน เช่น พื้นที่โถงทางเดิน และบันได เป็นต้น
การทำ Social Distancing จำเป็นต้องมีพื้นที่มาก แม้ว่าบางบริษัท จะให้พนักงานบางส่วน หรือบางแผนก ทำงานจากที่บ้านแบบถาวร พนักงานที่เข้ามาในสำนักงานก็ยังต้องการพื้นที่ต่อคนมากขึ้น อดีตซีอีโอ ของ กูเกิล อย่าง Eric Schmidt คาดว่า ความต้องการพื้นที่สำนักงานน่าจะเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีแนวโน้มที่หลายๆ บริษัทอาจจะเปิดศูนย์ปฏิบัติการย่อยในหลายพื้นที่ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ หรือบ้านพักของพนักงานเพื่อลดเวลาในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะของพนักงานให้สั้นที่สุด
ไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นวัสดุประเภททองแดงปรากฎทั่วสำนักงาน เพราะมีการวิจัยพบว่า เชื้อโคโรนาไวรัส สามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวสแตนเลส สตีล และพลาสติกได้นานหลายวัน แต่กับทองแดงจะอยู่ได้เพียงไม่เกิน 4 ชั่วโมง
ในไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่าสำนักงานต่าง ๆ จะมีการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ามาใช้เพื่อลดโอกาสการสัมผัสให้ได้มากที่สุด เช่น Rastegar ที่บอกว่า จะนำ IoT sensors และระบบฆ่าเชื้ออัตโนมัติมาใช้กับสำนักงาน รวมถึงนำ เทคโนโลยีการสั่งการด้วยเสียงหรือเท้า มาใช้ ในการกดปุ่มลิฟต์ หรือเปิดปิดไฟเป็นต้น นอกจากนี้ อาจมีการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยงาน จำพวก หุ่นยนต์ชงกาแฟ ที่เราสามารถสั่งการผ่านไอแพดให้หุ่นยนต์ชงกาแฟมาเสิร์ฟให้เราดื่ม
Source Welcome to your new, post-pandemic office : edition.cnn.com
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…
บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…
ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…
ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…
This website uses cookies.