สถานที่ทำงานเป็นเหมือนสังคมขนาดย่อมๆ มีคนหลายประเภทมาอยู่ร่วมกัน โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างพนักงานภายในองค์กรจึงมีอยู่มาก โดยเฉพาะในสายงานประเภทที่ต้องมีการประสานงานกันระหว่างคนหลายคน หรืองานประเภทที่มีการแข่งขันกันสูงเพื่อสร้างผลงาน
เชื่อว่าคุณเองก็อาจจะมี “ศัตรู” ที่คุณบังเอิญไปสร้างขึ้นมาเพราะพวกคุณมีนิสัย กับแนวคิดที่แตกต่างกันมาก ไม่ก็เป็นเพราะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พวกคุณไม่ถูกใจกันขึ้น หรืออีกฝ่ายก็อาจเกลียดคุณโดยไม่มีเหตุผลซะอย่างงั้น แหม่ แค่ทำงานตามปกติก็เครียดพออยู่แล้ว ต้องมาเจอกับคนเหล่านี้ด้วยยิ่งปวดหัวหนักเข้าไปใหญ่
แต่ทราบหรือไม่ว่าการที่คุณมี “ศัตรู” อยู่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทั้งหมด เพราะเขาสามารถกลายเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ และหน้าที่การงานของคุณได้อย่างมหาศาล ซึ่งในบทความนี้ passion gen จะมาชี้ให้คุณเห็นแง่มุมดีๆ ของการมีศัตรู ให้ผู้อ่านทุกท่านได้ทราบกัน
1. เขาเป็นบททดสอบการจัดการความโกรธของคุณ
“ศัตรู” ของคุณ คือผู้เชี่ยวชาญด้านการทำให้คุณอารมณ์เสีย เพราะเขามักจะหาเรื่องมากวนใจคุณได้บ่อยๆ แต่จุดนี้เองที่ทำให้เขาเป็นคู่สนทนาชั้นยอดที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้ฝึกฝนทักษะการจัดการความโกรธ (Anger Management) ของคุณ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญไม่น้อยในชีวิตประจำวัน และการทำงานที่คุณต้องติดต่อกับผู้คนมากมาย
การจัดการกับความโกรธ ทำได้หลายวิธีเช่น การหายใจเข้า-ออก ลึกๆ การทำสมาธิ และทำกิจกรรม/งานอดิเรกที่ชอบทำ เพื่อทำให้คุณผ่อนคลาย และใจเย็นลง ถ้าคุณสามารถฝึกจิตใจจนคุณไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยุใดๆ หรือสามารถหาวิธีรับมือกับอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด คุณก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นเยอะ และลดโอกาสที่ความขัดแย้งระหว่างคุณกับ “ศัตรู” ของคุณจะฝังลึกลงไปมากขึ้น
2. เขาคือผู้ที่สามารถชี้ให้คุณเห็นข้อเสียของตนเองได้
เพื่อน และคนรู้จักของคุณ มักไม่ค่อยพูดถึงข้อเสีย หรือจุดด้อยบางอย่างของคุณออกมาอย่างตรงไปตรงมา เพราะพวกเขากลัวว่าคุณจะเสียใจ หรือไม่อยากทำให้คุณโกรธ แต่ในทางตรงกันข้าม คนที่ไม่ถูกกับคุณ จะสามารถวิจารณ์ หรือตำหนิคุณได้อย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้เขาอาจจะใส่อารมณ์พูดเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีโอกาสสูงเช่นกันที่บางอย่างที่เขาพูดมาจะเป็นเรื่องจริงมากๆ หรือเป็นข้อเสียที่คุณไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
ดังนั้น ทุกครั้งที่ถูกเขาต่อว่า ก็ทำใจเย็นๆ เข้าไว้ ให้ถอยออกมา และลองนำสิ่งที่ได้ยินมาไปพิจารณาดูอย่างละเอียดว่า สิ่งที่เขาต่อว่าคุณมาเป็นข้อเสียจริงๆ ของคุณหรือไม่ และคุณจะแก้ไขข้อเสียเหล่านั้นได้อย่างไร เพราะการตระหนัก และการยอมรับว่าตนเองนั้นมีข้อบกพร่อง เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาตนเอง
3. เขาคือ “คู่แข่ง” ที่ดีของคุณ
คุณเคยดูหนัง ซีรีย์ หรือการ์ตูน แนวต่อสู้ หรือการแข่งขันไหม? ในเรื่องพระเอกมักจะมีตัวละครคู่ปรับ ที่ชอบดูถูกฝีมือพระเอก หรือชอบมาหาเรื่องพระเอกอยู่บ่อยครั้ง จนเขากลายเป็นเป้าหมายหลักที่พระเอกตั้งเป้าจะเอาชนะให้ได้ โดยเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินต่อไป พระเอกก็สามารถพัฒนาฝีมือตนเองขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเอาชนะคู่แข่งคนนั้นได้ในที่สุด
ความสัมพันธ์ของคุณกับ “ศัตรู” ของคุณในโลกแห่งความเป็นจริงมันก็คล้ายๆ แบบนั้น คุณสามารถมอ “ศัตรู” ของคุณให้เป็น “คู่แข่ง” ในการทำงานได้ ซึ่งความรู้สึกในการอยากจะเอาชนะเขาจะเป็นแรงบันดาลใจอย่างดีสำหรับการพัฒนาตนเอง และความกระตือรือร้นในการทำงานของคุณ
ส่วนคุณจะสามารถไปยืนอยู่เหนือกว่าเขาได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความพยายามส่วนตัวของคุณเอง แต่ระวังอย่าปล่อยให้ความรู้สึกอยากจะเอาชนะครอบนำจนคุณมากจนคุณหันไปใช้วิธีสกปรกต่างๆ เพื่อเอาชนะคู่แข่งของคุณให้ได้ เพราะชัยชนะที่ได้มาจากการทำลายตัวคุณเองนั้นไม่มีประโยชน์อะไร
ไหนๆ แล้วก็พยายามผูกมิตรกับ “ศัตรู” ของคุณดูสิ
ถึงแม้การมีศัตรูจะเป็นประโยชน์มากเพียงใด หากเป็นไปได้ และยังไม่สายเกินไป คุณก็ควรหาวิธียุติความขัดแย้งระหว่างคุณกับเขาเสีย โดยถ้าหากคุณทราบถึงต้นเหตุที่ทำให้คุณกับเขาไม่ถูกใจกันอยู่แล้ว ก็ควรหาจังหวะเหมาะๆ เข้าไปเปิดอกพูดคุยกับเขา เพื่อปรับความเข้าใจกัน ส่วนในกรณีที่คุณไม่ทราบ หรือไม่แน่ใจว่าคุณไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบคุณ คุณก็ควรเข้าไปพูดคุยเพื่อสอบถามถึงสาเหตุ และหาวิธีแก้ไขต่อไป
ถ้าหากความขัดแย้งระหว่างพวกคุณเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน อยู่ๆ จะให้คืนดีกันเลยก็อาจจะยากซักหน่อย แต่ในเบื้องต้นถ้าพวกคุณสามารถปรับความเข้าใจกัน หรือสามารถพบกันคนละครึ่งทางได้ ก็ถือว่าดีเกินพอแล้วสำหรับการเริ่มต้น และในอนาคตถ้าโชคดีคุณกับเขาอาจจะได้กลายเป็นเพื่อนกันก็ได้
ข้อมูลจาก lifehack
Category: