รู้จักตัวเองดีแค่ไหน – ก่อนเริ่มเป็น Startup

คุณรู้จักตนเองดีแค่ไหน ? คำถามง่าย ๆ ที่ตอบยาก

คุณรู้หรือไม่ว่า ? ปลาแซลมอนเป็นปลาที่มีนิสัยชอบว่ายทวนน้ำเพื่อไปวางไข่การกระทำที่ดูเสี่ยงและมีความท้าทายแบบนี้ของ

“ปลาแซลมอนสะท้อนให้เห็นว่าสัตว์น้ำที่มีราคาแพงนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะทำในสิ่งที่มันคิดว่าสำคัญต่อชีวิตของมันแม้มันจะต้องเผชิญกับความยากลำบากและความเสี่ยงก็ตามการกระทำนี้ยิ่งเป็นสิ่งพิสูจน์คุณค่าในตัวของมันมากยิ่งขึ้น”

ที่นี้ลองมองย้อนมาดูที่ตัวคุณเองบ้างว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการก้าวเข้าสู่การเป็น Startup ที่แข็งแรงหรือไม่ ?ถ้าคำตอบหรือใช่คำถามต่อไปคือคุณพร้อมที่จะทำและเผชิญความเสี่ยงอย่างเจ้าปลาแซลมอนหรือเปล่าเพราะการทำธุรกิจในยุคสมัยใหม่นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายการก่อตั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องยากแต่การจะรักษากิจการให้ดำเนินต่อไปแบบตลอดรอดฝั่งนี่สิเรียกว่าสาหัสกันไม่เบาในยุคสมัยปัจจุบันที่มีการแข่งขันที่สูงมากการที่คุณจะเปลี่ยนบทบาทสถานะของตนเองจาก “ลูกจ้าง” ขึ้นมาเป็น “ผู้ประกอบการ” มีหลายสิ่งหลายอย่างมากทีเดียวที่คุณต้องคิดพิจารณาและลงมือทำดังนั้นคุณต้องมองย้อนเข้าไปในใจของคุณเองแล้วถามดัง ๆ ว่า “พร้อมที่จะเสี่ยงไหม”  และพิจารณาตนเองให้ดีว่าคุณมีความกระหายที่จะสวมบทบาทการเป็นผู้ประกอบการในตอนนี้หรือไม่อย่าลืมว่าบางสิ่งบางอย่างในชีวิตใช่ว่าจะทำได้เลยเสมอไปบางทีก็ต้องรอจังหวะเวลาต้องรอความเหมาะสมรอประสบการณ์ที่สุกงอมรวมไปถึงเงินทุนและความพร้อมหลาย ๆ ด้าน

แน่ใจนะว่าพร้อมจะบินเดี่ยวเปิดไฟเขียวเป็น Startup

กัปตันเรือรุ่นเก่าที่เก๋าเกมมักจะพูดเสมอว่าเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัยที่สุดคือเส้นทางที่นานาชาติได้ทำการตกลงขีดเส้นแบ่งกันไว้แล้วถ้าไม่มีการขีดเส้นแบ่งวางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของเส้นทางเดินเรือนี้แล้วการเดินเรือในทะเลก็จะเต็มไปด้วยภยันตรายอย่างมาก

“การที่คุณจะลงมือทำธุรกิจนั่นก็หมายความว่าคุณจะต้องทำหน้าที่กัปตันเรือแล้วจะต้องมุ่งไปข้างหน้าโดยที่ยังไม่มีใครขีดเส้นแบ่งน่านน้ำหรือตั้งเส้นทางการเดินเรือให้ผู้ที่จะขีดเส้นแบ่งน่านน้ำและกำหนดเส้นทางเดินเรือคือตัวคุณเองล้วนๆ”

ในขณะที่คุณตัดสินใจก้าวไปข้างหน้ากฎเกณฑ์ใดหรือสิ่งใดก็ตามที่ช่วยให้คุณหลีกพ้นจากภยันตรายต่าง ๆ มาได้นั่นก็คือกฎที่คุณน่าจะต้องจดจำนำมาพิจารณาก่อนจะก้าวต่อไปการจะเป็น Startup ที่แข็งแรงแค่ไฟอย่างเดียวคงไม่พอคุณจะต้องมีประสบการณ์เข้ามาช่วยด้วยซึ่งประสบการณ์คุณสามารถหาได้ตั้งแต่คุณยังรับบทเป็น “ลูกจ้าง” แจ็ค หม่า กว่าจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ในอาณาจักร Alibaba เขาก็อาศัยการเรียนรู้จากคนเก่ง ๆ ทั้งสิ้น แจ็ค หม่า สนใจที่จะเก็บเกี่ยวจากความ “เด่น” ของคนไม่ใช่ความ “ดัง” ของคนซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่าง แจ็ค หม่า ไม่เคยมองข้ามเรื่องของประสบการณ์เขามองว่าประสบการณ์จากคนต้นแบบทั้งหลายจะเป็นเข็มทิศที่ดีให้กับการดำเนินไปในเส้นทางแห่งการทำธุรกิจ

คลิกเลย! แนะนำบทความน่าอ่าน

• BRAND STORYTELLING – เชื่อมโยงแบรนด์กับผู้คนด้วยเรื่องเล่า
• บริหารธุรกิจให้สำเร็จ – ต้องจริงใจและจริงจังต่อความรู้สึกลูกค้า
• แสวงหาไม่หยุดยั้ง – เปิดโอกาสทางธุรกิจ
• วิกฤติคือโอกาส – นิยามของผู้ที่ประสบความสำเร็จ
• ความคิดสร้างสรรค์ – นิยามของคำว่านวัตกรรม
• คิดบวกและมุ่งมั่น – หัวใจสำคัญของความสำเร็จ
• สร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล – แนวทางเอาชนะความท้าทาย

เราขอยกกรณีศึกษาหนึ่งขึ้นมาประกอบให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้นมีชายสองคนทำงานให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกาทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันและมีความคิดอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือคิดว่าวันหนึ่งจะก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการคนทั้งสองนี้ทำงานในตำแหน่งเดียวกันแต่ถูกแบ่งเขตสายงานรับผิดชอบแยกกันพวกเขาทั้งสองได้มีโอกาสติดต่อลูกค้า SME อยู่เป็นประจำตามสายงานที่ได้รับผิดชอบขณะที่คนทั้งสองเข้าไปติดต่อลูกค้า SME เหล่านั้นพวกเขาทั้งสองได้พยายามเรียนรู้วิธีการทำงานของเจ้าธุรกิจนั้น ๆ แล้วก็พบว่าเจ้าของธุรกิจบางคนทำงานได้เยี่ยมยอดมีความเก่งไอเดียดีประสบการณ์สูงและบริหารจัดการทุกอย่างได้ลงตัวที่สุดบางทีอาจจะสร้างระบบการทำงานได้ดีกว่าองค์กรใหญ่ ๆ บางองค์กรด้วยซ้ำไปต่อมาชายทั้งสองคนนี้ได้เลื่อนตำแหน่งและย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทเดิมหลาย ๆ อย่างดูจะดำเนินไปในรูปแบบเดิมแต่ระหว่างสองคนนี้กลับมีความคิดที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปคนแรกทำงานไปได้สักพักก็ตัดสินใจลาออกซึ่งเขาไม่ได้มีปัญหากับที่ทำงานใดเลยงานก็ดีเงินก็ดีแต่สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนั้นเพราะเขารู้สึกว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับการเป็นผู้ประกอบการส่วนคนที่สองไม่ลาออกยังคงทำงานที่เดิมต่อไปความคิดเรื่องการเป็นผู้ประกอบการเองในตอนนี้ของเขามลายหายไปเพราะเขาพบว่าการก้าวเข้ามาทำงานกับบริษัทขนาดใหญ่เป็นเรื่องที่ท้าทายและน่าสนใจกว่าการเป็นผู้ประกอบการเองจากกรณีศึกษานี้เราจะพบว่าชายทั้งสองคนนี้ไม่ใช่มีความสามารถที่ต่างกันและต่างคนต่างก็ “รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้” แต่สิ่งที่ทำให้สองคนนี้แตกต่างกันก็คือ “สัญชาตญาณ” คนหนึ่งมีสัญชาตญาณของผู้ประกอบการแต่อีกคนหนึ่งมีสัญชาตญาณของลูกจ้างเราไม่ได้บอกว่าใครคิดถูกหรือใครคิดผิดแต่การค่อย ๆ เรียนรู้ไปกับการทำงานจริง ๆ พบคน “เก่ง” มากมายจะทำให้คุณ “รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้” มากขึ้นคุณจะเห็นทั้ง“อุปสรรค” และ “ความสำเร็จ”ซึ่งนั่นจะเป็นเครื่องชี้ทางให้คุณรู้ว่าคุณพร้อมที่จะเป็น Startup ตัวจริงคนต่อไปหรือไม่