การเข้ามาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ที่ต้องปรับตัวให้ไว ก้าวให้ทันกระแส เพราะ “ธุรกิจไหนปรับตัวได้ก่อน และเข้าถึงใจลูกค้าได้ ธุรกิจนั้นรอด”
ผมเป็นคนหนึ่งที่อุดหนุนร้านดอกไม้เป็นประจำ เพื่อซื้อไปถวายพระ และสังเกตเห็นว่า ปัจจุบันนี้ ธุรกิจเล็กๆ อย่างการจำหน่ายดอกไม้ถวายพระ ก็มีการปรับตัวอย่างน่าสนใจไม่แพ้ธุรกิจใหญ่ๆ ที่ใช้เงินลงทุนมหาศาล
หลายคนอาจสงสัยว่า ขาย “ดอกไม้ถวายพระ” จะปรับตัวอย่างไร?
คุณเอ๋ เจ้าของธุรกิจขายดอกไม้ถวายพระซึ่งกำลังโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย เล่าให้ผมฟังว่า ทำธุรกิจด้านนี้มาประมาณ 5 ปีแล้ว โดยวางรูปแบบการขายเหมือนผู้ค้ารายอื่นๆ นั่นคือ จัดดอกไม้แยกเป็นกลุ่มไว้ในร้าน แล้วให้ลูกค้าเลือกดอกไม้ที่ชอบเอง แต่หลังจากได้พูดคุยกับลูกค้าหลายราย จึงทราบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อดอกไม้ไปใส่แจกันเอง มักพบปัญหาดอกไม้เหี่ยวเร็วและกลิ่นน้ำเน่าเหม็นในแจกันเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วัน
ลูกค้ามักมีคำถามเหมือนๆ กันว่า “ทำอย่างไรให้ดอกไม้อยู่ได้นาน ไม่เหี่ยวเร็ว? และ “ทำอย่างไรไม่ให้มีกลิ่นน้ำเน่าจากแจกัน?”
สำหรับเขา หากยังรักจะทำธุรกิจดอกไม้ถวายพระ นี่คือโจทย์สำคัญที่สุดที่ต้องตีให้แตก
คุณเอ๋ เริ่มด้วยการไปขอความรู้ร้านจัดดอกไม้ ซึ่งบางร้านก็ให้คำตอบที่ดี บางร้านก็ปฏิเสธตั้งแต่เอ่ยปากถาม และส่วนใหญ่ให้คำตอบว่า ต้องเรียนรู้เอง เพราะรายละเอียดแบบนี้ไม่สามารถบอกได้ เขาจึงสังเกตว่าดอกไม้ทุกชนิดมีตัวแปรคือเรื่องของความชุ่มชื้นที่จะทำให้คงสภาพยาวนาน
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็ได้คำตอบว่า ต้องจัดดอกไม้ในถ้วยไอศกรีมเล็กๆ ซึ่งภายในบรรจุด้วยโอเอซิส (ฟองน้ำสำหรับจัดดอกไม้) ที่เมื่อปักดอกไม้ลงไป ดอกไม้จะคงความสดอยู่ในโครงสวยงามได้นานถึงอย่างน้อย 4 วัน และไม่มีกลิ่นน้ำเน่าให้กวนใจ
เกิดเป็นธุรกิจเดิมในรูปแบบใหม่คือ “ธุรกิจดอกไม้ถ้วยถวายพระ”
เขาเล่าว่า ช่วงแรกลูกค้าบางรายไม่กล้าใช้เพราะความแปลกใหม่ แต่หลังจากมีผู้ทดลองใช้และบอกต่อ กระแสตอบรับกลับดีเกินคาด เพราะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลานำแจกันอันเก่ามาเปลี่ยนน้ำล้างกลิ่นเน่าเมื่อดอกไม้ชุดเดิมเหี่ยว เพราะสามารถนำดอกไม้ถ้วยใหม่ ขึ้นหิ้งถวายพระได้ทันที ทั้งสะดวกรวดเร็วและประหยัดเวลา
เจ้าของกิจการดอกไม้ถ้วยซึ่งทำมานานกว่า 5 ปีแล้ว บอกว่า ความสำเร็จของธุรกิจนี้ คือ “ความสะดวกสบาย” ที่ตอบโจทย์สังคมยุคปัจจุบัน เพราะในสังคมแห่งความเร็ว สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย ใช้ได้ทันที และทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับการควักกระเป๋าจ่ายเงิน
ที่สำคัญคือ ช่วยขยายฐานลูกค้า จากกลุ่มเป้าหมายเดิมคือแม่บ้านและผู้สูงอายุที่เข้าวัดฟังเทศน์ เป็นหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ซื้อดอกไม้ไปประดับโต๊ะทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศสดใส
Category: