ผสมผสานเทคโนโลยี – แนวคิดผู้นำธุรกิจ SME รุ่นใหม่

จากจุดเริ่มต้นเรื่อยมาจนถึงทศวรรษที่ 2520 กิจการด้านโทรศัพท์ในประเทศของไทยนั้นอยู่ภายใต้การบริหารและให้บริการโดยองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น รูปแบบเช่นนี้มีจุดอ่อนหลายประการเช่นประการแรกการที่องค์การโทรศัพท์เป็นผู้ให้บริการรายเดียวจึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขยายการใช้งานโทรศัพท์ไปสู่ครัวเรือนที่ทำได้ช้ามากประการที่สองการขอติดตั้งโทรศัพท์ต้องรอคิวนานหลายปีทั้งหมดนี้ทำให้โทรศัพท์ไม่เป็นที่แพร่หลายในครัวเรือนเท่าที่ควร

คิดแบบผู้นำ ทำธุรกิจต้องเชื่อมโยงเทคโนโลยี

การตัดสินใจก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจการสื่อสารของคุณธนินท์เป็นเสมือนการช่วยให้พวกเราได้เปิดโลกทัศน์สู่อาณาจักรใหม่โลกใหม่ของการสื่อสารอันนำมาซึ่งเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเองหากไม่มีคนที่มีวิสัยทัศน์ไกลและใจกล้าแบบคุณธนินท์เข้าไปบุกเบิกตอนนี้ประเทศไทยจะพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีและการสื่อสารมาได้ถึงเพียงนี้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้เลยทีเดียวจะเรียกว่านี่เป็นคุณูปการอีกอย่างหนึ่งของคุณธนินท์ก็ไม่น่าจะผิดนัก

มาถึงวันนี้วันที่เทคโนโลยีการสื่อสารและเรื่องของไอทีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนจนแทบจะเรียกว่าแยกจากกันไม่ได้แล้วผู้ประกอบการ SME ไทยจึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเรื่องของการปรับใช้เทคโนโลยีไอทีให้เหมาะสมกับการทำธุรกิจอีกทั้งควรจะต้องมีการวางแผนการบริหารงานและการทําการตลาดให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้จากรายงานของ MDG Advertising บริษัทเอเยนซี่โฆษณาจากนิวยอร์กเผย 5 สิ่งสำคัญที่คุณจะเห็นบนโลกโซเชียลมีเดียและการตลาดดิจิตอลตลอดปี พ.ศ.2560 โดย

5 แนวโน้มที่ผู้นำธุรกิจ SME ควรรู้

1. แอพพลิเคชั่นที่ใช้ Chat ต่าง ๆ จะได้รับความนิยมอย่างมากซึ่งในตอนนี้ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Facebook หันมาสื่อสารกับทีมงานผ่าน App Slack ซึ่งเป็น App Chat สื่อกลางในการทำงานที่ดีและมีความสะดวกเรียกได้ว่าบริการเดียวเอาอยู่หมดสำหรับการทำงานเป็นทีมทั้ง Email, Chat และไฟล์งานต่าง ๆ อีกทั้งยังทำงานร่วมกับ Dropbox และ Google Drive ได้อีกด้วย
2. พนักงานในองค์กรจะกลายเป็น Social Ambassadors ที่สำคัญของแบรนด์ไปโดยปริยายเพราะด้วยอิทธิพลของสื่อโซเชียลนี่เองทำให้เกิดการบอกต่อจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตามก็จะเกิดการบอกต่อการแชร์อยู่ในตัวเองอยู่แล้วยิ่งถ้าพนักงานมีความรักและผูกพันกับบริษัทด้วยล่ะก็ยิ่งทำให้พวกเขาตั้งใจจะบอกต่ออย่างยิ่งพนักงานยังช่วยให้แบรนด์ถูกคนทั่วไปมองเห็นมากขึ้น 79% และทำให้คนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น 65% เลยทีเดียว
3. กระแสนิยมของวีดิโอบนโลกออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้นถึง 60% Video Streaming จะมีคนดูมากกว่า LiveVideo บน Facebookถึง 6 เท่าและแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
4. แพลตฟอร์มของแต่ละโซเชียลจะแตกต่างกันน้อยลง Facebook อีกหน่อยจะไม่ต่างจาก YouTube คือเต็มไปด้วยวีดิโอขณะที่ YouTube ก็แสดงความคิดเห็นและไลค์ได้เหมือน Facebook
5. แต่ละโซเชียล ฯ มีกลุ่มผู้ใช้ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเช่น Instagram และ Snapchat วัยรุ่นใช้งานเยอะ Pinterest ผู้หญิงใช้มากกว่าผู้ชายและคนที่มีรายได้สูงจะใช้งาน LinkedIn เป็นต้น

คลิกเลย! แนะนำบทความน่าอ่าน

• วิสัยทัศน์ CEO – กรณีศึกษาจากกูรูแบบอย่างความสำเร็จแรงบันดาลใจ100 วิสัยทัศน์นักธุรกิจระดับโลก ประสบการณ์จากตำนานมีชีวิต
• ทิวาร์ ยอร์ค ผู้นำทีมสู่ – E-commerce แนวหน้าของประเทศไทย
• พลิกรายได้เสริมเป็นรายได้หลัก – ใครว่าศิลปินไส้แห้ง!
• ชาตรามือแนะ! เปิดร้านชากาแฟ ให้ปังด้วย Hastag ได้อย่างไร
• ธุรกิจส่วนตัวไปได้สวย – วางแผนขยายธุรกิจอย่างไรดี

Immersive interface โอกาสของธุรกิจยุคใหม่

แนวโน้มผู้บริโภคตั้งแต่ปี 60 นี้เป็นต้นไปจะเริ่มให้ความสนใจกับสินค้าและบริการที่สมจริงมากขึ้น SME ไทยจึงจำเป็นที่จะต้องหันมาสนใจเรื่อง Immersive Interface หรือการตลาดแบบสมจริงมากขึ้นมีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้าสถาบันการเงินธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ จะเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่อย่าง Augmented reality อันเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยขยายประสบการณ์การรับรับรู้และสัมผัสของพวกเราให้มีความละเอียดมากขึ้นคล้ายกับเรามองไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่งและมีข้อมูลดิจิตอลปรากฎขึ้นมาบอกข้อมูลเราผ่านแว่นตาที่ทำเชื่อมโยงกันและ Virtual Reality อันเป็นเทคโนโลยีแบบ 3D เหมือนเราไปอยู่ตรงนั้นจริง ๆ มา Mix & Match กันและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจรวมถึงการทําการตลาดแบบเดิม ๆ ให้มีสีสันที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้นคือองค์กรและบริษัทต่าง ๆ จะเริ่มหันกลับมาทำเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคมากขึ้นนั่นเอง

“เทคโนโลยีปัจจุบันทำให้งานยาก ๆ ง่ายขึ้นหลายเท่าตัวแค่เรารู้จักใช้มัน” -David Karp ผู้ก่อตั้ง Tumblr  Microblogging สุดฮอต

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์จากพฤติกรรมของผู้คนที่ใช้เวลากับสื่อออนไลน์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการติดต่อสื่อสารการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ รวมถึงการซื้อขายสินค้าและบริการที่เริ่มมีแนวโน้มเบนมาสู่การทำกิจกรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นนั่นจึงเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ SME ไทยต้องเริ่มหันมาสนใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตและใช้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจและการบริหารงานมากขึ้นการกระจายงบประมาณโฆษณามาสู่กลุ่มสื่อออนไลน์มากขึ้นนั้นถือว่าเป็นเรื่องต้องพิจารณาในอันดับต้น ๆ แล้วในตอนนี้ด้วยเพราะกลุ่มสื่อออนไลน์ยังมีอัตราค่าโฆษณาที่อยู่ในระดับต่ำอยู่จึงทำให้กลุ่ม SME ยังพอมีโอกาสแข่งขันคืออย่ามองการใช้เงินด้านเทคโนโลยีไอทีเป็นค่าใช้จ่ายแต่ให้มองว่าเป็น “การลงทุน”

เดวิด คาร์ป ผู้สร้างบริษัท 1,000

1. ผมไม่ค่อยได้ใช้เวลาสุงสิงกับคนอายุคราวเดียวกันสักเท่าไหร่
2. ผมมักจะต่อต้านการจัดตารางงานเพราะผมเชื่อว่ามันเป็นการขัดขวางความคิดสร้างสรรค์
3. ห้เพื่อนของคุณอยู่เคียงข้าง แต่ให้ที่ชาร์จแบตคอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ยิ่งกว่า
4. ผู้ประกอบการคือคนที่มีวิสัยทัศน์ กับความต้องการที่จะสร้างอะไรบางอย่าง
5. ผมอยากจะสร้างอะไรบางอย่างที่ผมมีความสุขที่จะต้องอยู่กับมันอย่างน้อย 10 ปี
6. คนอื่นชอบแนะนำให้ผมหาผู้ช่วยสักคน แต่ผมคิดว่าไม่จำเป็น
7. ผมมักจะเลิกงานประมาณ 2 ถึง 3 ทุ่ม วันหรือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผมจะดูว่าใครยังอยู่ที่ออฟฟิศบ้าง
8. ผมมักจะรู้สึกผิดหากไม่ได้หลับก่อนเที่ยงคืน ผมมีกฎคือห้ามมีแล็บท็อปบนเตียงเด็ดขาด

อ้างอิงข้อมูล : เดวิด คาร์ป ผู้สร้างบริษัท 1,000

ซึ่งน่าจะทำให้ปรับความรู้สึกได้ง่ายกว่าถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณยืนยาวตลอดไปการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตและมีความสะดวกในการบริหารงานนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลา SME ไทยไม่ควรมองแค่วันนี้แต่ควรมองไปในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้าด้วย

แนวคิดผู้นำเพื่อความสำเร็จ

• ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในด้านการผลิตปัจจุบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีมีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงอีกทั้งยังทันสมัยควบคุมได้ตั้งแต่ระยะไกลจึงทำให้เพิ่มโอกาสทางการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
• ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในด้านการจัดการข้อมูล SME ควรหันมาใช้ระบบ CloudSystem ให้มากขึ้นเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการจัดเก็บและส่งข้อมูลระหว่างกันช่วยให้การทำธุรกิจมีความต่อเนื่อง
• ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในเรื่องของการขนส่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโลจิสติกส์ต้องหันมาใช้ GPS Tracking System กันให้มากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพในการขนส่ง
• ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในเรื่องการติดต่อสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ ช่วยให้คุณแนบแน่นกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
• ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในเรื่องของการเงินซึ่งจะเพิ่มความสะดวกรวดเร็วทั้งคุณและลูกค้าอีกทั้งยังสามารถติดตามและตรวจสอบได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย