สุภาษิตที่ว่า ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ อาจจะไม่ค่อยได้ยินกันสักเท่าไหร่ในยุคปัจจุบัน ตรงกันข้ามเราเริ่มเห็นเรื่องทำนองที่ว่า คนทำดีมักไม่ได้ดี แต่ทีคนทำชั่วไม่โดนลงโทษอะไร แถมยังได้ดีกันอีกเยอะแยะ ไม่น่าแปลกใจที่คนทำดีจะเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจและหันไปทำไม่ดีกันมากขึ้น จนกลายเป็นว่า ‘ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป’
แต่สำหรับกรมสรรพากรแล้ว สิ่งไม่ดีจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะล่าสุดกรมสรรพากรได้ประกาศความร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารของรัฐและเอกชนกว่า 20 แห่ง อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ออกเคมเปญ “SMEs โปรดี บัญชีเดียว” เพื่อสนับสนุนและเพิ่มโอกาสให้กับคนทำดีโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนากลางหรือกลุ่ม SMEs ในการจัดทำงบการเงินที่ถูกต้อง สะท้อนผลการดำเนินงานของกิจการอย่างโปร่งใส และสามารถช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SMEs
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “ในวันนี้กรมสรรพากรร่วมกับสถาบันการเงิน 20 แห่ง ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้จัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงินให้ถูกต้อง และสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งเป็นโครงการการต่อเนื่องจากมาตรการ SMEs บัญชีชุดเดียวและเป็นการยกระดับความร่วมมือครั้งสำคัญของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน”
การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร ธนาคาร และ บสย. จะร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs จัดทำบัญชีและงบการเงินให้ถูกต้องสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ
ทั้งนี้ ข้อมูลของสรรพากรและธนาคารต่างๆระบุว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการแสดงความจำนงทำบัญชีเดียวถึง 79,000 ราย แต่ผ่านเกณฑ์เพียง 24,000 รายเท่านั้น ซึ่งการมีงบการเงินหลายเล่มหรือมีหลายบัญชี ทำให้ผู้ประกอบการอาจไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร เพราะไม่สามารถนำงบการเงินมาวิเคราะห์สภาพคล่องและรู้ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของธุรกิจได้ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก เนื่องจากงบการเงินที่นำมาแสดงไม่ได้สะท้อนศักยภาพของธุรกิจ
กรมสรรพากรและสถาบันการเงิน จึงต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการทำบัญชีเพียงเล่มเดียว โดยเริ่มเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษไม่น้อยกว่า 5% เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 นี้
ในส่วนของบสย. จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้ลงทะเบียน เข้าร่วมโครงการกับกรมสรรพากร ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดการตลอดปี 2563 ภายใต้เงื่อนไขที่ บสย. กำหนด สำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อจากธนาคารพันธมิตรทุกแห่ง เพื่อเป็นแรงจูงใจและของขวัญให้กับกลุ่ม SMEs ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้
การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs จัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงินให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนให้คนที่ทำดีได้ดีเป็นการตอบแทน โดยมอบสิทธิพิเศษทางการเงินให้กับผู้ประกอบการที่จัดทำบัญชีชุดเดียว ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อย่างถูกต้องมาโดยตลอด และสนับสนุนให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้น รวมถึงมาตรการตรวจสอบคนทำไม่ดีที่เข้มงวดขึ้น น่าจะช่วยให้คนดีมีกำลังใจในการทำความดีต่อไปเรื่อย ๆ และให้คนที่ทำไม่ถูกต้องหันมาทำสิ่งที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์กันเสียที
โครงการ “SMEs โปรดี บัญชีเดียว” นอกจากช่วยกระตุ้นให้สังคมมีคนดีปฏิบัติตนถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ยังช่วยพัฒนาศักยภาพของ SMEs ไทย กระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ทั้งในเรื่องคุณธรรมและเศรษฐกิจ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนที่น่าจะเป็นแบบอย่างให้หน่วยงานอื่น ๆ ได้เอาอย่างและต่อยอดต่อไป เพื่อให้คน ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ อย่างที่เราพูดกันมาเสมอ
Category: