ในอดีตคนที่มีอาชีพเป็นศิลปินมักจะได้รับการดูถูกหรือโดนเหยียดหยามว่า “ไส้แห้ง” แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไป สื่อต่าง ๆ มีมากขึ้นทำให้สังคมได้รู้จักศิลปินกันมากขึ้นและศิลปินก็ได้สร้างผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมในวงกว้างการเป็นศิลปินจิตรกรนักวาดภาพหรือนักปั้นงานประติมากรรมต่าง ๆ จึงไม่ใช่เพียงการหารายได้เสริมหรือเป็นอาชีพเสริมธรรมดาอีกต่อไปในปัจจุบันแต่กลับเป็นอาชีพและวิธีการหารายได้หลักรวมถึงยังเป็นธุรกิจส่วนตัวของใครหลาย ๆ คน

รายได้เสริม เพิ่มด้วยความอาร์ต

โอ่ง-กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ อีกหนึ่งศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยในแนวป็อปอาร์ตหลายคนเคยเรียกเขาว่า “อาร์ตตัวพ่อ” เพราะผลงานของเขามีความโดดเด่นและต่างจากศิลปินคนอื่นเพราะมีการผสมสื่อต่าง ๆ และไอเดียธุรกิจลงไปในแนวความคิดศิลปะผนวกกับข้าวของเครื่องใช้จนดูเป็นงานอาร์ตที่แตกต่างแหวกแนวมีสไตล์เป็นของตัวเองใครจะเชื่อว่าไอเดียธุรกิจงานแปลก ๆ ในแนวประเภทการลงทุนทำเอาฝาชีมารวมกับหลอดไฟลงทุนทำเอาแก้วน้ำพลาสติกมารวมกับลูกบอลแล้วจัดการดัดแปลงตกแต่งทาสีซ้ำเพียงแค่นี้ก็เพิ่มมูลค่าให้กับงานชิ้น ๆ ขึ้นอีกหลายเท่าในทันทีและที่สำคัญ “มีคนต้องการ” ด้วยผลงานของเขาไปกระแทกโสตประสาทของคนกลุ่มหนึ่ง (Niche Market) ที่ชอบงานแนวนี้จนถึงขนาดมาติดต่อให้เขาลงทุนทำผลิตอะไรก็ได้ที่เป็นสไตล์ออกมาซึ่งค่าตอบแทนในการผลิตก็สูงมากเลยทีเดียว

ผู้สร้างสีสัน โอ่ง-กงพัฒน์ ตัวแทนของความทันสมัย

  1. เวลาจะทำงานผมจะคิดถึงความสนุกไว้ก่อน
  2. ผมรู้ว่าอะไรจะอิน จะเอาต์ จากสัญญาณเตือนของผม
  3. ผมเป็นคนซื้อเสื้อผ้าบ่อยทุกอาทิตย์เลย
  4. ผมจะแอนตี้ในสิ่งที่คนนิยมกันเยอะใครนิยมใช้อะไรกันผมจะไม่ใช้

ข้อมูลอ้างอิง : ผู้สร้างสีสัน โอ่ง-กงพัฒน์ ตัวแทนของความทันสมัย

คลิกเลย! แนะนำบทความน่าอ่าน

แต่อย่าคิดว่าเขาจะลงทุนทำงานอาร์ตที่เข้าใจยากหรือเอาใจเฉพาะกลุ่มเท่านั้น กงพัฒน์ ลงทุนทำงานแบบอื่น ๆ ด้วยทั้งงานเสริมคือศิลปะทั่วไปที่เหมาะจะใช้จัดนิทรรศการเป็นพิธีกรในการเปิดตัวสินค้าหรืองานอีเว้นต์ต่าง ๆ ซึ่งควบคู่ไปกับการลงทุนทำประดิษฐ์สิ่งของแปลก ๆ ประกอบในงานพิธีกรรายการโทรทัศน์ก็เคยทำเขียนคอลัมน์ลงนิตยสารก็เคยจนมาเป็นนักเขียนออกหนังสือสอนประดิษฐ์สิ่งของตามสไตล์ของตัวเองก็ทำมาแล้วทั้งหมดเหล่านี้กงพัฒน์ไม่ได้มองว่าเป็นการหารายได้เสริมสำหรับเขาแต่ทั้งหมดนี้คือรายได้หลักจากความสามารถของเขาที่ลงทุนทำผสานเข้ากับไอเดียธุรกิจจนสามารถเข้าถึงตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลยสักบาทเดียว

หยิบความรักมาอาร์ตให้แตกต่าง

“คนไทยชอบมองข้ามสิ่งที่คุ้นตาชอบมองว่าสิ่งเหล่านั้นเชยแต่สำหรับผมกลับมองว่าสิ่งพวกนั้นเก๋ไก๋” –กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์

สิ่งที่น่าสนใจก็คือกระบวนการคิดและไอเดียธุรกิจของคุณกงพัฒน์ ที่ “กล้า” มองการทำธุรกิจต่างคิดต่างออกไปฉีกแนวธุรกิจส่วนตัวเดิม ๆ ที่เคยมีจนเกิดงานศิลปะผสานการลงทุนทำเอาข้าวของเครื่องใช้มาประดิษฐ์ใหม่ภายใต้ความสร้างสรรค์หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเพียงแค่งาน DIY ทำธรรมดาทำขึ้นมาก็คงเอาไปขายเป็นรายได้เสริมหรือทำเป็นอาชีพเสริมสำหรับตัวเองเท่านั้นแต่สำหรับ คุณกงพัฒน์ เขาลงทุนทำหยิบจับเอาของที่มีอยู่แล้วมาสร้างสรรค์ใหม่ใส่งานศิลป์และไม่ลืมเติมไอเดียธุรกิจลงไปด้วยทำให้งานของเขามีมูลค่าสูงขึ้นเจาะตลาดเฉพาะได้เป็นงานศิลป์ที่สวยงามและมีความเป็น DIY ใช้งานได้จริงโดยที่งานหลาย ๆ ชิ้นของเขาไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพื่อลงทุนทำเลยหากจะมีการใช้เงินลงทุนก็เรียกว่าน้อยเอามาก ๆ เลยทีเดียว

แต่เอาเข้าจริงถ้ามองกันลึก ๆ แล้วเงินลงทุนของชายคนนี้ก็ไม่เหมือนใครอีกเช่นกันเพราะเขาไม่ได้ใช้เงินลงทุนไปด้วยเงินตราแต่เขาลงทุนทำไปด้วยชีวิตของเขาทั้งความคิดเวลาและความใส่ใจเขาลงทุนทำด้วยความรักของเขาใส่ความแปลกเข้าไปจนได้สิ่งใหม่ที่ไม่ได้แค่สร้างรายได้เสริมหรืออาชีพเสริมให้เขาแต่กลับเป็นรายได้หลักที่เขาใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องถามตัวเองว่าคุณมีความ “รัก” ในสิ่งใดบ้างและกล้าพอไหมที่จะนำสิ่งนั้นมาแปลงเป็นธุรกิจส่วนตัวลองใส่ความแปลกความใส่ใจไอเดียธุรกิจความคิด

แนวคิดผู้นำ เพื่อความสำเร็จ

  • ต้องเข้าใจตัวเองว่ารักสิ่งใดชอบทำอะไรและมีความสนใจในสิ่งไหน
  • ต้องกล้าคิดต่างและมองว่าทุกสิ่งเป็นไปได้
  • อย่ามัวแต่ “คิด” ต้องลงมือ “ทำ”
  • ไม่ว่าจะทำอะไรอย่าลืมใส่ “ไอเดียธุรกิจ” ลงไปด้วยเสมอเพราะสิ่งนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าได้
  • ต้องมองให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองทำ

Passion in this story