หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบขนมหวานและการทานช็อคโกแลต แน่นอนว่าเฮอร์ชีส์จะต้องเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คุณเคยได้ลองลิ้มชิมรสมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในรูปแบบของ Kisses พอดีคำ หรือแบบบาร์แผ่นใหญ่ให้ได้หักทานอย่างเพลิดเพลิน ความสำเร็จของเฮอร์ชีส์ที่ยาวนานมากว่า 122 ปี เป็นเครื่องการันตีถึงธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ เรามารู้จักพ่อมดใจดีแห่งดินแดนช็อคโกแลต มิลตัน เฮอร์ชีส์ กันเถอะ

เฮอร์ชีส์ เพราะดิ้นรนจึงได้เรียนรู้

เฮอร์ชีส์ เกิดมาในช่วงยุคสงครามกลางเมือง ในรัฐเพนนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เขาเติบโตมาอย่างได้รับการศึกษาแบบครึ่งๆ กลางๆ เพราะต้องย้ายโรงเรียนบ่อยครั้งตามการย้ายถิ่นฐานของครอบครัวและสุดท้ายพออายุได้ 12 ปีเขาก็หยุดเรียน แล้วเริ่มต้นทำงานในฐานะผู้ช่วย ในโรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมันแต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวต้องการ เขาจึงลาออกแล้วมาทำงานกับ Joe Royer ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการผลิตลูกอมและไอศกรีมในเมืองแลนแคสเตอร์ และที่นี่คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ Hershey ได้เรียนรู้วิธีการทำลูกอมขั้นพื้นฐานมาทั้งหมด

ความล้มเหลว = จิ๊กซอว์ของความสำเร็จ

เมื่ออายุ 18 ปี เฮอร์ชีส์ก็เรียนรู้ทุกขั้นตอนในการผลิตลูกกวาด แล้วก็เริ่มต้นวางแผนทำธุรกิจแรกของตัวเองโดยได้ทุนจากแม่และครอบครัว เขาเปิดร้านขายลูกกวาดในเมืองฟิลาเดลเฟีย แต่การเป็นเจ้าของกิจการครั้งแรกก็ล้มเหลวจนต้องปิดร้าน เขาตัดสินใจย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง โดยคราวนี้ไปอาศัยกับพ่อในโคโลราโดและตั้งร้านขายลูกกวาดอีกครั้งในเดนเวอร์ ซึ่งเฮอร์ชีส์ยังคงพยายามเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจของตัวเองในเมืองใหญ่ทั้งชิคาโกและนิวยอร์ค ซึ่งก็จบลงด้วยความล้มเหลวเช่นเดิม เขาจึงตัดสินใจกลับเมืองแลนแคสเตอร์และตัดสินใจเปิดธุรกิจอีกครั้งในชื่อ Lancaster Caramel Company ซึ่งกลยุทธ์ในการทำธุรกิจครั้งนี้คือการที่เขาทุ่มเทคิดค้นสูตรลูกอมคาราเมลรสนม สูตรลับที่เข้าค้นพบว่านมสดนั้นมีความสำคัญต่อการผลิตคาราเมลที่มีคุณภาพ จนออกมาเป็น “Hershey’s Crystal A” ที่มาพร้อมกับประโยคเด็ดที่ว่า “melt in your mouth” และความอร่อยของคาราเมลสูตรพิเศษนี้ก็ทำให้เขาได้ออเดอร์ล็อตใหญ่จากประเทศอังกฤษ และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เขาถูกจัดให้เป็น 1 ในพลเมืองเมืองแลนแคสเตอร์ที่มั่งคั่งที่สุด

วิสัยทัศน์ผู้นำของเฮอร์ชีส์ มองหาโอกาสใหม่ ๆ เสมอ

หลังจากเขาประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าของธุรกิจลูกอมคาราเมลมานานถึง 7 ปี ในงานแสดงสินค้า World’s Columbian ในชิคาโก้ เฮอร์ชีส์ได้นำเครื่องทำช็อกโกแล็ตที่ซื้อมา ไปโชว์ทำช็อกโกแล็ตในงานนั้นเป็นครั้งแรก เขาผลิตช็อกโกแล็ตออกมาได้มากถึง 114 ชนิด และพบว่าผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้เขาเริ่มมีความคิดที่จะเป็นผู้บุกเบิกทำธุรกิจช็อกโกแลตเพื่อเป็นการนำองค์ความรู้มาต่อยอดจากการผลิตลูกอมคาราเมล

“คาราเมลเป็นแค่ของที่นิยมกันชั่วคราวเท่านั้นแต่ช็อกโกแลตนั้นเป็นของที่มีความนิยมถาวร” – Milton S. Hershey

พอใกล้หมดยุด 80s เฮอร์ชีส์ก็เริ่มมองเห็นทิศทางของตลาดขนมหวานในอนาคต ว่าผู้บริโภคสนใจในช็อกโกแลตมากกว่าลูกอมคาราเมล เขาจึงมีแนวคิดที่จะเป็นผู้นำในการทำอุตสาหกรรมช็อกโกแลตขึ้นมา ดังนั้นในปี 1900 เขาจึงตัดสินใจขายบริษัท The Lancaster Caramel Company ไปในราคา 1 ล้านเหรียญฯ และเริ่มต้นสร้างดินแดนแห่งช็อกโกแลตของเขาอย่างเต็มตัว โดยกลยุทธ์ททางธุรกิจที่สำคัญคือการเลือกที่จะสร้างโรงงานที่เพนซิลวาเนียบ้านเกิดของเขา เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งน้ำ นมสดที่มีคุณภาพและคนงานที่มีทักษะ เขาดึงชาวเมืองมาช่วยกันผลิตและเป็นผู้ดูแล เพื่อสร้างความรู้สึกของการเป็นเจ้าของร่วมให้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นแผนธุรกิจที่ยอดเยี่ยมในการเลือกแหล่งผลิต และยังดึงชุมชนเข้ามามีบทบาท สร้างให้เกิดความรัก ความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์อย่างเต็มที่

Hershey Candy Company ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

นอกจากแนวคิดการบริหารคนแบบใหม่แล้ว เขายังเป็นเจ้าของเคล็ดลับในการผลิตช็อคโกแลตนมจำนวนมาก ด้วยการผสมนมพร่องมันเนยเข้ากับเมล็ดต้นคาเคา แล้วค่อยๆ อุ่นให้ร้อนอย่างช้าๆ จนออกมาเป็นช็อคโกแลตนมที่เข้มข้นกลมกล่อมถูกปากคนทั่วโลก และเมื่อเขาเปิดตัวช็อคโกแลตขนาดพอดีคำที่เป็นดั่ง Signature ของแบรนด์อย่าง Hershey’s Kiss ในปี 1907 ก็ทำให้ Hershey Candy Company ยิ่งประสบความสำเร็จและเติบโตเรื่อยมา จนปัจจุบัน Hershey มีแบรนด์ย่อยอยู่ภายใต้บริษัทกว่า 80 แบรนด์ มียอดขายทั่วโลกอยู่ในระดับแสนล้านบาท และมีพนักงานกระจายตัวอยู่ทั่วโลกจำนวนกว่า 19,000 คน นอกจากนี้ Hershey ยังอยู่ในอันดับที่ 94 จากการจัดอันดับ 100 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก (The world’s most valuable brands) โดย นิตยสารฟอร์บส ในปี 2017 อีกด้วย ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดีและแนวคิดผู้นำที่ทำธุรกิจเพื่อคืนกลับสู่สังคมอยู่เสมอ เฮอร์ชีส์ยึดมั่นในความสุขมาตลอดการดำเนินธุรกิจ เขาเชื่อว่าหากเขาทำธุรกิจขนมที่สามารถสร้างความสุขให้คนได้ แก่นของธุรกิจก็ต้องมาจากความสุขที่แท้จริงด้วยเช่นกัน สิ่งที่เขามุ่งมั่นคือพนักงานทุกคนต้องทำงานอย่างมีความสุข เขาจึงสร้าง Hershey’s Town ที่มีทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน โบสถ์ สวนสาธารณะ ในสภาพแวดล้อมที่สวยงาม เพราะเฮอร์ชีย์ต้องการให้พนักงานของเขามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และรักในสิ่งที่ตัวเองทำ

สิ่งที่ทำให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงก็คือการรักษามาตรฐานอย่างเข้มงวด เฮอร์ชีส์เป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมได้จากการเป็นผู้ลงมือทำ อดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ไม่ว่าจะล้มเหลวสักกี่ครั้งเขาก็ยังพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ ตลอดชีวิตการทำงานของเขาแทบไม่มีประโยคทอง หรือประโยคให้แรงบันดาลใจอะไรเลย แต่แนวคิดการเป็นผู้นำของเขาคือเขาจะลงมือทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เพราะสำหรับเขาแล้วผลลัพธ์จากการลงมือทำ คือสิ่งการันตีความสำเร็จได้เสียงดังกว่าคำพูดนั่นเอง

แนวคิดผู้นำ เพื่อความสำเร็จ

  • เพราะดิ้นรนจึงได้เรียนรู้
  • มองหาโอกาสใหม่ ๆ เสมอ
  • ความล้มเหลว = จิ๊กซอว์ของความสำเร็จ
  • สร้างความรู้สึกของการเป็นเจ้าของร่วมของชาวเมือง
  • ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะการรักษามาตรฐานอย่างเข้มงวด
  • พนักงานทุกคนต้องทำงานอย่างมีความสุข ด้วยการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และรักในสิ่งที่ตัวเองทำ
  • ดึงชุมชนเข้ามามีบทบาท สร้างให้เกิดความรัก ความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์อย่างเต็มที่

Passion in this story