องค์กร ของคุณอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือไม่ ?
- อัตราการลาออกสูง
- พนักงานเครียดจนป่วยจำนวนมาก
- พนักงานจับกลุ่มนินทา เล่นงานกันลับหลัง
ถ้าใช่ แสดงว่า องค์กรและพนักงานกำลังมีปัญหาความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient –EQ หรือ Emotional Intelligence- EI) ! ซึ่งปัจจุบันนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่า ไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคลอีกต่อไปแล้ว
ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในที่ประชุม World Economic Forum หรือ สภาเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นพ้องกันว่า ในปี 2020 นี้ ความฉลาดทางอารมณ์ จะเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำธุรกิจ
อะไรคือ “ความฉลาดทางอารมณ์” ? คำนี้หมายถึงการรู้จักและเข้าใจอารมณ์ตนเอง รู้ว่า ตนเองกำลังมีความสุข กำลังเศร้า ทุกข์ใจ หรือหงุดหงิดใช่หรือไม่?
คำตอบคือ “ ไม่ใช่ ” นั่นเป็นเพียง 1 ในองค์ประกอบของสิ่งที่เรียกว่าความฉลาดทางอารมณ์ ที่ประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก คือ
- การรู้จักตนเอง Self-Perception
- การแสดงลักษณะเฉพาะตัว Self-Expression
- ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล Interpersonal
- การตัดสินใจ Decision Making
- การจัดการกับความเครียด Stress Management
พูดง่ายๆ คือ ความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง ความสามารถในการรู้จักตนเอง เข้าใจอารมณ์ตนเอง สามารถแสดงออกซึ่งตัวตนของตนเองอย่างอิสระ พร้อมกับวุฒิภาวะที่สามารถพอใจกับความสัมพันธ์ที่มีกับคนทั่วไป มีความสามารถในการตัดสินใจ สามารถบริหารความเครียด และกล้าเผชิญอนาคตด้วยมุมมองเชิงบวก
คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ จะสามารถใช้ชีวิตทั้งในเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวได้อย่างมีคุณภาพ
หัวหน้างานทั้งหลาย จึงควรให้ความสำคัญกับความฉลาดทางอารมณ์ของพนักงานด้วย เพราะทีมงานที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะเป็นทีมงานที่มีสุขภาพดี ผลิตผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทีมงานที่ทุกคนมีความฉลาดทางอารมณ์จะสื่อสารกันอย่างดี กระตือรือร้น และจดจ่อกับการทำเป้าหมายที่กำหนดไว้ในกระดาษให้เป็นจริง รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเพื่อนร่วมงาน และแน่นอน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะผลักดันให้องค์กรของคุณเดินหน้า รวมถึงสามารถรักษาพนักงานคุณภาพให้อยู่กับองค์กรได้นานๆ
แล้วจะประเมินอย่างไรว่า องค์กร หรือ คนในองค์กร มีความฉลาดทางอารมณ์ ?
หลักการง่ายๆ คือ หากพบสิ่งต่อไปนี้ในองค์กร ให้พึงรู้ว่า มันคือสัญญาณบอกให้คุณต้องเร่งจัดการเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ในองค์กรได้แล้ว
- มีอัตราการลาออกสูง
- มีการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเกิดขึ้นบ่อยกับคนในองค์กร
- มีวัฒนธรรมการจับกลุ่มนินทา หรือพฤติกรรมลอบทำร้ายกันลับหลัง
- มีช่องว่างในการสื่อสารระหว่างผู้จัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชา
- เมื่อมีการทำสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น บทลงโทษจะรุนแรง
- มีพนักงานบางคนเท่านั้นที่เป็นคนโปรด ในขณะที่คนอื่นๆ ที่เหลือ ถูกละเลย หลงลืม
- ไม่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระดับบุคคลและความสามารถในการทำงาน
- องค์กรขาดพนักงานที่มีความหลากหลาย
องค์กรจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร หากมีพนักงานจำนวนมากลาออกกันทุกเดือน เพราะพวกเขารู้สึกว่าโดนรังแกจากผู้จัดการ หรือเมื่อผู้บริหารไม่สามารถจ้างพนักงานที่มีความสามารถหลากหลายเข้ามาร่วมงานได้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ขาดมุมมองสำคัญ และถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังในเวทีการแข่งขันทางธุรกิจ
ในฐานะผู้นำ การยกระดับความฉลาดทางอารมณ์ของคุณเองเป็นเรื่องแรกที่ควรทำ เพราะการยกระดับความฉลาดทางอารมณ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในทุกระดับ ทำให้คุณเป็น “มนุษย์” ที่พร้อมทำงานและมีสุขภาพที่ดีขึ้น
ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส นักเศรษฐศาสตร์ชาวบังกลาเทศ เจ้าของรางวัล โนเบลไพรซ์ สาขาสันติภาพ และผู้ก่อตั้ง กรามีนแบงก์หรือธนาคารหมู่บ้านของบังกลาเทศ กล่าวในงาน Social Business Day ที่กรุงเทพ ฯ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า “ ธุรกิจที่มีความเป็นมนุษย์ ” คือการแสวงหากำไร ขณะเดียวกับที่แบ่งปันสังคมและสร้างความสุขให้กับผู้อื่นด้วย
นี่ก็คือเรื่อง EI เหมือนกัน
เริ่มที่ตัวคุณ แล้วส่งเสริม-สนับสนุนให้พนักงาน ผู้ที่ทำงานให้คุณทุกๆ คน สามารถพัฒนา “ความฉลาดทางอารมณ์” องค์กรของคุณจะไปได้รอด และไปได้ไกล ไม่ว่า สภาพการแข่งขันในธุรกิจของคุณจะเป็นเช่นไร
หากอยากไปเร็ว ให้ไปคนเดียว
แต่หากอยากไปได้ไกล ต้องไปด้วยกัน
แปลและเรียบเรียงจาก Why Emotional intelligence can make or break your organization www.entrepreneur.com "ยูนุส" กับ "ธุรกิจเพื่อสังคม" ความสุขที่ยิ่งกว่ากำไรของนักธุรกิจ www.prachachat.net
Category: