SMOOTHE แบบอย่างความสำเร็จของคนมี Passion – ดร.แสงสุข พิทยานุกุล

3.3 / 5 ( 3 votes )

ใครจะเชื่อว่าเภสัชกรร้านขายยาเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในสยามเซ็นเตอร์วันหนึ่งจะขึ้นมาผงาดเป็นเจ้าของแบรนด์เวชสำอางชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Smooth E และนอกจากนั้นยังขยับเข้าไปสู่ธุรกิจยาสีฟันที่โด่งดังไปยังต่างประเทศอย่างแบรนด์ Dentiste อีกด้วยใช่แล้วคนที่เราเอ่ยถึงอยู่คณะนี้ก็คือ ดร.แสงสุข พิทยานุกุล ชายผู้นี้ไม่ใช่เพียงเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จทั้งสองแบรนด์นี้เท่านั้นแต่เขาผู้นี้ยังเป็นคนที่สร้างคนให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจได้อีกด้วย ดร.แสงสุข ทำอย่างไรถึงผลักดันแบรนด์สินค้าทั้งสองนี้ให้ประสบความสำเร็จได้มาค้นหาคำตอบกัน

วินาทีที่เจอวิกฤต คือ วินาทีเดียวกันกับที่พบโอกาส

“การทำ Marketing ก็คือการทำบางสิ่งกับกิเลสตัณหาของมนุษย์เกี่ยวข้องกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของผู้คนซึ่งถ้าคุณสามารถเข้าถึงกิเลสตัณหาของผู้คนได้อย่างลึกซึ้งคุณก็จะเข้าใจทันทีว่าผู้คนต้องการอะไรนักการตลาดแบบธรรมดาจะเข้าถึงเพียงแต่เรื่องของตาหู จมูก ลิ้น กาย ของผู้คนเท่านั้นแต่นักการตลาดชั้นสุดยอดจะเน้นเข้าถึงเรื่องใจของผู้คนดังนั้นถ้าคุณสร้างรับรู้ทางใจให้กับผู้คนได้แบรนด์คุณก็จะเกิด”
ดร.แสงสุข พิทยานุกุล

หลังจากเรียนจบเภสัชจาก ม.เชียงใหม่ ดร.แสงสุข ก็เริ่มเป็นเซลล์ขายยารักษาโรคในภาคตะวันออกและภาคอีสานหลังจากทำงานได้สักพักก็กลับมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยหลุยส์เซียน่าประเทศสหรัฐอเมริกาจบมาก็มาทำงานอยู่บริษัทขายยาสักพักใหญ่ ๆ ก็ลาออกแล้วมาเปิดร้านขายยาของตัวเองที่ศูนย์การค้าสยามรายได้จากกิจการก็ไปได้สวยแต่สุดท้ายก็มีเหตุที่จะต้องปิดไปเพราะทางห้างขอพื้นที่เช่าคืน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นหลายคนอาจมองว่าเป็นโชคร้าย ดร.แสงสุข เองก็คิดเช่นนั้นแต่สำหรับภรรยาของ ดร.แสงสุขกลับมองว่านั่นคือ “โอกาส” จึงให้กำลังใจสามีในการเดินลุยต่อไปโดยบอกสามีว่า “เขาคงอยากให้พี่ไปรวยกว่านี้” กำลังใจและมุมมองที่ดีทำให้ ดร.แสงสุขไม่ท้อและเดินหน้าต่อไป ดร.แสงสุข จึงหันมาทำธุรกิจใหม่โดยการบริษัทนำเข้าสินค้าเวชภัณฑ์ที่เน้นทางด้านนวัตกรรมและนำเข้ามาขายในประเทศไทยตรงนี้นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นการจุดประกายให้กับ ดร.แสงสุข ค้นพบผลิตภัณฑ์วิตามิน E ธรรมชาติที่เป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์นำเข้าซึ่งช่วงนั้นพอนำเข้ามาก็มีกระแสตอบรับดีอย่างรวดเร็วเพราะผลิตภัณฑ์ประเภทนี้โด่งดังในต่างประเทศอยู่แล้วแต่ด้วยต้องนำเข้าภาษีก็แพงซึ่งตอนนั้นเก็บภาษีถึง 40% ดร.แสงสุข จึงคิดว่าน่าจะเอาเงินที่เสียภาษีตรงนี้มาลงทุนในด้านการตลาดจะดีกว่านั่นจึงทำให้ ดร.แสงสุขตัดสินใจที่จะทำผลิตภัณฑ์ตัวนี้เองขึ้นมา

จากการศึกษาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาพบว่าธุรกิจความงามและเวชสำอางแท้จริงแล้วสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ประกอบการไม่น้อยเลยทีเดียวซึ่งจะเห็นได้จากมูลค่าเงินหมุนเวียนที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปีและคาดกันไว้ว่าในปี 2017 จะมีมูลค่าทั่วโลกราว ๆ 2.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐโดยประเทศไทยจะมีมูลค่าของปี 2017 ที่สูงกว่า 2 หมื่นล้านบาทนั่นคือจะมีความต้องการวัตถุดิบเพื่อความงามจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มสูงขึ้นและมูลค่าค้าปลีกถีบตัวสูงไปถึง 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐได้เลยทีเดียว

ทำตลาดสวนกระแสอีกความแตกต่างที่น่าลอง

ดร.แสงสุข ตัดสินใจผลิตสินค้าเวชสำอางของตัวเองภายใต้แบรนด์ Smooth Eซึ่งตอนที่แจ้งเกิดผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งพอดีซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก ๆ คนอื่น ๆ ต่างร่วงกันเป็นแถว ๆ เดินถอยกันทุกกิจการแต่ ดร.แสงสุข กลับเดินหน้าสวนกระแสลงทุนเต็มที่เพราะเขามองแล้วว่าในขณะที่คนอื่นวิกฤตแต่เขากลับมีโอกาสทุกอย่างตอนนั้นราคาถูกหมดทั้งค่าโฆษณาค่าผลิตภาพยนตร์ค่าการทำตลาดทุกอย่างราคาถูกหมด ดร.แสงสุข จึงคว้าเอาช่วงจังหวะนั้นไว้และใส่เกียร์เดินหน้ากับแบรนด์ Smooth E เพราะ ดร.แสงสุข รู้อยู่แล้วว่า “สินค้ามีความแตกต่าง” ดังนั้นจึง “โดนใจกลุ้มเป้าหมาย”

“ถ้าคุณจะทำธุรกิจความคิดที่จะเน้นปริมาณให้ล้มเลิกไปได้เลยคุณต้องกลับมามองตัวเองใช้ชัดเจนก่อนว่าสินค้าคุณมีอะไรดีแตกต่างจากคนอื่นอย่างไรถ้าสินค้าของคุณไม่มีจุดดีที่แตกต่างจากคนอื่นขอให้คุณล้มความคิดที่จะทำธุรกิจลงซะเพราะมันไม่เหมาะกับคุณแต่ถ้าของคุณดีและมีความแตกต่างสิ่งที่คุณต้องมองต่อไปคือสิ่งนั้นจะโดนใจลูกค้าหรือไม่”
ดร.แสงสุข พิทยานุกุล

เข้าถึงธรรมะก็เข้าใจหลักการตลาด

ใครจะคิดบ้างว่าธรรมะและศาสนามาเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจซึ่ง 2 สิ่งนี้ดูจะขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงเมื่อสิ่งแรกเน้นให้ตัดกิเลสตัณหา แต่อย่างหลังกับเน้นในการสร้างกิเลสตัณหาแต่ ดร.แสงสุขกับนำ 2 สิ่งนี้มาผสมผสานกันได้จนเกิดหลัก Marketing เฉพาะตัวขึ้นมามีอยู่ช่วงชีวิตหนึ่งที่ ดร.แสงสุข  ได้บวชเป็นพระในร่มบวรพุทธศาสนาการอยู่ในกาสาวพัสตร์ทำให้ ดร.แสงสุขได้มุมมองและความคิดใหม่ ๆ ในการมองโลกและการดำเนินชีวิตและแถมยังทำให้เข้าใจหลักของการทำธุรกิจและการทำ Marketing อีกด้วยเพราะหัวใจของการทำธุรกิจและการทำการตลาดที่แท้จริงก็คือการเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ซึ่งนั่นก็คือการเข้าใจเรื่องของกิเลสตัณหาของมนุษย์นั่นเองซึ่งตรงกับทฤษฎีลำดับความต้องการ (Hierachy of Needs Theory) ของมาสโลว์ไม่มีผิดเพี้ยนอธิบายกันคนละแนวทางแต่ก็ว่าด้วยเรื่องเดียวกันซึ่งการนำหลักธรรมะมาปรับใช้กับหลักการทำตลาดส่งผล ดร.แสงสุข สร้างแบรนด์ยาสีฟัน Dentiste ขึ้นมาได้สำเร็จและเติบโตไปไกลในระดับโลกเลยทีเดียวที่ได้รับความนิยมมากก็คือที่ญี่ปุ่นซึ่งเราทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า “ถ้าบุกตลาดญี่ปุ่นได้คุณสามารถไปได้ทั่วโลก” วิธีการของ ดร.แสงสุขใช้ก็คือ การเข้าไปนั่งในใจของคนญี่ปุ่นไปค้นหาความต้องการส่วนลึกของคนญี่ปุ่นออกมาซึ่งสิ่งที่คนญี่ปุ่นไม่ชอบเอามาก ๆ เลยก็คือเรื่องของกลิ่นปากซึ่งแบรนด์ยาสีฟันในญี่ปุ่นก็รู้ในข้อนี้ดีทั้งสิ้นแต่สินค้าที่มีอดยู่ในตลาดนั้นยังตอบโจทย์ได้เพียงภายนอกของความต้องการของประชาชนภายในประเทศเท่านั้นแต่ ดร.แสงสุข ใช้ Dentiste เข้าไปแตะที่หัวใจของคนญี่ปุ่นโดยจัดแคมเปญเกี่ยวกับความรักขึ้นภายใต้แนวคิด “บอกรักกันได้โดยไม่ต้องกลัวกลิ่นปาก” ให้หนุ่มสาวได้แสดงความรักต่อกันอย่างลึกซึ้งทั้งการบอกรักกันใกล้การจูบที่นิ่มนวลโดยมั่นใจได้ว่าปราศจากกลิ่นปากและมีความสดชื่นเต็มร้อยนั่นจึงทำให้ยาสีฟัน Dentiste ก้าวไปสู่ระดับโลกแบบสวย ๆ เลยทีเดียว

จาก Smooth E มาถึง Dentiste คุณจะเห็นว่า ดร.แสงสุข พิทยานุกุล ใช้ความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่เข้าใจสินค้าเข้าใจสถานการณ์เข้าใจตลาดไปจนถึงการเข้าใจความต้องการของมนุษย์ในวันนี้นอกจาก 2 แบรนด์นี้แล้ว ดร.แสงสุข ยังได้เปิดโรงเรียนสอนทำธุรกิจเพื่อเป็นการสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ของไทยให้เติบโตต่อไปอีกด้วย

อุปสรรคและความท้าทาย

หลายคนเมื่อเริ่มลงมือทำธุรกิจก็อาจจะเจอกับปัญหาหนัก ๆ หลายด้านรวมถึงพิษจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น ๆ จนทำให้เกิดความท้อแท้สิ้นหวังหาทางออกไม่ได้ในที่สุดก็ต้องล้มเลิกธุรกิจไปแม้ดจะไม่อยากเลิกก็ตามตรงนี้จึงเป็นอุปสรรคที่ท้าทายคนทำธุรกิจทุกคนว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ธุรกิจราบรื่นเมื่อเจอวิกฤตก็เดินต่อไปได้และสามารถที่จะเติบโตต่อไปยังระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้

แนวทางการแก้ไข

  • สร้างกำลังใจให้เข้มแข็งเมื่อเจอวิกฤตและคิดว่านั่นคือโอกาสที่จะได้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ ปัญหาที่เข้ามาอาจไม่ใช่เรื่องร้ายเสมอไปแต่นั่นอาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณได้พบอะไรใหม่ ๆ ที่ใช่มากขึ้นก็ได้
  • สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณปัจจุบันมีการแข่งขันสูงธุรกิจจึงต้องพบปัญหาอุปสรรคจากคู่แข่งอยู่ตลอดแต่ถ้าคุณค้นพบความแตกต่างของสินค้าและบริการคุณได้นั่นเท่ากับว่าคุณค้นพบจุดแข็งที่จะเอาชนะคู่แข็งได้แล้ว
  • ค้นหาความต้องการของผู้คนการทำธุรกิจยุคใหม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพียงภายนอกอย่างเดียวไม่ได้แล้วคุณจะต้องผลิตสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการภายในจิตใจให้กับผู้คนด้วยอาจจะใช้วิธีการไปพูดคุยคลุคลีอยู่กับชุมชนและผู้คนหรือถ้ามีเวลาเงินทุนและความพร้อมอาจใช้วิธีการทำวิจัยเพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้คนอย่างแท้จริงก็ได้
Passiontik

Recent Posts

Young SME หลักสูตรสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ชู Soft Power เสริมสร้างธุรกิจยั่งยืน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดหลักสูตร “Young SME” สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เน้นเชื่อมโยง Soft Power เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการ หลักสูตร Young…

6 months ago

Driving People’s Actions แนวคิดธุรกิจยุคใหม่ กับ มุมมองด้านความยั่งยืน

บุรินทร์เจอนี่ พาไปรู้จักกับแนวคิด Driving People’s Actions ของบริษัท ฮาคูโฮโด เฟิร์ส จำกัด และการรูปแบบการทำงานในองค์กรที่สอดแทรกความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ กิจกรรมรอบตัว โดยคุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…

9 months ago

อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล “ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี” จากงาน DG Awards 2023

อธิบดีกรมสรรพสามิตรับรางวัล "ผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่นแห่งปี" พร้อมอีก 2 รางวัล จากงาน DG Awards 2023 โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ดร.…

10 months ago

Driving People’s Actions แนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์แบรนด์ สไตล์ ฮาคูโฮโด เฟิร์ส

ฮาคูโฮโด เฟิร์ส ฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เผยกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจจากประสบการณ์และ ความสำเร็จที่เน้นแนวคิดขับเคลื่อนผลลัพธ์ของแบรนด์ ด้วยการสร้างพฤติกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงโจทย์ Driving People’s Actions คุณชุติมา วิริยะมหากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…

10 months ago

พิธีปิดการอบรมหลักสูตร SML รุ่นที่ 4 ปี2566

พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่นที่ 4 แก่ผู้สำเร็จการอบรม 241 คน 27 มิถุนายน 2566, กรุงเทพ:…

1 year ago

เมื่อสูงวัยต้องไปทำฟัน

ห่างหายไปนานสำหรับคอลัมน์ HiGen by Je Supaluck การกลับมาครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง "ผู้สูงวัย" น่าจะนับได้จากผู้มีอายุ 50 ขึ้นไป (วัยกลางคน) นั่นล่ะคือคนที่เริ่มเข้าสู่คนยุคสูงวัย (HiGen) โดยแท้ ไม่เว้นว่าเป็นหญิงหรือชายนับแต่คริสต์ศักราช…

1 year ago

This website uses cookies.