หลายๆ คน กระโดดมาทำธุรกิจ เพราะมองเห็นกำไรก้อนโตจากการดำเนินงาน แต่บางคน ทำธุรกิจเพราะตั้งใจให้คนอื่นมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทุ่มเท อย่างธุรกิจร้านราเมนชื่อ “ราเมนอ่ะ” ที่เจ้าของร้านคาดหวังจะเห็นรอยยิ้มและความพึงพอใจของลูกค้ามากกว่าผลกำไร แถมยังเปิดให้ทานฟรีทุกวันๆ ละ 6 ชาม เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมแห่งการแบ่งปัน

คุณแอล เจ้าของร้าน ราเมนอ่ะ (Ramenga) กล่าวถึงที่มาของร้านว่า ได้มีโอกาสไปที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วสังเกตุเห็นว่าตามถนนหนทางมีร้านรถเข็นราเมนที่จำหน่ายในราคาไม่แพงอยู่ทั่วไป เพราะเป็นอาหารที่คนทำงานนิยมรับประทานกันหลังเลิกงาน แต่พอราเมนมาเปิดที่เมืองไทย กลับกลายเป็นอาหารพรีเมี่ยมราคาแพง หลายคนจึงไม่มีโอกาสลิ้มรสราเมนอร่อยๆ

“ราเมนราคาไม่แพงที่เมืองไทยก็มีครับ แต่ผมไปชิมแล้วคิดว่ารสชาติยังไม่ใช่แบบพรีเมี่ยม ก็เลยคิดว่าเมื่อญี่ปุ่นขายราเมนคุณภาพดี รสชาติอร่อยในราคาไม่แพงได้ ทำไมเมืองไทยจะทำแบบเดียวกันไม่ได้ ผมเลยตั้งใจเปิดร้านราเมนนี้ขึ้นมา โดยไม่ได้หวังกำไรมากมาย หวังให้คนไทยได้ทานราเมนอร่อย ราคาไม่แพงเท่านั้น”

หลังจากตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเปิดร้านราเมน คุณแอลจึงเริ่มพัฒนาสูตร โดยเคล็ดลับความอร่อยคือหัวเชื้อน้ำซุปที่เคี่ยวจนมีความเข้มข้น นำมาผสมกับน้ำซุปที่ต้มใหม่สดแต่ละวัน จนได้เป็นน้ำซุปสูตรเฉพาะของทางร้าน เริ่มเปิดร้านทดลองที่ซอยสุขุมวิท 49 เมื่อปลายปี 2560 ก่อนจะเปิดร้านแรกอย่างจริงจังที่ซอยพระรามเก้า 49 จนปัจจุบันมี 8 สาขาในกรุงเทพฯ

สำหรับเมนูของร้านราเมนอ่ะแตกต่างจากร้านราเมนทั่วไป ตรงที่เน้นอาหารจานหลักรายการเดียวคือ ทงคัทสึ ราเมน ซึ่งคุณแอลบอกว่าเป็นเพราะเขาต้องการทำอาหารด้วยแนวคิดแบบญี่ปุ่น คือ ทำเรื่องเดียวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากปัจจุบันได้เพิ่มอีกรายการแล้ว นั่นคือ ซุปเนื้อตุ๋น เพราะมีเสียงเรียกร้องจากคนไม่ทานหมู แต่ก็ยังมีเฉพาะบางสาขาเท่านั้น

ทงคัทสึราเมนแต่ละชามของที่ร้านเริ่มต้นที่ 80 บาท แต่คุณแอลรับประกันว่าคุณภาพของวัตถุดิบและรสชาติอยู่ในระดับพรีเมี่ยม ไม่แพ้ต้นตำรับญี่ปุ่นแน่นอน เนื่องจากไม่บวกกำไรเยอะ เพราะยืนยันจะทำตามความต้องการของตัวเองที่จะให้คนไทยได้ทานราเมนรสชาติอร่อยในราคาที่ไม่แพง

“แรกๆ ขาดทุนทุกเดือน ควักเนื้อตัวเองทุกเดือน ผมยังจำได้เลยว่าเปิดร้านวันแรก ขายได้วันละ 10 ชาม แต่ผมถือว่าผมได้ทำตามที่ผมตั้งใจแล้วว่าจะให้คนได้ทานของอร่อยในราคาไม่แพง คนที่ได้ลองมาทาน จะรู้ว่าคุณภาพของอาหารที่นี่มันเกินราคา จากนั้นคนก็มาทานมากขึ้นเรื่อยๆ  จนไม่ขาดทุนและพอมีกำไรให้เห็นบ้าง”

นอกจากคุณภาพ รสชาติ และราคาของร้านราเมนอ่ะ ที่ทำให้คนบอกต่อๆ กันแล้ว ยังมีเรื่องที่ทำให้คนพูดถึงอีกข้อ ก็คือ ร้านเปิดให้ทานราเมนฟรีวันละ 6 ชาม ทุกสาขา ทุกวัน !!!!

คุณแอลเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่เปิดให้ทานราเมนฟรีว่า ช่วงทำร้านทดลองที่ ซ.สุขุมวิท 49 บริเวณใกล้ๆ จะมีเด็กๆ ในชุมชนวิ่งเล่นกันอยู่ประจำ ถ้าเขาอยู่ที่ร้าน เขาจะเรียกเด็กๆ ให้มานั่งทานฟรี และอนุญาตให้เด็กๆ เข้ามานั่งทานฟรีได้ในวันที่เขาไม่อยู่ แต่เอาเข้าจริงไม่มีใครกล้าเข้ามา เขาจึงคิดหาวิธีให้เด็กๆ เดินเข้ามาที่ร้านได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

“ผมทำเป็นโครงการขึ้นมา ชื่อว่า โครงการปันอิ่ม เปิดให้คนทานฟรีวันละ 6 ชามทุกสาขา ให้ใครก็ได้ไม่จำกัด ช่วงแรกที่ทำ ผมคิดอยู่ว่ามันอาจจะไม่ถึงเด็ก เพราะอาจจะมีคนที่ชอบเอาเปรียบสังคมเข้ามาทานฟรีทุกวัน แต่คิดไปคิดมา ในเมื่อผมจะให้ด้วยความอยากให้จริงๆ ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์อะไร ผมก็ไม่ควรมีข้อแม้ใดๆ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนอย่างเดียวคือ ให้คนที่ทานฟรีเขียนขอบคุณลงบนกระดาษโน้ต แล้วไปแปะไว้บนกระดาน เพราะผมไม่อยากให้คนรับรู้สึกว่าเขามาขอกินฟรี”

  

คุณแอลอ่านโน้ตทุกใบที่คนทานฟรีเขียนขอบคุณ เขาบอกว่าคนทานฟรีส่วนใหญ่มาเพราะความจำเป็น เช่น ปลายเดือนแล้ว หมุนเงินไม่ทันจริงๆ แต่เมื่อมีเงินก็มาทานปกติ และซื้อให้คนอื่นก็มี

คุณแอลย้ำว่า คนส่วนใหญ่ในโลกธุรกิจลงทุนโดยหวังผลกำไรเยอะๆ และไม่มีใครลงทุนเพื่อหวังขาดทุนหรือไม่คุ้มทุน แต่สำหรับเขาแล้ว เมื่อร้านราเมนอ่ะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจให้คนไทยได้ทานราเมนอร่อยๆ ในราคาไม่แพง ส่วนที่เป็นกำไรก็คือ โครงการปันอิ่ม ที่เป็นการแบ่งปันสู่สังคมโดยตัวเองไม่รู้สึกลำบาก และเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้สังคมดี

Category:

Passion in this story