ปัจจุบัน “การวิ่ง” ยังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในหลายๆ ประเทศทั่วโลก หลายคนหยิบรองเท้ากีฬา “ออกวิ่ง” ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน แต่เชื่อได้ว่าเหตุผลหลักก็เพื่อรักษาสุขภาพและลดอัตราการเกิดโรคร้าย  

ในสนามวิ่งมาราธอน เชื่อว่านักวิ่งหลายๆ คน เริ่มคุ้นเคยกับชื่อและใบหน้าของ ธนะชัย ณ นคร หรือ โจ้ ชายหนุ่มจากแวดวงสื่อสารมวลชน เพราะเพียงแค่ 4 ปี เขาลงวิ่งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 80 สนาม โจ้บอกว่า ทุกวันนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจวิ่งเพื่อเป็นนักวิ่งแถวหน้าของเมืองไทย แต่ตั้งใจวิ่งเพื่อพาตัวเองออกจากโรคที่เป็นอยู่

ธนะชัย เล่าถึงแรงบันดาลใจในการ “วิ่ง” ให้ฟังว่า ตัวเขาเป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความที่ไม่เคยไปตรวจร่างกายอย่างจริงจัง เลยไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคนี้ จนไปสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร. เจริญรอยตามบิดาที่เป็นนายทหาร ซึ่งการสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี กระทั่งถึงขั้นตอนการตรวจร่างกาย ที่ทำให้ความฝันจะเป็นนายทหารสลายไปในพริบตา

          “หมอทหารพบว่ามีก้อนเนื้ออยู่ในจมูก คล้ายริดสีดวง ต้องรีบผ่าตัด ซึ่งต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดก้อนเนื้อในจมูกมาจากโรคภูมิแพ้  ตั้งแต่นั้นมา ต้องเข้ารับการผ่าตัดมาเรื่อยๆ เฉลี่ย 5 ปีผ่าตัดครั้ง เพราะก้อนเนื้อโตขึ้นตลอด จนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมเริ่มคิดว่า ถ้าหากยังไม่เริ่มดูแลสุขภาพ ปล่อยให้ร่างกายทำงานหนัก นอนดึก ตื่นเช้า ตกเย็นเข้าสังคม แล้วยังต้องผ่าตัดก้อนเนื้อในจมูกเป็นประจำ ร่างกายคงแย่ เลยตัดสินใจมาออกกำลังกายด้วยการวิ่ง”

 

หนทางสู่เส้นชัย ต้องฝึกซ้อม อย่าหวังโชคช่วย

          ในช่วงแรกของการวิ่ง ธนะชัยยอมรับว่าเพราะขาดการออกกำลังกายมานาน เมื่อวิ่งไปได้เพียง 500 เมตร – 1 กิโลเมตรจึงหอบและรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ไม่คิดล้มเลิก จึงกลับมาที่สนามวิ่งอีกในวันต่อมา แล้วใช้วิธีวิ่งสลับเดินระยะทาง 1 – 2 กิโลเมตรจนร่างกายเริ่มปรับตัวได้ แต่ขณะนั้นก็ยังไม่ใช่การวิ่งที่จริงจังนัก เพราะใช้เวลาที่สะดวกเป็นหลัก บางสัปดาห์วิ่งเพียงวันเดียว บางสัปดาห์วิ่ง 2 – 3 วัน และบางสัปดาห์งานยุ่งมากจนไม่ได้วิ่งเลยก็มี

ในช่วงมือใหม่หัดวิ่ง มีผู้ชวนธนะชัยไปวิ่งในงานวิ่งการกุศล “Run Hero Run” เขาลงประเภท FUN RUN ระยะทาง 3 กิโลเมตร ซึ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่มั่นใจว่าจะวิ่งถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ เพราะซ้อมวิ่งระยะทางสูงสุดเพียงแค่ 2 กิโลเมตร แต่สุดท้ายก็สามารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2

          “งานนั้นเป็นงานวิ่งครั้งแรก ไม่รู้จริงๆ ว่า FUN RUN เป็นการวิ่งแบบสบายๆ เดินได้ ผมก็วิ่งลูกเดียว เข้าเป็นที่ 2 ใช้เวลาไปเพียง 20 นาที แต่สิ่งที่ได้จริงๆจากงานนี้ คือ เห็นความพร้อมของคนอื่นๆ มันได้แรงบันดาลใจ”

หลังจากวิ่งงานแรกผ่านไปด้วยดีเกินความคาดหมาย งานวิ่งครั้งที่ 2-3-4 จึงตามมาเรื่อยๆ  ซึ่งธนะชัยบอกว่า นอกจากความสนุกและท้าทายที่เขาสัมผัสได้  ยังมีร่างกายแข็งแรงขึ้น ทำให้ยิ่งมีกำลังใจที่จะฝึกฝนการวิ่งอย่างจริงจังมากขึ้น

          “ผมวิ่งมา 4 ปีแล้ว แต่มาจริงจังช่วงปีที่ 3 เริ่มหาข้อมูลว่าคนที่เป็นภูมิแพ้ ต้องฝึกฝนต่างจากคนสุขภาพปกติอย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่แตกต่าง  เพียงแต่ต้องวิ่งให้ถูกต้อง เช่น เวลาวิ่ง การหายใจต้องสอดคล้องกับการก้าวเท้า ไม่หายใจมั่วๆ การวิ่งที่ถูกวิธีทำให้รู้เลยว่า มันส่งผลดีต่อสุขภาพ มีการทำตารางฝึกซ้อมวิ่งในแต่ละสัปดาห์  ต้องวิ่งให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน ระยะทางการวิ่งวันละไม่ต่ำกว่า 5 กิโลเมตร สูงสุดที่ 10 กิโลเมตร ค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้น เพราะการวิ่งทำให้เรารู้ว่า ความสำเร็จไม่มีทางลัด ไม่มีคำว่าฟลุค มันขึ้นกับการฝึกซ้อม”

ธนะชัย บอกว่า หลังจากเริ่มวิ่งอย่างถูกวิธีและจริงจัง ทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน โดยเขาบอกว่า ปกติก่อนฝนจะตกทุกครั้ง ร่างกายของเขาจะทำหน้าที่เหมือนกรมอุตุฯ  รู้สึกคัดจมูก หายใจไม่ออกขึ้นมาทันที แต่ช่วงหลัง ไม่มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว ที่สำคัญ หลังจากไปผ่าตัดก้อนเนื้อที่จมูกมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผลตรวจล่าสุดไม่พบก้อนเนื้อและไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี !!!

 

นักวิ่งต้องพก “แพสชั่น”

ปัจจุบัน ธนะชัยผ่านการวิ่งในสนามต่างๆ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 80 สนาม ส่วนใหญ่เป็นมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ส่วนมาราธอน 42 กิโลเมตร ลงมาแล้ว 2 สนาม คือ “เมืองไทย-เชียงใหม่ มาราธอน 2018” เมื่อปี 2561 และล่าสุดเมื่อต้นปี 2562 คือ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2019” ซึ่งกว่าจะได้ลงวิ่งแต่ละสนามต้องผ่านการฝึกซ้อม การเตรียมตัว และการวางแผนมาเป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ การสร้างแรงบันดาลใจที่จะนำพาตัวเองไปให้ถึงเส้นชัย

          “เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของนักวิ่งแถวหน้าในประเทศ บางคนเคยเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรง บางคนเคยแม้กระทั่งนอนติดเตียง รอรับกำลังใจจากคนอื่น ซึ่งการได้รับกำลังใจ ทำให้จิตใจดีขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ร่างกายดีขึ้น วิธีทีดีที่สุดคือ เราต้องดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้เป็นเวลา ออกกำลังกายให้เหมาะสม จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บจะค่อยๆ ห่างจากตัวเรา แต่หากเรายังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ สักวันหนึ่งสุขภาพจะแย่ลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะไปฟ้องตอนที่อายุเพิ่มขึ้น”

สำหรับใครที่สนใจมาออกกำลังกายหรืออยากเป็นมือใหม่หัดวิ่ง ธนะชัยแนะนำว่า วิธีง่ายที่สุดคือไปศึกษาหาข้อมูลเรื่องการวิ่งตามหนังสือหรือตามสื่อต่างๆ แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเอง เพราะแต่ละคนมีสรีระและช่วงเวลาการฝึกซ้อมแตกต่างกัน ไม่สามารถลอกเลียนกันได้ ดังนั้น ต้องนำมาปรับให้เข้ากับเวลาที่เรามี สรีระที่เราเป็นอยู่ แล้วมันจะกลายเป็นรูปแบบ เป็นสไตล์การวิ่งในแบบของตัวเรา

แต่สิ่งสำคัญที่นักวิ่งทุกคนควรมีก็คือ “แรงบันดาลใจ”

“ช่วงแรกๆ ที่ฝึกวิ่ง ยอมรับว่าเหนื่อยมาก และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนไม่ประสบความสำเร็จในการวิ่ง แล้วจะทำอย่างไรให้ชนะใจตัวเองได้?  ก็ต้องย้อนกลับมาดูว่า แต่ละคนตั้งธงในการวิ่งเพื่ออะไร ของผมวิ่งเพื่อสุขภาพ อยากให้สุขภาพดี แข็งแรงและมีสรีระที่ดี มันเป็นแรงบันดาลใจให้เราวิ่งต่อไปได้”

          “ถ้าเหนื่อยแล้วหยุด ที่เราลงทุนลงแรงมาทั้งหมด จะไม่ได้ผลอะไร เราต้องนึกถึง Passion ของเรา ไม่มีอะไรที่จะมาเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คุณวิ่ง นอกจากความรู้สึกของตัวคุณเอง” ธนะชัยกล่าวทิ้งท้าย

 

The Author 

ชนันศิริ ปาลบุญ
สาวเมืองกรุงฯ ผู้หลงใหลความเป็นไปของผู้คน และการจิบน้ำผึ้งมะนาวโซดา

 

 

Category:

Passion in this story