สงคราม เงินเฟ้อ น้ำมันแพง นับเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน ทำให้เกิดความระส่ำระสายของสินค้าอุปโภค และสินทรัพย์ทั่วโลก ทอง และน้ำมันทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สินค้าอุปโภคทุกอย่างกำลังดาหน้าขึ้นราคา เราจะอยู่อย่างไรในภาวะเช่นนี้ ทองและน้ำมันยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่…

นักวิเคราะห์จาก แบงก์ ออฟ อเมริกา มองว่า  หากรัสเซียถูกตัดการส่งออกน้ำมัน ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งสูงขึ้นไปแตะ  200 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ ขณะที่ นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรี รัสเซียเตือน หากสหรัฐ และยุโรป แบนน้ำมันจากรัสเซียจริง ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งทะลุ 300 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์

 

ทั้งนี้เพราะรัฐเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกที่มีสัดส่วนประมาณ 7% ของกำลังการผลิตหรือคิดเป็นประมาณ 7 ล้านบาเรลต่อวัน…หากสงครามยังยืดเยื้อราคาน้ำมันก็คงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

 

ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกก็ดีดตัวทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เช่นกัน เพราะในสภาวะที่ไม่มั่นคงเช่นนี้ นักลงทุนจะเลือกขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น สกุลเงิน รวมถึงเงินคริปโท ทั้งหลายเพื่อถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง 

อยู่อย่างไรในยุคข้าวของแพง-05

เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะซ้ำเติมกับสภาวะอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก จากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และภาวะข้าวของแพง…..ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงการที่รัสเซียกำลังจะระงับการส่งออกวัตถุดิบสำหรับทำปุ๋ยเคมี ซึ่งอาจจะทำให้ราคาปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นวัตถุดิบของสินค้าเกษตรทั้งหลายมีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์..แน่นอนว่ากระทบกับปากท้องคนไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

คำถามที่เกิดขึ้นคือ แล้วเราจะอยู่อย่างไรในสภาวะเช่นนี้ คนส่วนหนึ่งยังคงตกงานจากพิษของโควิด-19 คนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังกลับมาทำงานแต่ต้องเจอกับสภาวะค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง…

ตีมลงทุนทอง น้ำมัน ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลงอย่างรุนแรง ทองและน้ำมันกลับขึ้นสวนทาง ถามว่าทองและน้ำมันจะขึ้นไปถึงเท่าไร? คงไม่มีใครตอบได้ แต่หากสถานการณ์สงครามยืดเยื้อรุนแรง สินทรัพย์ทั้งสองก็คงจะทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนแต่ก็มีความเสี่ยงไม่น้อยเช่นกัน หากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครได้ข้อยุติ ราคาของน้ำมันและทอง อาจจะปรับตัวลงแรงได้ทันที ดังนั้นหลักการลงทุนโดยวางไข่ในตะกร้าหลายใบก็ยังใช้ได้ผลดีในช่วงวิกฤตเสมอ

 

อยู่อย่างไรในยุคข้าวของแพง-03

ชีวิตคิดประหยัด สภาวะ “ข้าวยากหมากแพง” ที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทยต้องหันกลับมามองตัวเองใหม่ พระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9  เรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ต้องถูกนำมาใช้ในทุกระดับตั้งแต่ ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศ บริโภคให้น้อย อยู่อย่างพอเพียง ลดการพึ่งพาจากภายนอก เป็นทางออกที่ดีในยุคของแพงเช่นนี้

 

ความพอเพียงเป็นได้ทั้งการลดการบริโภคสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่นของใช้ฟุ่มเฟือย ส่วนน้ำมันถ้าจำเป็นต้องใช้พาหนะเดินทางก็ใช้อย่างเหมาะสม อาหารดินเนอร์มื้อหรูก็อาจจะต้องเลือกทานนานๆครั้ง หรือหากรายได้กับรายจ่ายไม่สมดุล อาจจะเลือกทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เพิ่มเติมอย่างการเปิดหน้าร้านบนออนไลน์ก็ได้

 

สุดท้ายแล้ววิกฤตเข้ามา…แล้วผ่านไป คนที่อยู่รอด คือ คนที่สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้ดี  ท้ายที่สุด  passion gen ขอหยิบยกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9  ใจความตอนหนึ่งให้ฟังว่า

 

“การใช้จ่ายโดยประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเองและครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้ จะมีผลดีไม่เฉพาะแกผู้ประหยัดเท่านั้น ยังจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย”

 

พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธันวาคม 2502

Passion in this story