เรื่องของ “กัญชา” ที่นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมไทยต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งรัฐบาลไทยมีประกาศปลดล็อกยาเสพติดประเภทกัญชา เพื่อให้นำสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการรักษาพยาบาลได้ เพียงแต่ทุกขั้นตอนของการใช้ ต้องอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่องานวิจัยและศึกษาทางการแพทย์ รวมถึงได้รับการควบคุมตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปปส. และ อย.
กระแสกัญชา ฮือฮามากขึ้นอีกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อจังหวัดบุรีรัมย์ จัดมหกรรม “พันธุ์บุรีรัมย์ 2562” ณ สนามช้างอารีน่า บุรีรัมย์ แล้วเปิดตัว “มหัศจรรย์กัญชา” กับ “คนไทย” อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศ
แม่งานหลักผู้รับผิดชอบการจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” ให้ออกมายิ่งใหญ่คือสาวสวยหน้าคมที่ชาวบุรีรัมย์รู้จักกันดีในชื่อ “ชิดชนก ‘แนน’ ชิดชอบ” ซึ่งฝีมือของเธอ ไม่ทำให้ใครผิดหวัง โดยเฉพาะ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้เป็นคุณพ่อ แม้จะให้เวลาเธอเตรียมงานเพียงแค่ 2 เดือนก็ตาม
“แนน” เล่าว่าเธอไม่ต้องการจัดงาน EXPO ที่มีไฮไลท์เพียงการสัมมนา เพราะรูปแบบงานลักษณะนี้มีหลายหน่วยงานเคยจัดแล้วในกรุงเทพฯ แต่เป้าหมายของ “พันธุ์บุรีรัมย์” คือ เป็นแหล่งรวมความรู้ และแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับ “กัญชา” ในทุกด้านผ่านรูปแบบ knowledge sharing ให้เกิดความตระหนักว่า “กัญชา” มิใช่เป็นเพียง “ยาเสพติด หากยังมีบริบทเรื่อง “สมุนไพร” ที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นยารักษาโรคช่วยชีวิตผู้คนได้
ตลอด 3 วันของ “พันธ์บุรีรัมย์” มีผู้เข้าชมงานกว่า 150,000 คน ซึ่งเมื่อไล่ดูกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน ก็ชัดเจนว่า “พันธุ์บุรีรัมย์” ไม่ใช่งานทั่วไปที่มีเวทีการแสดง ซุ้มอาหาร และวงเสวนาความรู้ทางวิชาการขั้นพื้นฐาน หากเป็นงานลงลึกทางความรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องกระบวนการสกัดกัญชาเป็นยารักษาโรคตลอดจนเรื่องใช้กัญชาในชีวิตประจำวันจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญเรื่องกัญชา นับตั้งแต่บุคลากรทางการแพทย์ ไปจนถึงนักกฎหมาย และนักวิชาการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทั้งระดับประเทศและระดับโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปได้แจ้งการครอบครองกัญชา โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์มาให้บริการตลอดทั้งวันอีกด้วย ซึ่งทุกกิจกรรมมุ่งเน้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างเพลิดเพลิน
“การเสนอแนะความรู้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเคร่งเครียดเสมอไป และความรู้ก็มิได้อยู่แต่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น จุดประสงค์หลักของเรา ไม่ได้ต้องการเชิญชวนใครมาลองใช้กัญชา แต่อยากให้คนทั่วไปลองเปิดรับข้อมูลเรื่องนี้ การเปิดเสรีทางกัญชาเป็นการให้โอกาสผู้ป่วยที่อาจจำเป็นต้องใช้ในทางการแพทย์ อยากให้ทุกคนเปิดรับและเห็นใจคนที่ต้องการใช้จริงๆ”
“แนน” ยอมรับว่า ผู้สนใจ “กัญชา” ไม่ใช่มีเพียงคนป่วยหรือญาติผู้ป่วยเท่านั้น แต่มีหลากหลายกลุ่ม ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
ความฝันยิ่งใหญ่ของแนนคือ ทำให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจวัฒนธรรมหลายอย่างของคนไทยเกี่ยวกับ “กัญชา” ที่ต่างชาติอาจยังไม่รู้ ขณะเดียวกันก็อยากให้คนไทยเข้าใจว่า เรามีของดีกับตัวอยู่แล้ว
“วิธีคิดหรือองค์ความรู้ของคนต่างชาติบางเรื่องดี แต่ของเราก็มีอะไรดีๆ ด้วยเหมือนกัน การจัดงานนี้ จึงเหมือนเป็นการกระตุ้นและปลุกสิ่งที่อยู่ในหัวคนไทยเกี่ยวกับกัญชาขึ้นมาด้วย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ากัญชา ไม่ใช่เรื่องยาเสพติด หรือเรื่องมั่วสุมเสมอไป”
วันนี้มหกรรม “พันธุ์บุรีรัมย์ 2562” จบไปแล้ว แต่ “แนน” กำลังวางแผนสำหรับงานในปีถัดไป เธอย้ำจริงจังว่า “กัญชา” เป็นองค์ความรู้เรื่องศาสตร์แพทย์แผนไทยอย่างหนึ่งที่ต้องสร้างความรู้ ข้อมูลความเป็นจริง กับคนไทยกันเอง และระดับนานาชาติ
“เราเริ่มประมวลผลการจัดงานในปีนี้แล้ว เพื่อเรียบเรียงต่อไปให้ได้ว่าปีหน้าจะเพิ่มข้อมูลประเภทใดเข้าไปอีก ภายใต้จุดยืนว่า กัญชา เป็นการรักษาทางเลือกวิธีหนึ่ง และช่วยคนได้”
ล่าสุด แนนได้พัฒนา เพจ “พรรคผ่อน Party Party” เพื่อสร้าง platform” ซึ่งเป็นแหล่งรวมความรู้ที่ถูกต้องครบถ้วนเรื่องกัญชา ควบคู่ไปกับการนำเสนอความคืบหน้าการจัดงานในครั้งต่อๆไป
*****************************************
เรื่องน่ารู้ของ “กัญชาทางการแพทย์”
– “กัญชา” เป็นยาเสพติดประเภท 5 กลุ่มเดียวกับ ฝิ่น พืชกระท่อม พืชเห็ด ขี้ควาย การปลดล็อก กัญชา คือเพิ่มช่องทางให้ใช้ กัญชาในทางการแพทย์และศึกษาวิจัย รักษาโรค ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน
– กัญชาเป็น “ยาเสพติด” หากมีการนำเข้า ไม่ว่าในลักษณะใดก็ตามแม้เป็นเพียงส่วนประกอบใน ขนม หรือยาบางชนิด บุคคล หรือองค์กร หน่วยงานใดๆ ที่นำ “กัญชา” เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าปัจจุบันมีข้อมูลทางวิชาการ และหลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุนว่า “กัญชา”สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ใน 4 กลุ่มโรค คือ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด 2. โรคลมชักที่รักษายากในเด็กและโรคลมชักที่ดื้อยา 3. ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และ 4. ภาวะปวดประสาทที่ใช้วิธีการรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล
– ส่วนโรคอื่นที่มีข้อมูลสนับสนุนแล้วว่า กัญชา น่าจะมีประโยชน์ในการควบคุมอาการ ซึ่งควรมีข้อมูลทางวิขาการสนับสนุนหรือวิจัยเพิ่มเติม ได้แก่ โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล ผู้ป่วยที่ต้องดูแลแบบประคับประคอง และผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ยังไม่พบหลักฐานว่ากัญชาฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งการปลดล็อกครั้งนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลจากการวิจัยศึกษากัญชา เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ได้คลอบคลุมมากขึ้น
– ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการใช้ยาเสพติดทางการแพทย์ 2 ประเภท คือ มอร์ฟีน และโคเคน ซึ่งการสั่งจ่ายยาและการใช้ยาต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้รักษา ได้รับการวินิจฉัยและอนุมัติใช้จากแพทย์ผู้รักษา และใช้ได้ในโรงพยาบาลเท่านั้น
Category: