เมษายน เป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวหลายวัน หลายคนจะใช้โอกาสนี้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ที่จากมาด้วยบริบทของการดิ้นรนสู้ชีวิต ขณะที่บางกลุ่มวางโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อชาร์จพลังให้กับตัวเอง
ผมมีโอกาสได้ร่วมทริปกับต้นสังกัด เพื่อสร้างพลังในการทำงาน รวมทั้งเปิดโลกทัศน์ไม่ให้จมอยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยม ปลายทางของการออกเดินทางครั้งนี้ คือ ประเทศเวียดนาม
เป้าหมายแรกที่คณะของผมปักหมุดไว้ คือ ฮอยอัน เมืองโบราณขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ซึ่งระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14-19 เคยเป็น 1 ในเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมเครือข่ายเมืองท่าใหญ่อื่นๆ คือฮาเตียน ทางทิศตะวันตกของเวียดนามปัจจุบัน, กวางตุ้งทางใต้ของประเทศจีนปัจจุบัน และอยุธยาของไทย ซึ่งต่างซบเซาลงประมาณสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ช่วงค่ำ ไกด์ของทริป แนะนำให้ออกไปชมเขตเมืองเก่าของฮอยอัน ในฐานะเมืองโบราณที่องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2542
ประสบการณ์แรกที่ผมได้สัมผัส คือ ความประทับใจแสงโคมไฟกระดาษหลากสีซึ่งแขวนประดับไว้ทั่วเมือง จนดูเหมือนแสงหิ่งห้อยเปล่งประกายระยิบระยับ ดึงดูดผู้มาเยือนให้ต้องหยุดมองเพื่อเก็บเสน่ห์ไว้ในความทรงจำ ภาพตรงหน้าของผมนั้น นอกจากนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ ยังมีวัยรุ่นและหนุ่มสาวเวียดนามจำนวนมาก ที่เดินทางมาเมืองโบราณแห่งนี้ เพื่อเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีกับใครสักคนท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก
โครงสร้างสถาปัตยกรรมของอาคารต่างๆ ในเขตเมืองเก่ามีรูปแบบเดียวกันที่ยังคงรักษาสภาพเดิมซึ่งเป็นศิลปะท้องถิ่นผสมต่างชาติอาทิ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น อย่างมีเอกลักษณ์ ร้านขายของที่ระลึกซึ่งตั้งเรียงรายเป็นแถวต่างมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนามจำหน่าย อาทิ ภาพวาดในแนวศิลปะท้องถิ่น ไปจนถึงตุ๊กตาเรซิ่นในชุดประจำชาติ และโคมไฟกระดาษหลากสีที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเมือง
จากฮอยอัน มุ่งหน้าสู่ดานัง ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศหลักของกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเวียดนามระหว่างทศวรรษ 50 ถึง 70 ปัจจุบันดานังเป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว คณะของเราเลือกไปชมยอดเขาบานาฮิลล์ ที่มีไฮไลท์เป็นกระเช้าบานาฮิลล์ ซึ่งได้รับการบันทึกสถิติโลกว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุด ผมได้สัมผัสบรรยากาศเมฆหมอกธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ เย็นสบายและสภาพพื้นป่าอุดมสมบูรณ์
บนยอดเขาบานาฮิลล์ มีสวนสนุกบานาฮิลล์ แฟนตาซี พาร์ค แต่น่าสังเกตว่าคนที่ขึ้นไปส่วนใหญ่ไม่ได้โฟกัสเครื่องเล่นเหล่านี้ หากเลือกถ่ายภาพบริเวณ “อุ้งมือมาร” ซึ่งมีชื่อทางการว่า “Hands of God” หรือหัตถ์พระเจ้า ที่เป็นอุ้งมือขนาดใหญ่ประคองสะพานสีเหลืองทอง “the Golden Bridge” บนยอดเขาบานาฮิลล์ที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,400 เมตร คล้ายเป็นสัญลักษณ์ว่า ขึ้นมาถึงยอดเขาแห่งนี้ถ้าไม่มาถ่ายภาพตรงจุดนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง
นับเป็นอีกหนึ่งความฉลาดทางการตลาดของทางการเวียดนามในการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะเมื่อสมัยต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ครั้งเวียดนามยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส บานาฮิลล์มีสถานะเป็นเมืองตากอากาศสำหรับชนชั้นสูงซึ่งคนธรรมดาเข้าไม่ถึง อีกทั้งหลังจากสงครามเวียดนามสิ้นสุดในเดือนเมษายน พ.ศ 2518 เมืองนี้ก็ยังถูกทิ้งร้างอีกเป็นเวลากว่า 10 ปี แต่ปัจจุบัน บาน่าฮิลล์กลายเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกฝันจะได้มาเยือนสักครั้ง
วัดสุดท้ายของทริป ผมมีโอกาสไปเยือนเว้ เมืองหลวงเก่าของเวียดนามสมัยราชวงศ์เหงียน ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอมใจกลางประเทศเวียดนาม โดยมีเป้าหมายคือพระราชสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ ผู้เป็นพระบิดาของจักรพรรดิบ๋าว ดั๋ย จักรพรรดิองค์ที่ 13 ของราชวงศ์เหงียนและจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งเวียดนาม
พระราชสุสานแห่งนี้ มีความแปลกแตกต่างจากทุกพระราชสุสานในเมืองเว้ นั่นคือ มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกกับสถาปัตยกรรมตะวันตก อีกทั้งยังสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศส โดยใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 11 ปี ในรัชสมัยของจักรพรรดิบ๋าว ดั๋ย
ทางเดินขึ้นสุสานซึ่งอยู่บนเนินเขานั้น ได้รับการตกแต่งเป็นบันไดมังกรสวยงาม มีความวิจิตรอลังการ ชั้นบนสุดเป็นพระราชวังเทียนดิงห์ ตกแต่งผนังด้วยหินอ่อนกระเบื้องเคลือบจากประเทศจีน ปูพื้นด้วยกระเบื้องสี ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ “มังกรในม่านเมฆ” โดยศิลปินที่เขียนภาพด้วยเท้าซึ่งมีคำอธิบายว่าศิลปินจำต้องทำเช่นนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเอาเท้าชี้ลงมาด้านล่างโดยเฉพาะเมื่อจักรพรรดิเสด็จมาตรวจงาน
สถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับจักรพรรดิไคดิงห์ ซึ่งผู้มาเยือนต่างให้ความสนใจประวัติและความเป็นมาของจักรพรรดิพระองค์นี้ ที่มีบางเสียงกล่าวว่าชาวเวียดนามจำนวนมากชิงชัง เพราะพระองค์เลือกอยู่ข้างเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสและต่อต้านการเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของชาวเวียดนาม โฮจิมินห์ ผู้นำประกาศอิสรภาพของเวียดนาม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามคนแรกและยังคงได้รับยกย่องในหมู่ประชาชนเวียดนามปัจจุบัน กล่าวถึงพระองค์ในบทความชื่อ “มังกรไม้ไผ่” ว่า ทรงมีความยิ่งใหญ่ทางสัญลักษณ์เชิงพิธี แต่เป็นเพียงหุ่นเชิดไร้อำนาจของรัฐบาลฝรั่งเศส
ที่ผมได้แชร์ประสบการณ์ของการเดินทางในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แต่อยากเสนอข้อคิดจากการไปเยือน ฮานอย ดานังและเว้ ว่า เหตุใดประเทศที่เสียงปืนเพิ่งสงบลงยังไม่ถึง 40 ปี กลับมีความน่าสนใจ จนคนจากทั่วโลกต้องมุ่งหน้ามาท่องเที่ยวเพื่อค้นหาเรื่องราวต่างๆ ของประเทศ
About The Author King Kong Boy
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…
บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…
ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…
ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…
This website uses cookies.